ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 314-2 เลือกยังไงดี (2)
ตอนที่ 314 เลือกยังไงดี (2)
หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัวเบาๆ “อันที่จริงตอนนี้หนานเจียงเตรียมตัวพร้อมอย่างดีแล้ว รัฐบาลกลางและหน่วยทหารต่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว พื้นที่อื่นๆ ก็มีการเตรียมความพร้อมเหมือนกัน สำหรับหนานเจียงแทบไม่มีความแตกต่างอะไร แต่จางติ้งหนานยังคงเชิญชวนผู้ฝึกยุทธ์ทั่วสารทิศมาเข้าร่วมสงครามผู้คุ้มกัน เพราะเขาให้ความสำคัญกับหนานเจียงเกินไป ไม่อยากให้มีช่องโหว่อะไรเกิดขึ้น จางติ้งหนานเป็นผู้ว่าที่ดีคนหนึ่ง จุดนี้ไม่อาจโต้แย้งได้ แต่หากจะเพิ่มคำชื่นชมให้เขา เขาก็เป็นแค่ผู้ว่าที่ดีของหนานเจียงเท่านั้น…”
“เอาเถอะ ลากประเด็นออกไปไกลแล้ว”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดเรื่องนี้ต่อ แต่ยังคงครุ่นคิด พูดเสริมว่า “ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเก่าต่างเห็นความสำคัญของบ้านเกิดอย่างมาก ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่กลับไม่ได้สนใจขนาดนั้น”
อย่างรุ่นของจางติ้งหนานก็ให้ความสำคัญกับบ้านเกิดเมืองนอนกว่าคนสมัยนี้
ไม่ใช่แค่จางติ้งหนาน ปัจจุบันมีผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเก่าหลายคนเป็นแบบนี้เช่นกัน
ในถ้ำใต้ดินบ้านเกิด พวกเขาสามารถหลั่งเลือดสละชีพโดยไม่เสียดายได้
แต่หากมีความต้องการช่วยเหลือจากภายนอก คนพวกนี้จะปัดความรับผิดชอบหรืออาจจะออกไปทำงานอื่นไม่คิดลงแรงสนับสนุน
ไม่อาจพูดได้ว่าพวกเขาเป็นคนเลว พวกเขาอยู่ที่ถ้ำใต้ดินบ้านเกิดยอมสละเลือดเนื้อ เป็นทหารรุ่นสู่รุ่น เข้าสู่ถ้ำใต้ดินทั้งบ้าน เห็นอยู่กันจนชินตา
รบตายในถ้ำใต้ดินก็มีให้เห็นอยู่ตลอด
คนพวกนี้จะบอกว่าพวกเขาเป็นคนเลวได้งั้นเหรอ?
รวมถึงครอบครัวตระกูลเฉินและปู่ของเฉินเจียเซิงจากมหาวิทยาลัยตงหลิน อันที่จริงพวกเขาก็เป็นแบบนี้ หลั่งเลือดในสนามรบเพื่อตงหลิน สละชีพโดยไม่เสียดายเพื่อตงหลิน
เปลี่ยนเป็นสถานที่อื่น ปรมาจารย์ตระกูลเฉินอาจไม่สู้สุดใจขนาดนี้เสมอไป
คุณคิดว่าเขารักแค่บ้านเกิดเมืองนอน คิดว่าเขาโบราณหัวรั้น นั่นก็เป็นแค่ความคิดส่วนตัวของคุณ พวกเขายังคงเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญ
ฟางผิงถอนหายใจว่า “งั้นผมควรจะทำยังไงดี?”
“ไม่รู้ เลือกเอาเอง ฉันเป็นแค่อาจารย์ของเธอ ไม่มีอำนาจตัดสินความเป็นความตายให้เธอได้ ผู้ฝึกยุทธ์คิดเพื่อส่วนรวมทั้งคิดเพื่อส่วนตนเช่นกัน จิตใจที่เห็นแก่ส่วนรวมและจิตใจที่เห็นแก่ตัวแทบไม่แตกต่างกัน หากยกเรื่องคุณธรรมมาพูด ฉันหวังให้เธอไป แต่ถ้าเป็นความเห็นแก่ตัว ฉันอยากให้เธอไม่รับภารกิจนี้ ยอดฝีมือระดับสูงลงมือ เธอต้องพนันกับโชคชะตา”
“ถ้ามีขั้นแปดสองคนคุ้มครอง ความปลอดภัยของผมก็จะมีการรับประกัน?”
“มีน่ะมี แน่นอนว่าบางครั้งถ้าดวงซวยก็ช่วยไม่ได้จริงๆ”
หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัว แม้จะมีขั้นเก้าคุ้มครอง ถ้าดวงซวยเธอก็ต้องตาย นี่เป็นเรื่องที่พูดยาก
“อธิการจะรับปากคุ้มครองผมหรือเปล่า?”
“ไม่แน่”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อว่า “ปรมาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อาจไม่รับปากเสมอไป เพราะนี่จะทำให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ติดไปอยู่ในโคลนลึกได้ แน่นอนว่าถ้าเธอเอ่ยออกมาจริงๆ แม้ว่าในใจจะไม่ยินยอม พวกเขาก็อาจไม่ปฏิเสธเช่นกัน แต่เธอคิดให้ดี ถ้าเธอตายแล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ไม่จำเป็นต้องติดหล่มไปกับหนานเจียงอีก”
ฟางผิงมุมปากกระตุก ตอนนี้ให้ฉันเชิญ ฉันยังไม่กล้าเชิญด้วยซ้ำ
“งั้นร่างทองขั้นแปดหนึ่งคนกับขั้นเจ็ดหนึ่งคนพอได้ไหมครับ?”
“มันก็ได้เหมือนกัน มีสองคนอยู่ ประเด็นหลักต้องมีคนหนึ่งสกัดไว้ ให้มีหลักประกันความปลอดภัย ถึงช่วงเวลาสำคัญขั้นแปดคนนั้นก็ต้องยินดีลงมือ ย่อมสามารถควบคุมสถานการณ์ได้”
ระหว่างที่พูด หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยว่า “บางทีจางติ้งหนานอาจขอให้ขั้นแปดลงมือได้ เธอไม่ได้ถามเรื่องนี้?”
ฟางผิงยิ้มเฝื่อนๆ “ผมไม่กล้าเชื่อนักการเมือง หากผมรับภารกิจจริงๆ นั่นคงต้องหาคนเอง ผมกลัวว่าถึงเวลานั้นผู้ว่าจางจะพูดว่าคนเป็นเรื่องเล็ก หนานเจียงเป็นเรื่องใหญ่ ร้องไห้คงจะร้องไม่ออกด้วยซ้ำ”
หลู่เฟิ่งโหรวหัวเราะ “ยังไม่นับว่าโง่ถึงขั้นกู่ไม่กลับ แม้ว่าจางติ้งหนานอาจไม่ทำอย่างนั้นเสมอไป แต่หากเจอสถานการณ์ที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจริงๆ จะเลือกฆ่าระดับสูงของพวกนอกรีตหรือช่วยชีวิตเธอ นั่นพูดยากแล้ว”
“พอจะมองภาพออกแล้วครับ”
ฟางผิงส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยขุ่นเคืองอะไร ยังคงเป็นประโยคนั้น ทุกคนอยู่ในจุดที่ไม่เหมือนกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งหากเจอสองคนตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน จะเลือกช่วยเหลือน้องสาวตัวเองหรือช่วยผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะ ฟางผิงมีคำตอบอยู่ในใจเช่นกัน
“อาจารย์ งั้นผมขอตัวก่อน”
ฟางผิงไม่พูดมากอีก หยัดกายขึ้นเดินออกไปข้างนอก
เพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว หลู่เฟิ่งโหรวก็เอ่ยขึ้นว่า “อย่าลืมให้คนมาส่งโซฟาฉันด้วย”
“รู้แล้วครับ”
ฟางผิงไม่ได้ใส่ใจนัก โซฟาจะราคาเท่าไหร่กันเชียว เขาอยู่ข้างนอกเหยียบกระเบื้องแตกแผ่นหนึ่งยังถูกปรับตั้งหลายแสน
จวบจนฟางผิงจากไป หลู่เฟิ่งโหรวค่อยพึมพำว่า “เจ้าเด็กนี่จะเลือกอะไรนะ?”
—
ออกมาจากห้องแหล่งพลังงานวันที่แปด คนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ได้รับข่าวการออกด่านของฟางผิงแล้ว กลับยังคงหาตัวฟางผิงไม่พบ
ไม่ใช่แค่วันที่แปด วันต่อมาก็ยังหาฟางผิงไม่เจอ
จวบจนกลางดึกวันที่เก้า คนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ต่างร้อนใจแล้ว
พรุ่งนี้เป็นวันเปิดฉากการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ ฟางผิงไม่ปรากฏตัว เรื่องนี้ไม่อาจจัดการได้ง่ายแล้ว
ดีที่กลางดึกฟางผิงก็ปรากฏตัวขึ้น
ภายในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์
พอเห็นฟางผิงทุกคนจึงค่อยโล่งใจ
เหลียงเฟิงหวาถอนหายใจเช่นกัน “ในที่สุดนายก็มา ถ้านายยังไม่มา กลัวว่าคนพวกนี้คงจะจับฉันขึ้นไปบนเวทีเปิดงานแล้ว ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องพูดยังไงดี”
“พวกเซี่ยเหล่ยและฉินเฟิ่งชิงล่ะ?”
“หาตัวไม่เจอสักคน”
ฟางผิงแค่นเสียงว่า “ห้อยตำแหน่งรองประธาน คว้าแต่สวัสดิการไม่ทำงานงั้นเหรอ? เฉินเหวินหลงอยู่ที่หน่วยทหาร นักศึกษาบางส่วนของพวกเราต้องเข้าฝึกที่นั่น แต่เจ้าสองคนนี้ไม่ได้งานได้การอะไรเลย!”
“ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้?”
“ไม่ใช่ ถ้ำใต้ดินตงหลิน”
ฟางผิงขมวดคิ้วอีกครั้ง “ลงถ้ำใต้ดินทำไมไม่รายงานสมาคม? ช่างเถอะ ไม่สนใจเจ้าสองคนนี้แล้ว พรุ่งนี้เสร็จธุระเปิดงานแล้ว จ่ายสวัสดิการของปีนี้ออกไป ส่วนพวกนั้นพักเอาไว้ก่อน หากยังไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ห้ามจ่ายออกไปเด็ดขาด!”
ฟางผิงไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง เอ่ยต่อว่า “พิธีเปิดงานของพรุ่งนี้ให้สมาชิกสมาคมที่อยู่ในมหาวิทยาลัยออกโรงทุกคน แต่งตัวแบบเดียวกันพกพาอาวุธ ไม่อนุญาตให้ทำเสื่อมเสียชื่อเสียงมหาวิทยาลัยและสมาคมผู้ฝึกยุทธ์! ใช่สิ ยังมีสมาชิกที่ไม่ใช่คนของสมาคมพวกนั้น คนที่ทะลวงขั้นแล้ว พรุ่งนี้ไปรับอาวุธและเครื่องแบบที่ฝ่ายบริการทั้งหมดแล้วไปรวมตัวกันที่สนามกีฬาของเมือง ท่วงท่าต้องน่ายำเกรง ทำให้โลกภายนอกรู้ว่ายอดนักรบที่แข็งแกร่งของเซี่ยงไฮ้มีนับไม่ถ้วน หนึ่งมหาวิทยาลัยเทียบได้ทั้งมณฑล!”
ทุกคนไม่ใส่ใจนัก ฟางผิงต้องการรักษาภาพพจน์ งั้นก็ไว้หน้าเขาหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ฟู่ชางติ่งกลับถามว่า “งั้นอาวุธของคนที่ไม่ใช่สมาชิกของสมาคมล่ะ…”
“สมาคมจ่ายเงินให้พวกเขา บอกให้พวกเขาทำงานดีๆ ด้วยล่ะ อย่าทำลายความพยายามของฉัน”
ทุกคนหันหน้ามองกัน ใจกว้างขนาดนี้เชียว?
ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ช่วงนี้ใช้จ่ายเงินของสมาคมไปให้หมด ระดับสูงของมหาวิทยาลัยจะได้ไม่เป็นกังวล ตั้งห้าพันล้าน พากันอิจฉาตาร้อน เวลานั้นให้มหาวิทยาลัยจัดงานรับบริจาคกลับไม่เห็นด้วย ตอนนี้พวกเราเปิดรับบริจาค มหาวิทยาลัยดันอยากได้ ไม่ต้องให้มหาวิทยาลัย พวกเราแบ่งกันอย่างเท่าเทียมดีกว่า…”
ทุกคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ยังคงดีใจสุดขีด
หากจ่ายสวัสดิการหนึ่งปีจริงๆ นั่นไม่ใช่เงินน้อยๆ เลย
“ใช่สิ ต้องเหลือเงินสดไว้ส่วนหนึ่ง ทางฉันยังมีคะแนนอีกก้อนใหญ่ ใช้คะแนนจ่ายให้มหาวิทยาลัยแทน”
ทุกคนไม่ใส่ใจเช่นกัน นี่เป็นเรื่องเล็ก วิธีใช้ประโยชน์จากคะแนนและเงินในมหาวิทยาลัยแทบไม่ต่างกันมาก
ฟางผิงไม่พูดเยิ่นเย้ออีก เห็นว่าเวลาล่วงเลยมามากแล้วก็ให้ทุกคนแยกย้ายกันไป ส่วนตัวเองก็กลับไปหอพักที่ไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว