ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 377 สะพานฟ้าดินถูกบีบจนเบี้ยวแล้ว (1)
- Home
- All Mangas
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 377 สะพานฟ้าดินถูกบีบจนเบี้ยวแล้ว (1)
ตอนที่ 377 สะพานฟ้าดินถูกบีบจนเบี้ยวแล้ว (1)
ในเวลาเดียวกัน
สถานที่ที่ห่างจากทั้งสองคนนับร้อยลี้
หลี่หานซงหอบหายใจ เอ่ยเสียงเบาว่า “เหมือนจะไปแล้ว!”
“อืม”
ฉินเฟิ่งชิงลูบคาง หอบหายใจว่า “น่าแปลก ไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ? ฉันยังวางแผนจะล่อพวกเขาไว้ตั้งหลายวัน”
หวังจินหยางเอ่ยอย่างครุ่นคิด “เหมือนจะมีเรื่องด่วน…คนของพวกเราบุกมาแล้ว?”
ถ้าทางเดินของหนานเจียงส่งคนมา คนพวกนี้ผละตัวไปก็สมเหตุสมผลแล้ว
“เร็วขนาดนี้เลย?”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างสงสัย “ทางเดินวันนี้ยังไม่ฟื้นฟูหรอกมั้ง?”
“อาจจะเป็นพวกผู้บังคับการอู๋ที่สร้างแรงกดดันให้อีกฝ่าย”
ฉินเฟิ่งชิงยังคงสงสัยต่อ พึมพำว่า “ฉันคิดว่าน่าจะไปไล่ฆ่าฟางผิงมากกว่า”
พวกหวังจินหยางต่างมองเขาโดยไม่ได้นัดหมาย นายคิดอะไรอยู่กัน?
ฉินเฟิ่งชิงพึมพำว่า “เชื่อเถอะ สัญชาตญาณมันบอก! เจ้านั่นต้องแฝงตัวเข้าไปในเมืองแล้ว บางทีอาจจะขโมยของในจวนเจ้าเมือง ตอนนี้ถูกคนอื่นเขาไล่ฆ่าอยู่”
หลี่หานซงอดช่วยแก้ต่างให้ฟางผิงไม่ได้ “พูดจาเหลวไหล ต่อให้ฟางผิงโง่ยังไงก็ไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก ไปสืบข้อมูลยังจะพอว่า”
แม้จะสามารถปะปนเข้าไปในเมือง เขาก็ไม่คิดว่าฟางผิงจะทำเรื่องโง่แบบนั้น
ขโมยของในจวนเจ้าเมือง? ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไง?
“ไม่เชื่อก็แล้วแต่ ฉันรู้สึกว่าฟางผิงต้องทำเรื่องเลวๆ อะไรแล้วถูกคนไล่ฆ่าแน่”
พูดจบฉินเฟิ่งชิงก็ถอนหายใจ “อย่าไปสนใจมากเลย ในเมื่อพวกเขาไปแล้ว งั้นพวกเรามาทำต่อกันเถอะ”
“ทำต่อ?”
หลี่หานซงตกตะลึงไปเล็กน้อย
“ใช่สิ คนไปแล้ว งั้นก็มาทำต่อกัน ฉวยโอกาสที่พวกเขามีปัญหาไม่หยุดหย่อน พวกเรามาปล้นสะดมฆ่าคนต่อ ฆ่าระดับกลางได้หนึ่งคนก็สามารถช่วยมนุษยชาติได้นับไม่ถ้วนแล้ว พวกเราคือวีรบุรุษของมนุษยชาติ! ช่วงชิงหินพลังงานได้หนึ่งก้อน นั่นก็เป็นการลดทอนความแข็งแกร่งของศัตรูลง ทำให้มนุษยชาติมีชัยชนะยิ่งกว่า! พวกเราคือผู้บุกเบิกที่ยิ่งใหญ่…”
ฉินเฟิ่งชิงชมตัวเองอยู่ยกใหญ่ หลี่หานซงอดเอ่ยไม่ได้ “ฉันบาดเจ็บค่อนข้างหนักจริงๆ นะ…”
“ไม่เป็นไร ดูดกลืนหินพลังงานให้มากหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว ไปเถอะ รีบหน่อย”
“ฉันอยากรักษาบาดแผล…”
“นายจะถ่วงเวลาหรือไง? ไปเถอะ ทำเวลาหน่อย มีเวลาให้รักษาอยู่แล้ว ทำสงครามต้องทำอะไรให้รวดเร็ว รอคนเขามีปฏิกิริยา ฉุกคิดได้ พวกเราก็ไม่มีโอกาสแล้ว”
หลี่หานซงมองไปทางหวังจินหยางราวกับขอความช่วยเหลือ ฉันอยากรักษาอาการบาดเจ็บจริงๆ
หวังจินหยางเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “พอจะทนได้หรือเปล่า?”
“ได้น่ะได้ แต่ว่า…”
“งั้นก็ดี ไปเถอะ ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ฉันวิ่งมาเหมือนเห็นมีหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ไกลออกไปทางใต้สี่ร้อยกว่าลี้ ตอนนี้พวกเขาคงไม่คิดว่าพวกเราจะกลับไปฆ่าอีก ตามกฎเดิม ผู้ฝึกยุทธ์ฆ่าให้หมด ชิงของแล้วก็ไป!”
“ได้!”
“พวกนาย…”
หลี่หานซงแทบจะร้องไห้รอมร่อ!
พวกนายไม่มีความรู้สึกกันเลยหรือไง?
เจ้าสองคนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน ฉินเฟิ่งชิงถูกคนยิงธนูใส่ก้น รูแทบจะบานอยู่แล้ว นี่ยังอดทนไหวอีก?
“ไก่อ่อน!”
ฉินเฟิ่งชิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “นับวันปักกิ่งก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ คนอย่างนายมาเรียนที่เซี่ยงไฮ้ รับตำแหน่งรองประธานสมาคมก็เป็นภาระเท่านั้น!”
“ฉัน…”
ฉันแค่อยากจะรักษาตัวเท่านั้น!
หลี่หานซงอยากร้องไห้กลับไม่มีน้ำตา ฉันไม่ได้กลัวสงคราม ไม่ได้หนีการรบ ทั้งไม่ได้บอกว่าจะไม่ฆ่าคน ฉันแค่อยากรักษาตัวก่อน รักษาอาการบาดเจ็บ!
ตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่เข้ามาจนถึงตอนนี้ก็ปาไปสี่สิบแปดชั่วโมงแล้ว!
เอาแต่วิ่งหนีตายมาโดยตลอด!
ถูกไล่ฆ่า สู้กลับ ขโมยของ วิ่งหนี ถูกวิ่งไล่ตามต่อ…ฉันเหนื่อยจริงๆ ง่วงด้วย อยากพักผ่อนสักหน่อย อยากรักษาตัวสักหน่อยเท่านั้น
หวังจินหยางขมวดคิ้วว่า “อดทนอีกหน่อยเถอะ ไม่เป็นไรหรอก คุ้นชินก็จะดีเอง”
อยู่ในถ้ำใต้ดินต้องคุ้นชินกับการถูกไล่ฆ่าเป็นธรรมดา
ไม่ได้ฆ่าคนบ่อยเท่าไหร่ ส่วนมากจะถูกคนไล่ฆ่า ถูกคนไล่ฆ่าถึงจะหมายความว่าได้อะไรกลับมา
ไม่ไปหาเรื่องยอดฝีมือ ไม่ก่อเรื่องให้เขาไล่ฆ่า จะได้รับอะไรกลับมาได้ยังไง
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ถูกคนไล่ฆ่า ไม่อาจเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ดีได้
ถูกคนไล่ฆ่า คนที่ไล่ฆ่าแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็หมายความว่าคุณได้รับอะไรกลับไปมากเท่านั้น
เอาแต่ฆ่าผู้อ่อนแอ นั่นมีแต่จะอ่อนแอลง
“คุ้นชินก็จะดีเอง…”
หลี่หานซงพึมพำเบาๆ เขาไม่ทันตระหนักถึงเรื่องนี้จริงๆ
ในถ้ำใต้ดินปักกิ่ง อันที่จริงมนุษยชาติเป็นฝ่ายครองความได้เปรียบ
สงครามในเวลานั้น แม้ปักกิ่งจะสูญเสียอย่างหนัก แต่ก็สังหารยอดฝีมือถ้ำใต้ดินปักกิ่งไปเป็นจำนวนมาก ถึงกระทั่งล้างบางไปสองเมือง นี่ทำให้เมืองศัตรูของถ้ำใต้ดินปักกิ่งอยู่ห่างไกลจากพวกเขาอย่างมาก
พื้นที่ใจกลางก็เป็นความได้เปรียบของมนุษย์เช่นกัน บีบเค้นให้อีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ
ทั้งถ้ำใต้ดินปักกิ่งยังมียอดฝีมือขั้นเก้าเฝ้าระวังอยู่ มีความปลอดภัยมากกว่า
หลี่หานซงใช้เวลาอยู่ในถ้ำใต้ดินปักกิ่งนานเช่นกัน แต่น้อยครั้งที่จะถูกคนไล่ฆ่า หรือจะพูดว่าแทบไม่มีเลย
ที่นั่นมนุษย์ไล่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำกลับจะเกิดขึ้นบ่อยมากกว่า
ระหว่างที่หลี่หานซงกำลังพูดอยู่ ฉินเฟิ่งชิงก็บิดตูดวิ่งไปข้างหน้าแล้ว “จะปล่อยให้ฟางผิงทิ้งห่างไม่ได้ เจ้านั่นตอนนี้ไม่รู้ว่าช่วงชิงของดีไปเท่าไหร่แล้ว พวกเราจะมาเคลื่อนไหวเล็กๆ ไม่ได้ ฉันว่าปล้นหมู่บ้านนี้แล้ว ฉวยโอกาสที่ทีมที่สองของหนานเจียงมาช่วยเหลือ พวกเราไปกวาดรังอีกฝ่ายกันเถอะ!”
“อันตรายเกินไป ถ้ามีระดับสูงรักษาการณ์อยู่ คงต้องตายสถานเดียว” เสียงของหวังจินหยางลอยตามมา เอ่ยขึ้นอีกว่า “แต่กองหนุนของหนานเจียงมาแล้ว สู้กันขึ้นมา พวกเราสามารถซุ่มโจมตีกลางทางได้ ดูว่าจะพอฆ่าขั้นห้าขั้นหกบางส่วนได้หรือเปล่า ฆ่าได้ก็ได้ผลประโยชน์แล้ว”
“หรือจะอ้อมเมืองนี้ไป พวกเราคลำไปข้างหลังแทน ปกติยิ่งเข้าไปข้างหลังเท่าไหร่ก็ยิ่งอุดมสมบูรณ์เท่านั้น ฉันมีประสบการณ์อยู่บ้าง หมู่บ้านข้างหลังจะอุดมสมบูรณ์กว่า มียอดฝีมือมากกว่า มีโอกาสชิงหินพลังงานสูงกว่าเหมือนกัน!”
“ไว้ค่อยว่ากัน ไปหมู่บ้านข้างหน้านั่นก่อนเถอะ”
“ได้ กอบโกยก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“…”
ทั้งสองคนพูดกันราวกับไม่มีใครอยู่ด้านข้างอีก หลี่หานซงตามไปด้วยใบหน้าเศร้าซึม แทงใจเกินไปแล้ว แทงใจจนรับไม่ไหวอยู่บ้าง
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่อื่นบ้าคลั่งกันแบบนี้หมดเลยหรือไง?
—
ในเวลาเดียวกัน
ปากทางเดินถ้ำใต้ดิน
โจวติ้งกั๋วซัดฝ่ามือใส่ทหารเกราะที่อยู่รอบๆ ตายทั้งหมดด้วยฝ่ามือเดียว ขมวดคิ้วเล็กน้อย “น่าแปลก ไม่ใช่กับดัก!”
เช้าตรู่จู่ๆ ขั้นเก้าคนนั้นก็ออกไป
เดิมทีคิดว่าเป็นกับดับ นึกไม่ถึงว่าจะไม่เหลือระดับสูงไว้สักคนจริงๆ
แต่ทางเดินเป็นพื้นที่ที่ต้องแย่งชิง โจวติ้งกั๋วไม่อาจสนใจอะไรได้มากนัก นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเหลือเหยื่อให้มากขนาดนี้ งั้นจะกินไปแล้วกัน อย่างมากก็แค่หนีต่อ ไปรวมตัวกับผู้บังคับการอู๋
แต่ตอนนี้ฆ่าทหารเกราะพวกนี้แล้ว อีกฝ่ายยังคงไม่กลับมา
เวลานี้โจวติ้งกั๋วจึงแปลกใจอยู่บ้าง
ไม่ได้ครุ่นคิดมากมาย ฆ่าคนทั้งหมดแล้ว ยอดฝีมือขั้นหกคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจากที่ไกลๆ โจวติ้งกั๋วเห็นแบบนั้นจึงเอ่ยทันที “นายเข้าไปก่อน รอทางเดินเสถียรแล้วกลับไปรายงานข่าวทันที!”
พูดจบ โจวติ้งกั๋วก็ถอนหายใจ “ที่นี่มีกองกำลังจากสองเมือง ขั้นเก้าสองคน ขั้นแปดมีห้าถึงหกคน ขั้นเจ็ดประมาณยี่สิบคน แต่อีกเมืองหนึ่งไม่ได้เคลื่อนไหวสุดกำลัง มีแค่เจ้าเมืองที่นำทีมขั้นแปดไม่กี่คนไล่ฆ่าผู้บังคับการอู๋ รอทางเดินเสถียรแล้ว พรุ่งนี้เช้าพวกนายค่อยเข้าไป ฉันจะไปหาผู้บังคับการอู๋ ประสานร่วมมือทั้งภายนอกและในทะลวงการป้องกัน ตั้งฐานทัพไว้ที่นี่!”
“ได้!”
ขั้นหกคนนี้ไม่ใช่คนที่ลังเลเช่นกัน ระหว่างที่พูดก็เอ่ยด้วยเสียงเศร้าสร้อยว่า “ผู้บัญชาการโจวระวังตัวด้วย ตอนนี้เหลือแค่พวกเราไม่กี่คนเท่านั้น”
“นายก็เหมือนกัน ทางเดินยังไม่เสถียร หากพวกถ้ำเข้าไป อาจจะเจอนายเข้า…ถึงเวลานั้นต้องเสี่ยงเดิมพันครั้งสุดท้าย ดูว่าจะสามารถกลับไปได้หรือเปล่า!”
ทางเดินไม่เสถียร บุ่มบ่ามเข้าไปจะถูกพลังงานระเบิดจนกลายเป็นผุยผงได้
มีแค่ต้องรอให้พลังงานไม่ระเบิดอีกถึงจะสัญจรไปได้
ตอนนี้เข้าสู่ทางเดินเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นกัน จะสามารถย้อนกลับไปบนโลกช่วงที่พลังงานเสถียรได้หรือเปล่าก็อยู่ที่โชคแล้ว ทั้งเป็นภารกิจที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
แต่ขั้นหกคนนี้กลับไม่คิดอิดออด
เวลานี้ยอดฝีมือขั้นหกเหลือแค่เขาคนเดียวแล้ว
อีกคนหนึ่งไม่ได้หนีรอดจากครั้งก่อน หลังจากหลบหนี ยังถูกยอดฝีมือขั้นเจ็ดที่มีโทสะไล่ตามทัน ขั้นหกเจอกับขั้นเจ็ดน้อยนักที่จะมีคนหนีรอดอยู่แล้ว
ตอนนี้พวกเด็กหนุ่มก็ไม่มีเบาะแสเลย ยังไม่รู้ว่ามีชีวิตรอดกันหรือเปล่า
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกมีแค่เขาที่รอดชีวิต
อู๋ชวนที่อยู่ขั้นเก้ากำลังถูกคนล้อมฆ่า ตอนนี้ยังไม่รู้เป็นหรือตาย
โจวติ้งกั๋วที่อยู่ขั้นแปด จนถึงตอนนี้อาการบาดเจ็บยังไม่ดีขึ้น
ยอดฝีมือขั้นเจ็ด สองคนตายในสงคราม อีกสองคนบาดเจ็บหนัก ที่เหลืออีกคนกำลังช่วยดูแลอยู่ ไม่กล้าเคลื่อนไหวส่งเดชเช่นกัน
ตอนนี้คนที่สามารถกลับไปส่งข่าวได้ มีแค่เขาเท่านั้น
“งั้นฉันจะไป!”
“ระวังด้วย!”
รอคนผู้นี้เข้าไปในทางเดินแล้ว โจวติ้งกั๋วก็ถอนหายใจเบาๆ จะมีชีวิตรอดกลับไปหรือเปล่า อยู่ที่โชคชะตาแล้ว
หากภายในทางเดินมีพลังงานปั่นป่วน มีโอกาสสูงที่จะระเบิดใส่อีกฝ่ายเช่นกัน
มองไปข้างหลังอีกครั้ง เกิดอะไรขึ้นกันแน่? นึกไม่ถึงว่ายอดฝีมือขั้นเก้าคนนั้นจะละทิ้งการเฝ้าระวังทางเดินอย่างไม่สนใจอะไร?
ผู้บังคับการอู๋งั้นเหรอ?
โจวติ้งกั๋วไม่รู้ ทั้งไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน ตอนนี้เขายังต้องไปรวมตัวกับผู้บังคับการอู๋ หาโอกาสประสานภายนอกและใน ครอบครองปากทางเดินให้ได้แล้วค่อยว่ากัน
————————-