รวยชั่วข้ามคืน! - ตอนที่ 879

วิชาจินตาน ยากอย่างหาที่เปรียบมิได้ ระยะพรสวรรค์ร้อยคน จะมีจินตานเพียงคนเดียวเท่านั้น ต่อให้เป็นช่วงรวมตาน ก็น้อยมากที่จะมีคนทำได้ นักพรตฝูจูอัจฉริยะอย่างน่าอัศจรรย์ พันปีจะมีสักคน แต่ก็ได้แค่ช่วงรวมดวงจิต พูดถึงระดับเจ้าสำนักเทพหิมะ อยู่ระดับล่างของผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน แล้วจะเป็นช่วงรวมตานได้อย่างไรกัน

พลังอันน่ากลัวของเธอ ครึ่งหนึ่งปล่อยออกมาจากสมบัติวิเศษ

“ท่านโอหังเกินไปแล้ว” นางฟ้ากวางเวยดูแคลน

ที่สำนักขั้นสูงสุดทั้งเจ็ดไม่ถูกโค่น ยืนหนึ่งไม่แพ้สิ่งใคร ก็เพราะใช้สมบัติวิเศษกับค่ายกล มีสมบัติวิเศษ เท่ากับมียอดฝีมือขั้นรวมตาน ถ้าคนธรรมดามีสมบัติวิเศษ จะฆ่าระยะพรสวรรค์ได้ แล้วถ้ามาอยู่ในมือของเจ้าสำนักวังเทพหิมะเล่า

“เหอะๆ”

ฉินหลั่งขี้เกียจจะอธิบาย รวมปราณเข้าด้วยกัน แล้วต่อยออกไป

แสงทองอันสว่างไสว เกิดเป็นกรงล้อทองที่ยาวกว่าฟุตขึ้นด้านหลังของเขา กรงล้ออันรุ่งโรจน์ ราวกับพระอาทิตย์ส่องแสงบนฟ้า เต็มไปด้วยพลังแห่งความแข็งแกร่ง คือหมัดเทพเจ้าบู๊

“อ๊าก!”

เจ้าสำนักวังเทพหิมะตะคอกออกมา

ในร่างกายเธอ เหมือนกับมีจันทร์กระจ่างสว่างขึ้น สวยงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ จันทร์กระจ่างนี้เยือกเย็นไปจากปกติ ในแสงทุกๆเส้น จะเย็นไปถึงกระดูก เมื่อจันทร์กระจ่างปรากฏออกมา อุณหภูมิรอบๆลดลงอย่างรวดเร็ว ราวกับทุกคนกำลังอยู่ในจุดที่เย็นสุดๆ

“นี่มันอะไรกัน?”

คนจำนวนมากเงยหน้าขึ้น มองไปที่จันทร์กระจ่าง

“กรงล้อจันทร์ เป็นสมบัติวิเศษของวังเทพหิมะของเรา ว่ากันว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา ช่วงพันปีที่ผ่านมา เปื้อนเลือดมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง”

เซียนชุดขาวกล่าว

ทุกคนตาโตแล้วมองไป ก็เห็นว่าในจันทร์กระจ่าง มีอาวุธในครึ่งหนึ่งของดวงจันทร์ กำลังหมุนอย่างเร็ว ข้างบน มีลวดลายสลับซับซ้อนมากมาย ปล่อยแสงจันทร์อันสว่างไสวออกมา แสงเหล่านั้น ดูแล้วสวยงาม แต่ความจริงแอบแฝงไว้ด้วยความตาย แสงเทพน้ำแข็งที่รวมจนถึงจุดสุดยอด

“เจ้าสำนักได้ใช้กรงล้อจันทร์แล้ว ฉินหนานจงตายแน่ๆ” นางฟ้ากวางเวยยิ้มออกมา

“ตึง!”

ได้ยินเหมือนเสียงระฆังยักษ์ดัง ฉินหลั่งต่อยไปที่กรงล้อจันทร์ คนนอกมองว่า เหมือนกับดวงอาทิตย์สีทองและดวงจันทร์อันสว่างไสวชนเข้าด้วยกัน หมัดของฉินหลั่ง ชนเข้ากับกรงล้อจันทร์ เกิดเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เหมือนกับกระบี่ทั้งสองกำลังฟาดฟันกัน

ติงๆ!

อากาศกำลังระเบิด ดวงอาทิตย์ทองและจันทร์สว่างปะทะกัน พลังอันน่ากลัวลอยอยู่ทั่วสารทิศ ทุกๆการโจมตีของกรงล้อจันทร์ เทียบได้กับผู้แข็งแกร่งช่วงรวมตันขั้นสุดยอด แม้แต่นักพรตฝูจูก็เทียบไม่ได้

แต่ฉินหลั่งใช้มือเดียว ต้านทานกรงล้อจันทร์

ฝ่ามือของเขา สว่างไสวดั่งทองหลอม เพียงพอที่จะทำลายปฐพีได้ กรงล้อจันทร์มฤตยู ชนเข้ากับหมัดของฉินหลั่ง เกิดเป็นแสงสีทองเท่านั้น แต่ไม่ได้แตกออก

“ต่อให้เป็นพระกู่โล่ ก็ไม่กล้าใช้ตัวเองต้านทานสมบัติวิเศษ ร่างกายมันทำด้วยอะไรกันแน่นะ? ”

ทุกคนในวังเทพหิมะ ช็อกไปตามๆกัน

สมบัติวิเศษไร้เทียมทาน เป็นที่ยอมรับของโลกเทพเท็จ คนที่ดุดันเหมือนฉินหลั่ง ยังไม่เคยเจอมาก่อนเลยในพันปีนี้

“เริ่ม!”

สุดท้าย ฉินหลั่งเกรี้ยวกราด จนเส้นเลือดในตากลายเป็นลำแสง เปลวไฟทองห้อมล้อมตัวเขาไว้ ราวกับดวงอาทิตย์แผดเผา ก็ชนเข้าไปที่กรงล้อจันทร์อย่างรุนแรง

กรงล้อจันทร์ต้านทานไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว มันโดนกระแทกจนลอยไป ชนเข้ากับสิ่งปลูกสร้างที่ไกลกว่าพันลี้ ก่อนจะสลายไปในทันที

“ซือ!”

ครั้งนี้ ไม่มีใครพูดอะไรอีก

ทุกคนต่างพากันช็อกไปตามๆกัน

ทำลายสมบัติวิเศษด้วยมือเปล่า แล้วก็ชนะด้วย! ฝีมือแบบนี้ ใครจะไม่กลัวบ้างล่ะ

เจ้าสำนักวังเทพหิมะ หน้าตาเคร่งเครียด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“จะต่อสู้อีกมั้ย?”

ฉินหลั่งเกรี้ยวกราด ส่วรร่างกายก็ราวกับสายฟ้า พลางกล่าวอย่างดุดัน

เจ้าสำนักเทพหิมะเอากรงล้อจันทร์กลับมา พลางถอนหายใจ แล้วก้มหน้ากล่าว “พลังเซียนแข็งแกร่ง ฉันสู้ไม่ได้ ขอเซียนเห็นแก่ความไม่รู้ของเด็ก ของศิษย์เหล่านี้ ลงโทษเพียงเล็กน้อย……”

เธอยังพูดไม่ทันจบ กระบี่บินสีทองก็ลอยไป

ฉินหลั่งได้รู้ชื่อคนที่รังแกนางฟ้าจื่อเถา ในช่วงหลายปีมานี้จากเธอ ใช้พลังจิตเทพส่องไปรอบๆ มองเห็นทุกสิ่งในวังเทพหิมะได้อย่างชัดเจน กระบี่พุ่งไป ตัดมือของพวกเธอทิ้ง

วันนั้น บนฟ้าของวังเทพหิมะ กระบี่ส่องแสงสว่างไสว

มีศิษย์ชั้นใน35คน 9คนเป็นผู้สืบทอดอีกทั้งเป็นผู้อาวุโสเซียนดินสองคน ถูกฉินหลั่งฆ่าตาย หนึ่งในนั้นมีผู้ยิ่งใหญ่ระยะพรสวรรค์ขั้นกลางองค์หนึ่ง

เจ้าสำนักวังเทพหิมะทำได้เพียงมอง ทำอะไรไม่ได้ และลูกศิษย์คนอื่นๆ เงียบกริบ จนไม่กล้าส่งเสียงใดๆออกมา

“คนเดียวบีบทั้งสำนัก โลกเทพเท็จของฉัน กี่ปีมาแล้วนะ ที่ไม่มีผู้แข็งแกร่งแบบนี้มาเกิด”

นางฟ้ากวางเวยเงยหน้าขึ้น พลางยิ้มแหยๆ

เซียนดินคนอื่น เงียบสงัด และเศร้าโศกในใจ

“นี่สิผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งในปฐพี”

ยินยินอุทานออกมา

เธอมองไปที่เปลวไฟสีทองสว่างไสว รู้แล้ว ว่าจากนี้ไป โลกเทพเท็จ จะไม่ถูกครอบงำโดยสักนักขั้นสูงสุดทั้งเจ็ดอีกต่อไป คนที่แข็งแกร่งกว่า จะปกครองเทพเท็จ เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินหลั่ง ต่อให้เป็นสำนักขั้นสูงสุดก็ต้องก้มหัวให้

‘เสียดาย เธอคนที่อยู่ในอ้อมกอดนั้น กลับไม่ใช่ฉัน……’

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ยินยินก็เสียใจ

ข่าวที่ฉินหลั่งชนะนักพรตฝูจูก่อน แล้วกดวังเทพหิมะเอาไว้ มันแพร่ไปทั่วโลกเทพเท็จอย่างรวดเร็ว

เพียงชั่วขณะ มันก็สั่นสะเทือนไปทั่ว โลกเทพเท็จ เพียงแค่วันเดียวต้องตกใจถึงสองครั้ง ต่อให้เป็นสำนักใหญ่อื่นๆ ก็ต้องประหลาดใจ แม้แต่วังเทพหิมะยังต้องก้มหัวให้ นั่นหมายถึงฉินหลั่งได้อยู่เหนือพลังของสำนักขั้นสูงสุดแล้วจริงๆ

“เฮ้อ ต่อจากนี้ไป โลกเทพเท็จจะเข้าสู่ยุคของฉินหนานจิงแล้ว”

คนจำนวนมากหมดอาลัยตายอยาก

และเมื่อนักพรตฝูจูได้ยินข่าวนี้ ก็ถอนหายใจ จะไม่ต่อสู้กับฉินหลั่งอีกต่อไป เจ้าสำนักไท่กู่่โมโหมาก ทำลายยอดเขากันเลยทีเดียว

แม้แต่สำนักขั้นสูงสุดทั้งเจ็ดยังทำอะไรไม่ได้ คนอื่นยังไม่ต้องพูดถึง

ใครได้ยินชื่อฉินหลั่งต้องหวาดกลัวกันเป็นแถวๆ

……

และตอนที่ชื่อเสียงฉินหลั่งดั่งไปทั่วโลกเทพเท็จนั้น

ในป่าลึกแห่งหนึ่ง ด้านหน้าประตูหินที่สูงยาว มีคนเฝ้าประตูอยู่หลายคน ก่อนจะพิงเข้าไปกำแพงหิน อย่างเบื่อหน่าย ที่นี่คือประตูเซียนโลกเทพเท็จ ผู้คนของโลกเทพเท็จสามารถไปมาระหว่างสองโลก โดยใช้ประตูหินนี้ด้วยกันทั้งนั้น

แต่ตอนนี้ ด้านบนของประตูหิน สั่นสะเทือน เกิดพายุโหมกระหน่ำ

“ประตูเซียนนี้ ต้องใช้เวลาอีกสองสามปี ถึงจะมั่นคง หลังจากที่เจ้าสำนัก ใช้สมบัติวิเศษทำ เกรงว่าจะไม่สามารถทำทางได้อีกแล้ว ก่อนหน้านี้ สำนักไท่กู่่ทุ่มเทแรงกาย ก็ทำได้แค่ส่งจิตวิญญาณเทพของศิษย์สืบทอด ไปสืบข้อมูลเท่านั้น อยากจะไปทั้งร่างกาย เป็นไปไม่ได้”

ผู้เฒ่าที่เฝ้าประตูจามแล้วกล่าว “นับๆดูแล้ว น่าจะมีข่าวคราวมาบ้างแล้วแหละ”

เขาเพิ่งพูดไป

ทันใดนั้นบนประตูเซียนก็มีแสงกะพริบ ก่อนจะมีป้ายโบราณส่งมา จากประจู่เซียนทันใด

“มีข่าวมาแล้วจริงๆเหรอ? รีบไปดูเร็ว ดูว่าใครฆ่านักพรตในโลกกันแน่”

ผู้เฝ้าประตูตื่นเต้น ก่อนจะรับป้ายมา ก็พบว่าเป็นการฝากคำพูดมา มีทั้งหมดหกคำ แต่เมื่อได้ยินหกคำนั้น ทุกคนก็ช็อกไป ราวกับถูกฟ้าผ่า

หกคำนั้นคือ

“ฆาตกรคือ ฉินหนานจง!”

“ฆาตกรคือ ฉินหนานจง!”

หกคำนี้ ถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ถ้าเหล่าผู้เฝ้าประตูได้ยินเข้า คงจะงงๆ ไม่เข้าใจ ว่าแกหมายความว่าไง ส่งมาแค่ชื่อ ให้พวกเราเดาหรือไงกัน? พวกเราไม่รู้ว่าฉินหนานจงนี่อ้วนหรือผอม สูงหรือผอม เป็นชายหรือหญิง

แต่ตอนนี้…