ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 393-2 เป็นผู้บุกเบิกการปฏิรูป (3)
ตอนที่ 393 เป็นผู้บุกเบิกการปฏิรูป (3)
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมรู้ แต่พูดให้ระคายหูหน่อย บริษัทใหญ่พวกนี้ไม่ได้เป็นองค์กรฝึกฝนโดยเฉพาะ หากผู้ฝึกยุทธ์หนานเจียงจะไปฝึกฝนกับพวกเขาจริงๆ ยังไม่รู้ว่าจะถูกสอนออกมาเป็นยังไง ทั้งบริษัทใหญ่พวกนี้อยู่ในตำแหน่งที่ผูกขาด ต้องเปิดข้อเสนอโหดร้ายยิ่งกว่าพวกเราแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ทุกอย่างเป็นแค่ชั่วคราว ผมเชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน ผู้ฝึกยุทธ์หนานเจียงจะเข้าสู่ช่วงเวลาเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะการมีอยู่ของถ้ำใต้ดิน ไม่นานก็จะผลิตอัจฉริยะจำนวนมากออกมา ยอดฝีมือมากมายก่ายกอง ถึงเวลานั้นหนานเจียงจะสามารถเตรียมการได้ทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องยืมแรงจากภายนอกอีก การร่วมมือแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่หากหนานเจียงพึ่งพาพวกบริษัทใหญ่ในตอนนี้ งั้นหลังจากนี้คงต้องพึ่งพาตลอดไปแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์หนานเจียงจะกลายเป็นแรงงานให้บริษัทใหญ่พวกนี้ การมีอยู่ของบริษัทพวกนี้เป็นเรื่องดี ผมไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ ในสถานการณ์ที่ทรัพยากรมีอย่างจำกัด รวบรวมทรัพยากร รวบรวมการผลิต จัดสรรให้ทั้งประเทศ อันที่จริงบริษัทใหญ่พวกนี้นับว่ามีคุณูปการ!”
ฟางผิงเอ่ยอย่างจริงจังว่า “จุดนี้ไม่มีใครปฏิเสธ ช่วงแรกบริษัทใหญ่พวกนี้สร้างผลงานอย่างใหญ่หลวง ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์เจริญรุ่งเรือง รวมถึงกำไรพวกนั้นด้วย สุดท้ายก็เข้าสู่การคลังของรัฐบาล ทุกปีถึงได้มีงบประมาณมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ออกมานับแสนล้าน หน่วยทหารอีกนับล้านล้าน!”
“แต่นั่นมันเมื่อก่อน เวลานั้นปากทางเข้าถ้ำใต้ดินมีน้อย ผลผลิตน้อย ทำได้แค่แบบนี้ แต่ตอนนี้ปากทางเข้ามีเยอะถึงยี่สิบสามแห่ง พวกบริษัทใหญ่ยังอยู่ในตำแหน่งผูกขาด อันที่จริงไม่ใช่แค่เปิดเพื่อประชาชนผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดอย่างเดียวอีกแล้ว เวลานี้ไม่ควรจะผูกขาดต่อไป แต่ควรจะลดต้นทุนในการบ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์ แบบนี้ถึงจะผลิตผู้ฝึกยุทธ์และยอดฝีมือออกมาได้มากกว่านี้ ก่อนหน้านี้บ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งหนึ่งคน อย่างต่ำต้องเริ่มที่หนึ่งล้านหรืออาจจะสูงกว่านั้นอีก! มีกี่ครอบครัวที่สามารถยอมรับไหวกัน? ราคายาบำรุงมูลค่าสูงลิ่ว มีแต่ช่วงที่ขึ้นไม่มีลด! แต่ในความเป็นจริงล่ะ?”
“ผลผลิตของพวกเรามีการเพิ่มขึ้นทุกปี ปากทางเข้าถ้ำอุบัติใหม่ เป็นวิกฤตการณ์ทั้งเป็นโอกาสของมนุษย์เช่นเดียวกัน อันที่จริงพวกเราก็สามารถเพาะเลี้ยงวัตถุดิบบางส่วนออกมาได้ ปัจจุบันพลังงานของโลกเข้มข้นยิ่งขึ้น ทางบริษัทยาบำรุงก็ติดตั้งฐานเพาะเลี้ยงสมุนไพรขึ้นมาไม่น้อย แต่ตอนนี้ยังขูดรีดผลประโยชน์ที่ผู้ฝึกยุทธ์ควรได้ เดิมทีก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ!”
“จุดนี้ผมคิดว่ารัฐบาลกลางน่าจะตระหนักได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้รับการอนุมัติคำขอที่ขยายสายพานการผลิตภายในหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นผู้บุกเบิก ผมคิดว่าในอนาคตสถานการณ์แบบนี้อาจจะเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ หนานเจียงก็ต้องเตรียมทำแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นหนานเจียงไม่อาจจะพึ่งพาบริษัทใหญ่พวกนี้ตลอดไปได้ แต่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของหนานเจียงเอง…”
ฟางผิงพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ทุกคนตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ
พวกหวังจินหยางต่างคิดว่ามีเหตุผล จางติ้งหนานกลับรู้สึกขมขื่นอยู่บ้าง
เดิมทีหนานเจียงก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร อยากจะพึ่งตัวเองให้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น
สูดลมหายใจเข้าลึกแล้ว จางติ้งหนานก็เงียบไปนาน ท้ายที่สุดจึงเอ่ยว่า “สิ่งที่เธอพูดมา ฉันสามารถรับปากได้ แต่เธอก็ต้องครุ่นคิดให้ดี ถ้าเป็นแบบนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนโจมตีเช่นกัน!”
ฟางผิงไม่ใส่ใจ “อยากแข็งแกร่งด้วยตัวเอง ต้องละเมิดข้อห้ามของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียบ้างอยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่ารัฐบาลกลางน่าจะเข้าใจหลักการพวกนี้ อันที่จริงรัฐบาลมีใจที่จะปฏิรูป จุดนี้ผมเชื่อว่าหลายคนมองออก อยากให้ประชาชนมีกำลังพร้อมรบ อยากให้ผู้ฝึกยุทธ์มากกว่านี้ ยอดฝีมือมากกว่านี้ สิ่งที่พื้นฐานที่สุดก็คือลดต้นทุนบ่มเพาะ นี่เป็นเรื่องที่แน่นอน”
“แม้พวกเราจะไม่แย่งธุรกิจ ในอนาคตบริษัทใหญ่พวกนี้ก็ต้องลดราคาลง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นแค่ผู้บุกเบิก บริษัทใหญ่พวกนั้นรวมถึงผู้ได้ผลประโยชน์บางส่วน หากคิดว่ามหาวิทยาลัยทำการล่วงละเมิด แย่งผลประโยชน์ของพวกเขาจริงๆ คงไม่ทำอะไรต่อหน้าอยู่แล้ว อย่างมากก็แอบสร้างปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ได้กลัวอะไร หรือยังจะมีใครกล้าทำสงครามกับพวกเรา? ในเมื่อไม่สามารถ นั่นทำได้แค่กดดันพวกเราจากช่องทางบางส่วน อย่างเช่นลดการจัดสรรทรัพยากรต่อพวกเรา…แต่หากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ถึงเวลานั้นจริงๆ คงไม่สนใจการจัดสรรของพวกเขาเช่นกัน อันที่จริงก็เป็นแค่เสือกระดาษเท่านั้น นอกเสียจากจะไม่เกรงกลัวอะไรเลย ลงมือกับพวกเราตรงๆ ประเด็นอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับหนึ่ง พวกเขาก็ต้องครุ่นคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเช่นกัน!”
จางติ้งหนานเอ่ยเนิบนาบว่า “แล้วเธอล่ะ?”
“ผม?”
ฟางผิงยิ้มบาง “อยากลงมือกับผม นั่นต้องตระหนักถึงผลที่จะตามมา อย่าพูดว่าผมจัดการได้ง่ายๆ แม้จะทำได้ พวกเขาก็ต้องครุ่นคิดถึงโทสะของปรมาจารย์ยอดฝีมือหลายคนนี้?”
ระหว่างที่พูดฟางผิงก็หันหน้าไปว่า “คณบดีหลี่ทะลวงด่านแล้ว อีกไม่นานคณบดีถังก็เหมือนกัน อาจารย์ของผมด้วย รวมถึงอธิการเฉินของจิงหนาน ปรมาจารย์สามคนจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ กระทั่งรวมถึงศิษย์เก่าบางส่วนที่เรียนจบไป ทั้งผู้ว่าจาง ยอดฝีมือที่มีใจจะเปลี่ยนแปลงเช่นกัน จะไม่ทุกข์ไม่ร้อนได้เหรอครับ? ผมไม่ได้แข็งแกร่งอะไรอยู่แล้ว แต่จัดการผม ยังมีคนอีกไม่น้อยจะกรูออกมา นี่ไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียว เป็นเรื่องของทั้งโลกผู้ฝึกยุทธ์…”
ถังเฟิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “นี่เป็นเรื่องของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของคนใดคนหนึ่ง ใครกล้าลงมือ อย่าโทษพวกเราว่าไม่สนใจภาพรวม! ผู้ฝึกยุทธ์แนวหน้า ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย อดีตก็คืออดีต นักรบแนวหน้าจ่ายค่าตอบแทนออกไปมากหน่อย นั่นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ควรจ่ายออกไปเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์! แต่ตอนนี้ควรจะเปลี่ยนได้แล้ว! หากค่าตอบแทนในการฝึกวิชาไม่ลดน้อยลง จะมีผู้ฝึกยุทธ์มากขึ้นได้ยังไง? ครอบครัวธรรมดาทั่วไปปรากฏผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งออกมาเป็นเรื่องยากอย่างมาก!”
“ปากทางเข้าถ้ำอุบัติยี่สิบสามแห่ง ไม่ได้เหมือนหนึ่งแห่งสองแห่งอย่างเมื่อก่อน ในเมื่อรัฐบาลวางแผนจะทำให้ประชาชนพร้อมรบ เปิดเผยเรื่องถ้ำใต้ดิน งั้นก็ต้องให้ความหวังที่จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กับประชาชน ไม่ใช่เปิดเผยแค่ข่าว แต่ไม่ทำอะไรเลย! ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งเม็ด ราคาวัตถุดิบเท่าไหร่กัน? แม้จะรวมกับค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว ท้ายที่สุดก็ไม่อาจจะเกินสามหมื่น! ตอนนี้ออกมาขายกันหนึ่งแสนด้วยซ้ำ! มีกี่ครอบครัวกันที่สามารถรับไหว? มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้บ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ได้บ่มเพาะแค่ผู้ฝึกยุทธ์ที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น อันที่จริงพวกเราหวังว่าจะมีผู้ฝึกยุทธ์ถือกำเนิดจากประชาชนธรรมดามากกว่า ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป! ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ควรจะแบ่งแยกชนชั้นอภิสิทธิ์ด้วยซ้ำ การปฏิรูปนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ!”
ฟางผิงอดมองเขาไม่ได้ หัวสิงโตพูดเก่งจริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลย หัวสิงโตคงไม่ได้แกล้งโง่มาตลอดหรอกนะ?
จางติ้งหนานมองไปทางคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แวบหนึ่ง ไม่พูดมากอีก มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีความคิดนี้ เป็นเรื่องดีต่อโลกผู้ฝึกยุทธ์
ส่วนบริษัทใหญ่พวกนั้นจะชั่งน้ำหนักยังไง นั่นไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ได้ต่อกรง่ายๆ เหมือนกัน เดิมทีก็มีปรมาจารย์หลายคน ปรมาจารย์ที่จบไปอีกไม่น้อย มีอำนาจมากกว่าหนานเจียงเยอะ
จางติ้งหนานคิดว่าสุดท้ายมีโอกาสน้อยที่บริษัทใหญ่พวกนั้นจะฝืนยอมรับ หรือจะเปิดศึกกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จริงๆ?
นั่นคงไม่จำเป็นต้องให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ลงมือ รัฐบาลกลางและหน่วยทหารต้องจัดการพวกเขาอยู่แล้ว
—
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ก็หมายความว่าหนานเจียงและมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ
จางติ้งหนานและมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ได้เขียนสัญญาข้อตกลงอะไร ไม่จำเป็นเช่นกัน เรื่องพวกนี้ ทุกคนปฏิบัติตามความเป็นจริงก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เอริกเกริกใหญ่โตอีกแล้ว
———————