ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 394 หนทางข้างหน้ายากลำบาก (1)
ตอนที่ 394 หนทางข้างหน้ายากลำบาก (1)
พวกจางติ้งหนานไม่นานก็ออกไป
พวกเขาไปแล้ว พวกถังเฟิงไม่รั้งตัวนานอีกเช่นกัน
เวลานี้หลู่เฟิ่งโหรวค่อยขมวดคิ้วว่า “เธอคิดว่าตัวเองเป็นอธิการบดีหรือไง? เรื่องพวกนี้ควรให้คนอื่นออกหน้า เธอจะออกหน้าไปทำไม?”
“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นบ้านของผม การพัฒนาต้องอาศัยแรงจากทุกคน”
“อย่ามาไร้สาระกับฉัน!”
หลู่เฟิ่งโหรวด่าออกไป ไม่พอใจอย่างมาก
ว่างเกินไปแล้ว!
สร้างปัญหาให้ตัวเอง!
ฟางผิงเอ่ยด้วยยิ้มตาหยี “ทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ผมคิดว่าตอนนี้ฝีมือไม่ได้อ่อนแอจนเกินไป ไม่ว่าจะฝีมือด้านการต่อสู้หรือเศรษฐกิจ รวมถึงอิทธิพล!”
“นั่นไม่เกี่ยวกับเธอ!”
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง?” ฟางผิงแย้งว่า “ผมเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ร่วมดูแลมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ร่วมกับเบื้องบนของมหาวิทยาลัย!”
“เธอเคยนึกถึงอันตรายภายในนั้นหรือเปล่า?” หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่ามองว่าจิตใจมนุษย์สูงส่งจนเกินไป ก็ถูก วันนี้มนุษย์มีการคงอยู่ของศัตรู ผู้ฝึกยุทธ์ต่อสู้อยู่แนวหน้าไม่สนใจความเป็นความตาย!”
“แต่ว่าอย่ามองมนุษย์ทั้งหมดเป็นวีรบุรุษ วีรบุรุษอาจจะมีจุดด่างพร้อย มีความเห็นแก่ตัวเหมือนกัน! ใครกล้าพูดบ้างว่าตัวเองไม่มีความเห็นแก่ตัว? ใครก็ไม่กล้าทั้งนั้น!”
“เธอกล้าหรือเปล่า? ฉันกล้าเหรอ? ปรมาจารย์ที่ตายในสนามรบกล้าหรือเปล่า? มีความเห็นแก่ตัวทุกคนทั้งนั้น!”
ฟางผิงพยักหน้าว่า “ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอกครับ ต้องมีความเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว แต่ในที่แจ้ง ไม่มีใครแตะต้องผม กล้าเสี่ยงกับเรื่องนี้ได้หรอก ส่วนถ้าเข้าไปในถ้ำใต้ดิน…พูดตามตรง หากเข้าไปในถ้ำใต้ดินจริงๆ ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนหลอกใคร เว้นแต่ว่าพวกเขาจะร่วมมือกับผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ ไม่งั้นหากคิดวางแผนกับผมจริงๆ ผมจะหลอกให้พวกเขาตายทั้งหมด ผมไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น เข้าไปในถ้ำใต้ดินแล้ว หากไม่ใช่คนสนิทคุ้นเคยก็ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ทั้งนั้น แม้จะเป็นคนคุ้นเคย ผมก็ไม่อาจเชื่อใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน”
“อาจารย์วางใจเถอะครับ ผมทะลวงขั้นห้าแล้ว ครั้งหน้าเข้าถ้ำใต้ดิน อาจจะขั้นหกไม่ก็กลายเป็นปรมาจารย์ไปเลย หากกลายเป็นปรมาจารย์จริงๆ ก็คงมีแค่ขั้นเก้า ไม่งั้นใครจะฆ่าผมได้?”
“เหอะ!”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นเสียงหนักอีกครั้ง!
ขั้นห้า…ฟังแล้วระคายหูจริง
ตอนนี้ฉันยังขั้นหกอยู่เลย!
ความก้าวหน้าของฟางผิงทำให้คนยากจะรับได้จริงๆ แทบจะทำใจชื่นชมไม่ได้แล้ว ยังไงเธอก็รอให้ฉันกลายเป็นขั้นเจ็ดก่อน ค่อยทะลวงอีกทีได้หรือเปล่า?
นี่ถ้าตัวเองยังไม่ทะลวงด่านอีก ผ่านไปไม่นาน ศิษย์อาจารย์อยู่ขั้นหกทั้งคู่…คนนอกชมว่าหลู่เฟิ่งโหรวสั่งสอนได้ดี ศิษย์เก่งล้ำหน้าอาจารย์เสียแล้ว จะมีคนครุ่นคิดถึงความรู้สึกของเธอบ้างหรือเปล่า?
น่าเศร้าเกินไปแล้ว!
ไม่นึกถึงเรื่องพวกนี้อีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรับไม่ไหว หลู่เฟิ่งโหรวเผยแววตาไม่พอใจ “น้ำแร่พลังงานยังมีอยู่หรือเปล่า?”
ฟางผิงไอแห้งๆ เพิ่งคิดจะอ้าปาก หลู่เฟิ่งโหรวกลับตัดบทว่า “เอามาให้ฉันสักร้อยจิน!”
ฟางผิงแข็งค้างไปทันที กล้าพูดออกมาจริงๆ!
ร้อยจิน!
เห็นเป็นน้ำเปล่าหรือไง?
“ไม่มีแล้วครับ!”
“อย่ามาไร้สาระ ฉันจะใช้เงินซื้อ ไม่สิ ใช้หุ้นส่วนของบริษัทยาบำรุงแลกเปลี่ยนเป็นยังไง?”
“ไม่มีแล้วจริงๆ…”
หลู่เฟิ่งโหรวเผยแววตาไม่สบอารมณ์ ไอ้ตัวดี เอาเรื่องจริงๆ ให้หลี่ฉางเซิงกินหลายร้อยจิน ฉันจะซื้อเธอกลับไม่ขาย!
ฟางผิงเผยสีหน้าขื่นขมว่า “อาจารย์ คุณคิดดูดีๆ ของสิ่งนี้จะเหลือง่ายๆ ขนาดนั้นได้ยังไง เวลานั้นคุณน่าจะไม่รู้ ผมถูกตั้งหลายคนไล่ฆ่า ภายใต้สถานการณ์ไร้ทางเลือก ผมเลยเอาให้อาจารย์หลี่ดูดกลืนไปเยอะขนาดนั้น หากไม่ดูดกลืน คงพกไปไม่ได้ หรือเอาแบบนี้ ครั้งหน้าผมจะไปขโมยมาให้คุณนิดหน่อย…”
หลู่เฟิ่งโหรวหน้าดำคล้ำ ไม่สนใจเขา คิดว่าฉันโง่จริงๆ หรือไง จะเอามาได้ง่ายๆ แบบนั้นที่ไหนกัน
ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็ปวดหัวอยู่บ้าง ครุ่นคิดไปพักหนึ่ง “อาจารย์ คุณอยากทะลวงด่าน น่าจะไม่ต้องการเยอะขนาดนั้นมั้งครับ?”
พลังงานของน้ำแร่แห่งชีวิตมีความเข้มข้นอย่างยิ่ง ตอนนี้อุปสรรคที่ยากที่สุดของหลู่เฟิ่งโหรวคือไม่สามารถรวมพลังจิตใจและปราณเป็นหนึ่งได้ กลับไม่ใช่เรื่องอื่นไกล
เธออยากได้น้ำแร่แห่งชีวิต ก็เพื่อจะใช้พลังงานจำนวนมากพุ่งชนสักหน่อย ดูว่าจะสามารถฝืนหลอมรวมได้หรือเปล่า
หลู่เฟิ่งโหรวมองเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่รู้ ต้องลองดู เธอมีเท่าไหร่?”
“ไม่ถึงสิบกรัม…”
หลู่เฟิ่งโหรวเงียบกริบ มองเขาอยู่อย่างนั้น
สิบกรัม เธอคิดว่าฉันจะเชื่อ?
ฟางผิงทำหน้าราวกับปวดหัว เอ่ยอย่างจนใจว่า “เอาเถอะ ผมจะพูดความจริงก็ได้ ผมยังมีนิดหน่อย น่าจะสามสิบกรัมได้ อาจารย์ ไม่น้อยแล้วจริงๆ พลังงานของน้ำแร่แห่งชีวิตเข้มข้นอย่างมาก สามสิบกรัมอย่างน้อยเทียบได้กับประสิทธิภาพของหินพลังงานฝึกวิชาสามร้อยกรัม ทั้งอาจจะดีกว่านั้น…”
“น้อยไป!”
“ไม่มีแล้วจริงๆ…”
หลู่เฟิ่งโหรวมองเขาต่อ ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “ลองเอามาให้ฉันสักห้าร้อยกรัม…”
ฟางผิงใบหน้าแข็งทื่อ ผมไม่มีจริงๆ!
“อาจารย์ ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น…”
“เธอมีเท่าไหร่?”
“ห้าสิบกรัม…ก็ได้ๆ ผมจะตอบตามตรงละกัน หนึ่งร้อยกรัม มีเยอะถึงแค่นี้แหละ”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ประสิทธิภาพของน้ำแร่แห่งชีวิตฉันไม่เคยลองมาก่อน ตกลงเป็นยังไงตอนนี้พูดยาก เอาแบบนี้เถอะ กลับไปมหาวิทยาลัยก่อน ไปลองที่ห้องแหล่งพลังงาน หากไม่พอ เธอก็เพิ่มอีก…”
ตอนนี้น้ำแร่แห่งชีวิตที่ฟางผิงเหลืออยู่ อย่างมากก็สองร้อยกรัมเท่านั้น ไม่ได้เยอะเท่าไหร่จริงๆ
ศิษย์และอาจารย์พูดคุยกัน จู่ๆ กลับมีคนมาอีกแล้ว!
ครั้งนี้เป็นโจวติ้งกั๋วที่พาคนเข้ามา
“ฟางผิง”
จางติ้งกั๋วทักทาย เอ่ยแนะนำด้วยรอยยิ้มว่า “รัฐมนตรีเซวียจากฝ่ายข้อมูลถ้ำใต้ดินอยากจะทำความเข้าใจสถานการณ์สักหน่อย”
ฟางผิงหัวโตขึ้นมาทันที
ยุ่งแล้ว!
เขาว่าแล้ว เปิดเผยเรื่องเก็บงำลมหายใจต้องถูกจับจ้องแน่
แต่ก่อนที่จะใช้ ฟางผิงก็รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับด่านนี้ เรื่องนี้สำคัญมากจริงๆ
คนที่มากับจางติ้งกั๋วมีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน
ผู้ชายดูเหมือนจะอายุสี่สิบกว่า ผู้หญิงประมาณสามสิบ
ทั้งสองคนไม่พูดมาก เข้าประตูมาก็มองไปทางฟางผิง พยักหน้าให้หลู่เฟิ่งโหรวเล็กน้อย
รอโจวติ้งกั๋วแนะนำเสร็จแล้ว ชายกลางคนที่ถูกเรียกว่ารัฐมนตรีเซวียก็เอ่ยว่า “นักศึกษาฟางผิง พวกเรามาสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์คร่าวๆ ภายในอาณาจักรหนานจิ่วในครั้งนี้…”
พอเขาพูดออกมา ฟางผิงก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
อาณาจักรหนานจิ่ว!
ฟางผิงกล้ามั่นใจว่าในหมู่คนที่ลงถ้ำใต้ดินครั้งนี้ มีแค่ตัวเองที่รู้เรื่องพวกนี้
คนอื่นๆ ไม่ถูกไล่ฆ่าก็ฆ่าคนอื่นอยู่ ใครจะมีเวลามาทำความเข้าใจกับเรื่องเหล่านี้
แน่นอนว่าไม่ตัดพวกโจวติ้งกั๋วเป็นผู้รายงานข้อมูลเช่นกัน พวกเขาอาจจะจับผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำบางส่วนมาถามไถ่ได้เหมือนกัน
ฟางผิงถอนหายใจ ไม่ถามอะไรมาก ไม่ช้าก็เร็วต้องรู้ความในอยู่ดี
หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดอะไร ฟางผิงก็เอ่ยขึ้นก่อน “ไม่ใช่ความลับใหญ่อะไร ผมเคยรายงานกับอาจารย์มาก่อนเหมือนกัน อยู่ฟังด้วยกันก็ได้ครับ”
ผู้อำนวยการเซวียขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้พูดมากเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์หญิงที่อยู่ด้านข้างคนนั้นก็ขมวดคิ้ว ท้ายที่สุดกลับไม่พูดอะไร
—
แต่ละคนหาที่นั่งให้ตัวเอง
รัฐมนตรีเซวียเปิดปากว่า “ฉันขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ฉันชื่อเซวียป้า คนนี้คือหวังอิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลถ้ำใต้ดินของพื้นที่ทางใต้…”
แนะนำไม่กี่ประโยคแล้ว เซวียป้าก็เอ่ยว่า “นักศึกษาฟางสามารถอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักรหนานจิ่วครั้งนี้คร่าวๆ ได้หรือเปล่า”
ฟางผิงฟังจบก็ไม่ชักช้า เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในถ้ำใต้ดินตั้งแต่ต้นจนจบอย่างรวดเร็ว
อีกฝ่ายไม่ได้ขัดจังหวะอะไร จดบันทึกอยู่ตลอด ทั้งเปิดอุปกรณ์บันทึกเสียงไว้เช่นกัน
รอจนฟางผิงพูดจบแล้ว เซวียป้าก็เอ่ยว่า “เธอพูดว่าเธอแฝงตัวเข้าไปในเมืองจู้หลิว ตบตาคนทั้งหมด รวมถึงพืชปีศาจขั้นเก้าด้วย?”
“ใช่ครับ”
“ถ้าสะดวก นักศึกษาฟางพอจะแสดงวิชาลับเก็บงำลมหายใจให้ดูหน่อยได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงครุ่นคิดพักหนึ่ง เอ่ยว่า “ราคาที่ต้องจ่ายนั้นไม่ใช่น้อยๆ…”
เซวียป้าขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นักศึกษาฟางลองดูก่อน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล สามารถหยุดได้ทันที”
“งั้นก็ได้ครับ”
ฟางผิงไม่พูดมากอีก ไม่นานสะพานฟ้าดินก็ปรากฏขึ้น เวลานี้นอกจากโจวติ้งกั๋ว คนอื่นๆ ต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้
น่าเกลียดเกินไปแล้ว!
นี่คือสะพานแห่งฟ้าดิน?
หลู่เฟิ่งโหรวยังทำหน้าตกตะลึงเช่นกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ฟางผิงไม่สนใจพวกเขา พลังจิตใจและปราณจำนวนมากทะลักสู่สะพานฟ้าดิน หลังจากนั้นพลังฟ้าดินก็ปรากฏขึ้น
ภายใต้ความตกตะลึงของทุกคน ฟางผิงกัดฟัน จู่ๆ ก็เอาพลังฟ้าดินกลับคืนสู่ร่างกาย ปากกระอักเลือดออกมา
หลังจากนั้นก็พรั่งพรูพลังจิตใจจำนวนมาก เริ่มเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง จากนั้นพลังของไขกระดูกภายในร่างกายก็ปรากฏขึ้น เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
ฟางผิงเริ่มเปิดใช้ม่านพลังงาน!
ลมหายใจเลือนหายไปแล้ว
เซวียป้าและคนอื่นๆ ต่างมึนงงไปหมด!
นี่…นี่ก็คือวิธีของเขา?
พลังจิตใจ พลังปราณ พลังฟ้าดิน พลังไขกระดูก…
เวลานี้ฟางผิงค่อยเอ่ยว่า “อันที่จริงผมก็ลองสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงค้นพบคุณลักษณะนี้ขึ้นมา หลอมรวมพลังต่างๆ เก็บเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นลมหายใจก็เลือนหายไป ส่วนตกลงเป็นเหตุผลอะไร ผมไม่ชัดเจนเหมือนกัน ผู้บังคับการอู๋เคยวินิจฉัยว่าอาจเป็นเพราะผมเกิดแกนสมองขึ้นล่วงหน้า จากนั้นการกลายพันธุ์ของแกนสมองทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่เป็นทอดๆ”
เห็นอีกฝ่ายจะพูดอีก ฟางผิงจึงเอ่ยออกไปทันที “ผมรายงานกับกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางใต้ หน่วยทหาร ทำเนียบผู้ว่าหนานเจียงและมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว ครั้งนี้กลับเซี่ยงไฮ้ ผมจะไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่สถาบันวิจัยอีกที อันที่จริงก่อนหน้านี้เคยไปตรวจสอบแล้ว แต่ก็ไม่เจออะไร ถ้ารัฐบาลต้องการ ผมสามารถยอมพลีชีพเพื่อชาติ ชำแหละสมองออกมาดูได้…”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา พวกคนที่อยู่ตรงข้ามกลับไม่อาจพูดอะไรอีก
เซวียป้าเผยสีหน้าจนใจ ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “นักศึกษาฟางผิง วิธีเก็บงำลมหายใจเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก อาจจะส่งผลกระทบไปถึงภาพรวมสถานการณ์สงครามของมนุษย์…”
ฟางผิงเอ่ยอย่างให้ความร่วมมือเต็มที่ “ผมรู้ ดังนั้นผมก็อยากกระจ่างใจเช่นกัน ครั้งนี้ไปตรวจสอบที่สถาบันวิจัยก่อน หากยังตรวจสอบอะไรไม่ได้ ผมก็จะชำแหละสมองผม ไม่ว่าจะมีผลลัพธ์หรือเปล่า อย่างมากก็แค่ตาย ชั่วชีวิตนี้ของผมต่อสู้เพื่อมนุษย์และประเทศชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะตายในถ้ำใต้ดิน หรือตายบนพื้นโลกล้วนสร้างคุณูปการให้ประเทศชาติทั้งนั้น!”
———————–