ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 310 ราชาปีศาจหวนกลับ (1)
ตอนที่ 310 ราชาปีศาจหวนกลับ (1)
ด้านนอกถ้ำใต้ดิน
เห็นฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงออกมา ผู้ฝึกยุทธ์ที่เฝ้าประตูตกตะลึงไปเล็กน้อย
“กลับมาแล้ว?”
เมื่อวานทั้งสองคนเพิ่งจะเข้าไปเอง!
ผู้ฝึกยุทธ์เฝ้าประตูสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “ข้างในเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ฟางผิงส่ายหัวว่า “ไม่มีนะครับ”
“งั้นพวกเธอ?”
“ภารกิจเสร็จแล้วก็ต้องออกมาสิ ในนั้นไม่มีแม้แต่ที่กินข้าว หรือจะให้อยู่ไปตลอดกัน?”
ผู้ฝึกยุทธ์เฝ้าประตูสีหน้าเปลี่ยนไปอยู่บ้าง
อันที่จริงเขาชอบที่จะเห็นวัยรุ่นพวกนี้บุกทะลวงไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ดังนั้นจึงมองฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงด้วยมุมมองที่ต่างออกไป
แต่ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะทนกับความยากลำบากไม่ได้…เมื่อก่อนฉินเฟิ่งชิงไม่ได้เป็นแบบนี้
ระหว่างที่กำลังคิดก็ได้ยินฟางผิงถามว่า “ฉินเฟิ่งชิง ครั้งนี้หนึ่งหมื่นกว่าคะแนนของนายวางแผนจะใช้ยังไง?”
“นายยุ่งอะไรด้วย ของนายเองก็หมื่นกว่าเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”
ผู้ฝึกยุทธ์เฝ้าประตูนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ไอ้เด็กพวกนี้กำลังพูดอะไรกัน?
“พวกเธอพูดถึงคะแนนเหรอ?”
ฟางผิงโบกมือลาเขา เอ่ยไปพลาง “อืม คะแนน ครั้งนี้หาได้ไม่เท่าไหร่ สองคนยังไม่ถึงสามหมื่นด้วยซ้ำ ครั้งหน้าพวกเราจะมาใหม่ ไม่ถึงหนึ่งแสนคะแนนไม่ออกมาหรอก!”
ผู้ฝึกยุทธ์เฝ้าประตูสติหลุดลอยไปแล้ว
ทั้งสองคนอยู่ในนั้นแค่หนึ่งวัน
จากนั้น…ฟางผิงก็บอกเขาว่าหาได้ไม่เท่าไหร่ ไม่ถึงสามหมื่นคะแนนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หรือจะพูดตรงๆ ว่าไม่ถึงเก้าร้อยล้าน!
“นี่ไปปล้นกันมาหรือไง?”
ผู้ฝึกยุทธ์เฝ้าประตูมองทั้งสองคนที่เดินจากไป พึมพำเบาๆ
ปีนี้คะแนนหาง่ายขนาดนั้นเชียว?
วันเดียวเท่านั้น ได้กว่าหนึ่งหมื่นคะแนน จากคนธรรมดาเข้าสู่ขั้นสี่อย่างรวดเร็ว แทบจะไม่มีความยากสำหรับเขาแล้วล่ะมั้ง?
หาเงินก็หาได้เป็นร้อยล้าน บ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คนหนึ่ง ไม่เลวเลยจริงๆ
ขอแค่คุณสมบัติพอไปวัดไปวาได้ ไม่ไร้ประโยชน์จนเกินไป
“ตอนนี้ถ้ำใต้ดินปลอดภัยแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
ผู้ฝึกยุทธ์เฝ้าประตูยังคงคิดฟุ้งซ่านต่อ หรือฉันควรจะไปสักครั้งดี?
ตอนนี้พวกคนที่อยู่ในนั่นร่ำรวยกันหมดแล้วใช่หรือเปล่า?
ระหว่างที่กำลังคิด ประตูโลหะก็ถูกเปิดอีกครั้ง กลุ่มคนกว่าสิบคนเต็มไปด้วยบาดแผล กลิ่นคาวเลือดคลุ้งทั่วตัว
หัวหน้าทีมกลับเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง เห็นคนเฝ้าประตูมองมาจึงเอ่ยอย่างผิดหวังว่า “สถานการณ์ถ้ำใต้ดินเลวร้ายกว่าเดิมแล้ว แค่เดินไม่กี่ก้าวก็เจอกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางกลุ่มใหญ่ หากเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้ฝึกยุทธ์สามระดับล่างคงไม่อาจเข้าถ้ำได้อีกแล้ว”
ผู้เฝ้าประตูตกสู่ความตกตะลึงอีกครั้ง
เมื่อกี้สองคนนั่นเดินออกไปอย่างสบายๆ เสื้อผ้ายังใหม่เอี่ยม แทบไม่เห็นบาดแผล ทั้งยังพูดไม่ทุกข์ไม่ร้อนว่าได้ไม่กี่หมื่นคะแนน วางแผนจะใช้ยังไงดี
พวกคุณ…ไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม?
“เมื่อกี้ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิง…”
“อ่อ…พวกเขาทั้งสอง…” อาจารย์คนนั้นส่ายหัวว่า “พวกเขาเหมือนจะไปปล้นรังผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงคนหนึ่ง ครั้งนี้กอบโกยได้มหาศาลเชียวล่ะ”
ผู้เฝ้าประตูหุบปากตัวเองลงทันที
ฉันไม่พูดแล้ว
เด็กสองคนนั่นเข้าไปหนึ่งวัน แต่ไปปล้นบ้านของระดับสูงได้?
—
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้
พวกนักศึกษาใหม่กำลังเฉลิมฉลองกัน ราชาปีศาจฟางออกไปจากมหาวิทยาลัย ช่างตื้นตันใจอะไรอย่างนี้
เรื่องนี้พวกนักศึกษาใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์เป็นคนพูด ได้ยินว่าเช้าของเมื่อวานราชาปีศาจฟางและฉินเฟิ่งชิง จอมก่อเรื่องของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์อีกคนหนึ่งแบกกระเป๋าออกไปด้วยกัน
ทำภารกิจต้องไปเป็นสิบวันไม่ก็ครึ่งเดือนถึงจะกลับมาอยู่แล้ว?
ผลปรากฏว่า…
พวกนักศึกษาใหม่ยังไม่ทันได้ดีใจ ในมหาวิทยาลัยก็มีคนเห็นฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงแล้ว!
เวลานี้พวกถังเหวินแทบจะถูกนักศึกษาใหม่ทั้งมหาวิทยาลัยซ้อมตายแล้ว!
บอกไปเสียดิบดีว่าราชาปีศาจฟางผิงเดินทางออกไปแล้ว?
บอกไปเสียดิบดีว่าคนไม่อยู่ในมหาวิทยาลัยแล้ว?
พวกนายคิดว่าตัวเองอยู่ขั้นหนึ่งตอนปลายก็เจ๋งมากแล้วสินะ พวกเราก็ซ้อมพวกนายตายได้เชื่อหรือเปล่า?
จงใจให้พวกเราคลายความระวังลงอย่างนั้นสินะ?
—
ในโรงอาหาร
เห็นแววตาไม่เป็นมิตรของเพื่อนๆ ถังเหวินก็น้อยใจอยู่บ้าง เงยหน้ามองกู้หลงเฟยและหลัวเซิง
รุ่นนี้มีแค่พวกเขาสามคนที่เข้าสู่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์
ข่าวการไปของฟางผิง กู้หลงเฟยเป็นคนบอกเธอ
กู้หลงเฟยใบหน้าดำคล้ำ เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ฉันเห็นกับตาตัวเอง!”
เขาสาบานได้ เขาเห็นพวกฟางผิงพกอาวุธแบกกระเป๋าออกเดินทางไปกับตาตัวเอง นี่ไม่ใช่ภารกิจช่วงสั้นๆ สถานการณ์ทั่วไป ผู้ฝึกยุทธ์แบกกระเป๋าไปด้วยต้องออกเดินทางไกลอยู่แล้ว!
“แต่เขากลับมาแล้ว!”
ถังเหวินเผยสีหน้าอมทุกข์
ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสาวของถังเฟิง มีพ่อเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุด เธออยู่สาขายุทโธปกรณ์ เดิมทีน่าจะเป็นความโชคดีที่สุดแล้ว
ผลปรากฏว่าถังเหวินกลับพบว่าตัวเองคิดมากไป
ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมาก็ครบเดือนหนึ่งพอดี
หนึ่งเดือนนี้ถังเหวินรู้สึกว่าตัวเองแทบจะถูกทรมานจนบ้าตายแล้ว
พ่อไม่สนใจ สมาคมผู้ฝึกยุทธ์จัดการเธออย่างเต็มที่ กลางดึกถูกลอบโจมตีหอพัก หอพักของเธอนั้นถูกลอบโจมตีบ่อยที่สุดแล้ว ทั้งยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง แต่เป็นขั้นสามทั้งนั้น เข้ามาก็อัดชุดใหญ่
เรื่องนี้แล้วไปเถอะ พูดถึงภารกิจทั่วไป ภารกิจของคนอื่นนั้นเลือกเองได้ แต่ภารกิจของเธอ สมาคมผู้ฝึกยุทธ์เป็นคนส่งมาให้โดยตรง
จากที่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์บอก คนที่มีความสามารถต้องออกแรงเยอะหน่อย ทั้งพ่อของเธอเป็นเสือ เธอจะทำตัวเป็นสุนัขไม่ได้
ถูกสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จัดการแบบนี้ ถังเหวินเลยไปสอบถามจากพวกรุ่นพี่…
รุ่นพี่หยางนั้นถามเธออย่างเห็นใจว่าทำไมไม่ไปมหาวิทยาลัยปักกิ่ง?
กระทั่งคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ของพ่อเธอ ยังถูกใครบางคนต่อยหน้าบวมไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว เธอที่เป็นลูกสาวมาที่นี่ ตอนนี้ไม่ได้ต่อยเธอ นั่นเป็นเพราะฝีมือเธออ่อนด้อยเกินไป
รอเธอขั้นสามขั้นสี่แล้ว เธอจะพบว่า…น่าอนาถกว่านี้!
รุ่นพี่จ้าวบอกเธอว่าไม่ต้องกลัว พยายามฝึกวิชาให้ดี โดนต่อยนิดต่อยหน่อยจะเป็นไรไป ไม่ตายก็ใช้ชีวิตต่อไปได้แล้ว
ตอนนี้ถังเหวินเศร้าใจอย่างยิ่ง
พ่อของเธอพาปัญหามาให้ไม่น้อย หากรู้อย่างนี้คงไปมหาวิทยาลัยปักกิ่งดีกว่า
หลัวเซิงเอ่ยปลอบใจอย่างซื่อๆ ว่า “ไม่เป็นไร อันที่จริงประธานไม่ได้น่ากลัว เข้ามหาวิทยาลัยนานขนาดนี้แล้ว ประธานก็ไม่ใช่คนที่รังแกนักศึกษาใหม่สักหน่อย พ่อฉันบอกว่าตั้งแต่ประธานรับตำแหน่ง ชีวิตประจำวันของนักศึกษาใหม่นั้นง่ายกว่าเมื่อก่อนขึ้นเยอะ”
ถังเหวินกลอกตา กัดฟันว่า “เพราะพ่อนายไม่เคยรังแกเขาต่างหาก!”
“พ่อเธอเคยรังแกประธาน?” หลัวเซิงเผยใบหน้าตกตะลึง
ถังเหวินเอ่ยอย่างจนใจ “ฉันถามพ่อฉันแล้ว พ่อบอกว่าฟางผิงเป็นคนใจคับแคบ เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็จำใส่ใจไว้หมด เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพ่อ ดังนั้นเลยรังแกลูกศิษย์ของเขา ตอนนี้ถึงตาของฉันแล้ว”
“งั้นเธอให้พ่อเธอ…”
หลัวเซิงยังไม่ทันพูดจบ ถังเหวินก็ถอนหายใจ “พ่อฉันบอกว่าเรื่องของหนุ่มสาวต้องจัดการกันเอง สู้ฟางผิงไม่ได้ งั้นก็ต้องยอมรับชะตากรรม ปีก่อนฟางผิงเป็นนักศึกษาใหม่เหมือนกัน ฉันอ่อนกว่าเขาแค่หนึ่งปี ฟางผิงสามารถไล่ตามคนอื่นเป็นประธานได้ งั้นฉันก็จะตามฟางผิงให้ทันให้ได้ ซ้อมเขาปีหน้า”
หลัวเซิงและกู้หลงเฟยต่างมองเธอด้วยสีหน้าเห็นใจ
งั้นเธอยังจะถูกจัดการต่อไปสินะ
ฟางผิงขั้นสี่แล้ว ทั้งยังขั้นสี่ตอนกลางอีก!
จากความเร็วของเขา ปีหน้าน่าจะขั้นห้าแล้วล่ะมั้ง?
ปีหน้าเธอจะทะลวงขั้นห้าได้งั้นเหรอ?
ถังเหวินเอ่ยอย่างไม่ยอมอยู่บ้าง “ฉันจะขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว คงจะขั้นสองในเดือนนี้แหละ!”
ตอนนี้เดือนตุลาคมแล้ว
ทั้งสองคนไม่พูดอะไร ความเร็วนี้ไม่ใช่เล่นๆ เลย
ปีก่อนพวกฟางผิงทะลวงด่านในช่วงสิ้นสุดเทอม การแข่งขันแลกเปลี่ยนพวกเขายังอยู่ในขั้นหนึ่งสูงสุด
ตอนนี้พวกถังเหวินแทบจะทะลวงขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว เดือนนี้หรือเดือนหน้า ทั้งสามคนต่างมีหวังจะเข้าสู่ขั้นสอง
เทียบกับรุ่นก่อนแล้ว พวกเขาไวกว่า
แต่ฟางผิงตั้งแต่ขั้นหนึ่งถึงขั้นหนึ่งสูงสุดใช้เวลาไปแค่หนึ่งเทอม จากขั้นหนึ่งสูงสุดถึงขั้นสี่ตอนกลางก็ใช้เวลาไปหนึ่งเทอมเหมือนกัน นี่มันฟังขึ้นที่ไหน!
นักศึกษาใหม่ที่โดดเด่นที่สุดในปี 2009 มองหน้ากัน พากันถอนหายใจ
อัจฉริยะก็ไม่ได้ใช้ชีวิตง่ายๆ เหมือนกันเถอะ
—
ภายในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์
สำหรับเรื่องที่ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงกลับมาไวขนาดนี้ ทุกคนต่างงุนงงไม่น้อยเช่นกัน
แต่รู้ว่าฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงกอบโกยกว่าหมื่นคะแนนได้จากถ้ำใต้ดิน ทุกคนนอกจากอิจฉาแล้วก็ไม่มีความรู้สึกอื่นอีก
ห้องทำงานประธาน
ฟางผิงนั่งพิงเก้าอี้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ครั้งนี้กลับมหาวิทยาลัย แม้ฉันจะไปแค่วันเดียว แต่ก็พบว่าพวกนักศึกษาใหม่เหมือนจะมีอิสระทำตัวตามใจเกินไป เอาแบบนี้ละกัน การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ใกล้เริ่มแล้ว นักศึกษาขั้นหนึ่งทั้งมหาวิทยาลัยต้องลงทะเบียนเพื่อต่อสู้ทั้งหมด! ฉันคิดดีแล้ว การจัดอันดับขั้นสามทั่วประเทศนั้นมีการจัดผลสรุปให้ แต่ขั้นหนึ่งและขั้นสองไม่มี ครั้งนี้ฉันจะสร้างการจัดอันดับขั้นหนึ่งทั่วประเทศ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วประเทศมีจำนวนกว่าล้านคน นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้เงื่อนไขไม่สูงมาก ครั้งนี้ขอแค่อยู่ในร้อยอันดับแรกก็พอ เซี่ยงไฮ้ของพวกเรามีไม่ถึงสิบคนในร้อยอันดับแรก นักศึกษาขั้นหนึ่งทุกคนต้องไปหาภูเขาแร่เพื่อขุดแร่!”
เฉินอวิ๋นซีเผยสีหน้านิ่งอึ้ง
ขุดแร่?