ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 386 ต่างคนต่างมีเรื่องราวของตัวเอง (1)
- Home
- All Mangas
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 386 ต่างคนต่างมีเรื่องราวของตัวเอง (1)
ตอนที่ 386 ต่างคนต่างมีเรื่องราวของตัวเอง (1)
ตัดสินใจกลับไปรวมตัวกับขั้นเก้าที่ปากทางเดินแล้ว ทุกคนก็ไม่ชักช้าอีก
แต่ฟางผิงยังคงระวังตัวไปตลอดทาง
ฉินเฟิ่งชิงเห็นเขาชำเลืองมองตัวเองหลายครั้งก็อดเอ่ยอย่างโมโหไม่ได้ “ฉันไม่ได้ขโมยอะไรเลย!”
ประเด็นอยู่ที่ขโมยไม่ได้!
ตอนนี้เขาสู้ฟางผิงไม่ได้จริงๆ หมัดเดียวก็ถูกฟางผิงชกกระเด็นแล้ว อย่าพูดถึงอีกเลยน่าอนาถจะตายไป
ฟางผิงไม่สนใจเขา คว้าไหล่ของตาเฒ่าหลี่ เอ่ยเตือนว่า “ระวังหน่อย น่าจะยังไม่ปลอดภัย หากเป็นอย่างที่คาด ระหว่างทางกลับไปปากทางเดินต้องมีศัตรูซุ่มโจมตีพวกเราแน่!”
ที่นี่อยู่ห่างจากปากทางเดินหกร้อยลี้
ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ ไม่ว่าจะต้องวิ่งไกลแค่ไหนก็ต้องกลับปากทางเดินอยู่ดี
สาเหตุที่คาดเดาว่าต้องมีคนซุ่มโจมตีเป็นเพราะว่า…ค่าทรัพย์สินไม่ได้เพิ่มขึ้น!
นี่หมายความว่าพวกเขายังหนีจากอันตรายไม่พ้น
สิ้นเสียงของฟางผิง ฉินเฟิ่งชิงและหวังจินหยางก็รีบเข้าไปจับแขนตาเฒ่าหลี่ทันที แม้ตาเฒ่าหลี่จะไม่ใช่ขั้นแปดจริงๆ ความเร็วกลับไม่น้อยเลย แทบไม่ช้ากว่าขั้นแปด วิ่งไปกับเขา ต้องเร็วกว่าอยู่แล้ว
หลี่หานซงช้าไปเล็กน้อย เห็นทั้งสามคนไปเกาะแขนตาเฒ่าหลี่ก็ทำหน้าลำบากใจอยู่บ้าง เข้าไปจับแขนของตาเฒ่าหลี่เหมือนกัน เอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า “อาจารย์หลี่ ลำบากคุณแล้ว”
ตาเฒ่าหลี่ไม่พูดมาก เพิ่มความระวังขึ้นมาทันที
ส่วนเรื่องที่ปฏิกิรยาของหลี่หานซงช้าไปเล็กน้อย…คุ้นชินก็จะดีเอง
ไหนเลยจะเหมือนพวกลูกหมาสามตัวนั่น พอบอกว่าอันตรายก็รีบเกาะหนึบร่างเขาทันที
ฟางผิงกวาดพลังจิตใจไปรอบๆ ระหว่างตรวจสอบสถานการณ์ก็เอ่ยไปพลาง “ถ้าไม่มีขั้นแปด จะสามารถจัดการพวกเขาได้หรือเปล่า?”
ถ้าคนที่มาจู่โจมพวกเขาเป็นขั้นเจ็ดอาจไม่ถึงกับหมดหวังต่อกรได้เสมอไป
ตอนนี้แม้จะหนึ่งต่อหนึ่ง เขาก็อาจสกัดยอดฝีมือขั้นเจ็ดไว้ไม่ได้เสมอไป
ฟางผิงเสียดายอยู่บ้าง ถอนหายใจว่า “คุณเคยฟันขั้นแปดตอนอยู่ขั้นหก ตอนนี้กลับอ่อนแอลงซะงั้น”
ตาเฒ่าหลี่ทำหน้าหมดคำพูด คร้านจะสนใจเขาอีก ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วก็เอ่ยว่า “วิชาหมัดเท้าของฉันธรรมดา กลับไปสร้างกระบี่วิเศษให้สักเล่ม ฉันบ่มเพาะช่วงหนึ่ง เดี๋ยวจะมาฆ่าให้เธอดู!”
พูดถึงอาวุธวิเศษ ฟางผิงสนใจอยู่บ้าง รีบเอ่ยว่า “สร้างอาวุธวิเศษต้องใช้เงื่อนไขอะไรบ้าง?”
อาวุธวิเศษแข็งแกร่งอย่างมาก โจวเจิ้งหยางใช้อาวุธวิเศษระเบิดตัวเองแทบจะเทียบได้กับปรมาจารย์ระเบิดตัวเอง
โจวเจิ้งหยางที่ถืออาวุธวิเศษ มีฝีมือแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ตอนแรกที่สู้ห้าต่อเก้า โจวเจิ้งหยางสร้างผลงานมากที่สุดแล้ว
“อาวุธวิเศษถูกเรียกว่าอาวุธที่ไร้ตัวตน เป็นรูปธรรมเหมือนกับพลังจิตใจ อยู่ทั้งในความเป็นจริงและความว่างเปล่า วัตถุดิบที่สำคัญที่สุดในนั้น อันที่จริงมีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังจิตใจเช่นกัน”
ตาเฒ่าหลี่กดเสียงว่า “อย่างน้อยที่สุดต้องใช้แกนหัวใจและแกนสมองของสัตว์ปีศาจระดับสูงขั้นเจ็ด หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว รวมกับวัสดุโลหะที่หายากบางส่วน นอกจากนี้ยังต้องเพิ่มวัตถุดิบเสริมอื่นๆ อีกไม่น้อย อย่างเช่นกระดูกของสัตว์ปีศาจระดับสูง เถาเลื้อยของพืชปีศาจระดับสูง…สุดท้ายผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงต้องใช้พลังจิตใจและปราณตัวเองบ่มเพาะผสานกับร่างกาย นี่ก็คืออาวุธวิเศษ กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาวุธวิเศษหนึ่งชิ้นน่าจะเทียบได้กับพืชปีศาจหรือสัตว์ปีศาจตัวหนึ่ง…”
ฟางผิงได้ฟังก็เอ่ยเสียงเบาว่า “งั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางสามารถสร้างได้หรือเปล่า?”
“เพ้อฝันเกินไปแล้ว ตอนนี้เธอยังไม่มีคุณสมบัติพอ ควบคุมไม่ไหว”
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัวว่า “อาวุธวิเศษ ปกติจะใช้พลังแห่งฟ้าดินเป็นตัวกระตุ้น ฉันน่าจะใช้ได้เหมือนกัน แต่อาจไม่สามารถแสดงศักยภาพทั้งหมดของอาวุธวิเศษออกมาได้เสมอไป ถ้าเป็นเธอ ควบคุมยังเป็นเรื่องยาก ได้มาแล้วอาจจะใช้ได้ไม่ดีเท่าดาบตั้งโค่วในตอนนี้ด้วยซ้ำ”
“ดาบผิงล่วน”
ฟางผิงแก้ไขประโยค เปลี่ยนชื่อตั้งนานแล้ว
พูดจบ ฟางผิงก็เอ่ยต่อว่า “พูดแบบนี้ อาวุธวิเศษชิ้นหนึ่ง มูลค่าน่าจะเทียบเท่ากับศพสัตว์ประหลาดระดับสูงตัวหนึ่ง?”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
“แพงเอาการ”
นิดเดียวเท่านั้น!
ปกติมนุษย์จะไม่ตั้งใจไปล่าสัตว์ปีศาจระดับสูงพวกนั้น สัตว์ปีศาจระดับสูงบางส่วนอยู่รวมกันเป็นฝูง
ปัญหาใหญ่ของถ้ำใต้ดินยังแก้ไขไม่ได้ ตอนนี้ฆ่าสัตว์ปีศาจอีก หากทำให้สัตว์ปีศาจวุ่นวายขึ้นมา นั่นจะเป็นการสร้างศัตรูให้ตัวเองโดยใช่เหตุ
ยอดฝีมือบางส่วนจะเข้าไปในสถานที่อันตราย บางครั้งพบเจอก็จะสังหารเช่นกัน
ทั้งอยู่ในถ้ำใต้ดิน ยอดฝีมือบางส่วนมีปีศาจสัตว์เป็นพาหนะ หรือจะพูดว่าพันธมิตรก็ได้
ยอดฝีมือบางส่วนของมนุษย์ก็ใช้เป็นพาหนะเช่นกัน เรื่องนี้ฟางผิงเคยได้ยินมาก่อน แต่ปกติขั้นเก้าถึงจะมีได้ ทั้งยังไม่ได้เยอะด้วย
สัตว์ปีศาจบางส่วนที่ถูกล่าก็มาจากคนพวกนี้
หลายปีที่ผ่านมา ทางมนุษย์ก็มีการสั่งสมคลังสินค้าเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีอาวุธวิเศษไม่ได้มีจำนวนเยอะ แต่ก็ไม่ได้น้อยจนเกินไป
ปกติขั้นเก้าจะมีแทบทุกคน ขั้นแปดอาจไม่เสมอไป ขั้นเจ็ดต้องดูที่ทรัพย์สินส่วนตัวหรือโชคเท่านั้น
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “สูงลิ่วเชียวล่ะ ฟางผิง ลองครุ่นคิดเรื่องทำกระบี่ให้ฉันสักเล่มเป็นไง?”
ตาเฒ่าหลี่คิดว่าตัวเองอาจซื้อไม่ไหวเสมอไป จนเกินไป
แต่ฟางผิงมีเงินตั้งมากมาย!
เศรษฐีอย่างแท้จริง!
เรื่องอื่นยังไม่พูดถึง หินพลังงาน น้ำแร่แห่งชีวิตพวกนี้ต่างมีมูลค่าทั้งนั้น
หากมีน้ำแร่แห่งชีวิตเยอะพอ แลกเปลี่ยนเป็นอาวุธวิเศษชิ้นหนึ่งได้ด้วยซ้ำ
ฟางผิงใบหน้าดำคล้ำไม่ปริปาก ตอนนี้ตาเฒ่าหลี่กำลังจับจ้องคลังทรัพย์สินเล็กๆ ของเขาเหมือนกัน จะไม่โกรธได้หรือไง?
“ฟางผิงลองครุ่นคิดดูสักหน่อยเถอะ ถ้าฉันมีอาวุธวิเศษ สังหารขั้นเจ็ดราวกับหักคอไก่ ฆ่าขั้นแปดอาจจะมีหวังเหมือนกัน ฆ่าขั้นเก้า…”
เอาเถอะ ตาเฒ่าหลี่คิดว่าตัวเองไม่อาจโม้ได้อีกแล้ว หากโม้ต่อไป ฟางผิงล่อขั้นเก้าเป็นโขยงมาให้เขาจริงๆ เขากลัวว่าหัวใจตัวเองคงต้องระเบิดแล้ว
ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ มีโอกาสสูงซะด้วยซ้ำ
ฟางผิงไม่สนใจเขา เอ่ยต่อว่า “ใช่สิ ปรมาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พวกนั้นมีอาวุธวิเศษกันหรือเปล่า?”
“ไม่มีสักคน”
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัว จนกันทั้งนั้น!
แม้อู๋ขุยซานจะเป็นอธิการบดี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีเงิน อธิการจนเป็นเหมือนกัน
ดูจากปรมาจารย์ที่เข้ามาในครั้งนี้ก็รู้แล้ว ต่ำกว่าขั้นเก้าลงไปมีแค่โจวเจิ้งหยางคนเดียวเท่านั้น
ทำไมล่ะ?
เพราะคนเขามีเงินน่ะสิ!
โจวเจิ้งหยางเป็นหัวหน้าหอศิลปะการต่อสู้ที่มีสาขากระจายทั่วหนานเจียง ทั้งเกือบทั่วประเทศจีนด้วยซ้ำ
รวมเข้าด้วยกันแล้วอาจจะมีหอศิลปะการต่อสู้หนึ่งร้อยแห่งได้
หอศิลปะการต่อสู้หนึ่งแห่ง ปีหนึ่งรายรับสิบล้านไม่ใช่เรื่องยาก ทุกปีมีรายได้กว่าหนึ่งพันล้าน!
หอศิลปะการต่อสู้เจิ้งหยางยังเปิดทำการมาหลายปีแล้ว ทรัพย์สินของโจวเจิ้งหยางไม่พูดถึงหมื่นล้าน แต่หลายพันล้านต้องถึงอย่างแน่นอน คนอื่นๆ ไม่ได้มีทรัพย์สินเท่าเขา
ยิ่งไปกว่านั้นโจวเจิ้งหยางยังเข้าไปล่าสัตว์ในถ้ำใต้ดินเช่นกัน
พูดถึงเรื่องอาวุธวิเศษ ฟางผิงก็ตระหนักถึงโจวเจิ้งหยาง ปรมาจารย์ขั้นเจ็ดเหมือนจะมีแค่โจวเจิ้งหยางที่ถือครองอาวุธวิเศษ
ฟางผิงตระหนักได้ หวังจินหยางก็ตระหนักได้เหมือนกัน
ฟางผิงนั้นรู้สถานการณ์สงครามของปรมาจารย์บางส่วนอยู่บ้าง แต่หวังจินหยางล่วงหน้าไปก่อนนานแล้ว หลายวันนี้เอาแต่หลบหนีจากการไล่ฆ่าข้างนอก จึงไม่รู้สถานการณ์คร่าวๆ
ตั้งแต่เจอกันจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ทันถามอะไรเลย
ตอนนี้ฟางผิงเอ่ยถึงเรื่องอาวุธวิเศษขึ้นมา หวังจินหยางจึงเอ่ยทันที “อาจารย์หลี่ สงครามวันนั้น ปรมาจารย์คนอื่นๆ สถานการณ์เป็นไงกันบ้าง?”
ตาเฒ่าหลี่ปิดปากเงียบอย่างฉับพลัน
ฟางผิงกลับไม่สนใจ กระซิบว่า “คนอื่นๆ ฉันไม่รู้ แต่หัวหน้าโจวตายในสงครามแล้ว”
ตอนที่เขาออกมา โจวเจิ้งหยางระเบิดตัวเองแล้ว
“ตะ…ตายแล้ว?”
แววตาของหวังจินหยางหม่นหมองลงทันที!
ตามท้องถนนแทบจะมีข่าวลือว่ามีปรมาจารย์คนหนึ่งหนุนหลังให้หวังจินหยางอยู่ ไม่ใช่อธิการบดีมหาวิทยาลัยหนานเจียง
นั่นไม่ใช่ข่าวลือ!
เป็นเรื่องจริง
ทั้งปรมาจารย์คนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโจวเจิ้งหยาง
———————–