ยัยเพื่อนสมัยเด็กอัจฉริยะที่พรากครั้งแรกของฉันไป [LN] - ตอนที่ 0.5 (1) Prologue
ถ้ามีคนบอกว่าฉันสามารถลบของที่ฉันเกลียดในโลกนี้ได้แค่ 3 อย่างล่ะก็ ของที่ฉันจะลบให้หายไปก็คงมีสงคราม ความยากจน แล้วก็อุเมะโซโนะ โคมากิ
อุเมะโซโนะ โคมากิ
ในสายตาของบุคคลภายนอกที่มองเข้ามา เธอก็ดูเหมือนเป็นคนที่สมบูรณ์แบบนั่นแหละ
นิสัยดี เล่นกีฬาเก่ง การเรียนก็ยืนหนึ่ง บางคนยังเคยพูดเลยว่าเธอเป็นคนสวยไร้ที่ติ แล้วเธอก็มีผู้ชายพากันมาสารภาพรักไม่หยุดจริงๆ
แต่ไม่มีใครซักคนที่รู้ว่าเนื้อแท้จริงๆ ของเธอน่ะเป็นยังไง อันที่จริง ยิ่งข้างนอกเธอดูดีแค่ไหน ข้างในเธอก็ยิ่งแย่ตามนั้น นิสัยร้ายกาจ กับดวงตากลมโตที่มองเหยียดคนอื่นตลอดเวลา
แม้กระทั่งตอนนี้ก็ด้วย ดูสิ
“นี่ ยังอีกเหรอ?”
เธอนั่งบนโต๊ะเรียน ก้มลงมามองที่ฉัน ทำตัวสูงส่งซะเหลือเกิน ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง แถมยื่นนิ้วเท้ามาจิ้มๆ ที่ไหล่ฉันด้วย ซึ่งฉันก็ทำได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาก็เท่านั้น
“อะไรน่ะ สีหน้าแบบนั้น การแข่งที่ผ่านมา ใครกันนะที่เป็นคนแพ้”
เธอพูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงอำมหิต ชวนให้นึกถึงพวกหัวหน้าวายร้ายจอมกดขี่ในละครที่เคยดู แถมพูดด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกันนี่ขึ้นมาเลย
มันก็จริงที่ฉันเป็นฝ่ายแพ้
ก็ความคิดฉันเองนั่นแหละที่จะตัดสินการแข่งกันด้วยคะแนนสอบกลางภาคของพวกเรา แต่เป็นฝ่ายโคมากิที่เติมเงื่อนไขไปว่า “ฝ่ายที่แพ้จะต้องเสียศักดิ์ศรีของตัวเองให้ฝ่ายที่ชนะ”
“เร็วเข้าสิ เอ้า”
โคมากิเอานิ้วชี้แตะบนริมฝีปากของตัวเอง ได้ยินพวกผู้ชายในห้องคุยกันอยู่นี่นะว่าถ้าได้จูบริมฝีปากนุ่มนวลสีลิปมันนั่นก็คงดี ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันยังยอมรับเลยว่าริมฝีปากของโคมากิน่ะน่าดึงดูดจริงๆ แต่ความคิดที่อยากจะจูบหรือเปล่านี่ไม่เคยมีเลยซักครั้ง
ไม่ว่าเธอจะสวยแค่ไหน ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง แถมที่สำคัญ โคมากิก็นิสัยเสียด้วย
“วาคาบะ จูบฉันซะ ด้วยความตั้งใจของเธอเอง… ฉันไม่ยอมให้เธอพูดว่าไม่หรอกนะ”
“รู้แล้วน่า หยุดเรียกชื่อฉันอย่างสนิทสนมแบบนั้นซักที”
ในตอนที่โคมากิพูดคำว่าศักดิ์ศรีขึ้นมา ฉันก็รู้เลยว่าต้องมีเรื่องเลวร้ายอะไรซักอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ต่อให้จะรู้เต็มอกอยู่แล้ว ฉันก็ยังท้าเธออยู่ดี เพราะคิดว่าครั้งนี้ ฉันจะชนะเธอได้
แต่ ฉันก็แพ้ แบบราบคาบเลย ช่องว่างที่ห่างกัน 10 คะแนนนี่ อาจจะลึกยิ่งกว่าร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนาซะอีก ห่างกันถึงขนาดที่ฉันหวังให้เฉียดๆ ก็ยังไม่ได้เลย
ถ้าฉันผิดสัญญาตรงนี้แล้วหนีไปล่ะก็ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ฉันคงไม่มีพื้นที่ให้ได้อยู่ในโรงเรียนนี้แน่ ถ้าเป็นโคมากิล่ะก็ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องทำให้เป็นแบบนั้นแน่นอน
แต่ว่า จูบนะ จูบแรกเลยนะ จูบแรกที่ฉันเก็บรักษาเอาไว้ตั้ง 15 ปีเลยนะ มันก็จริงที่ฉันไม่เคยมีโอกาสได้มีจูบแรกมาก่อน แต่ไม่ว่าจะยังไง มันก็ไม่มีทางจะเป็นสิ่งที่ฉันอยากจะยกให้คนอย่างโคมากิแน่นอน
“หลับ ตาก่อนสิ”
“เป็นฝ่ายแพ้ ริจะมาสั่งฝ่ายที่ชนะงั้นเหรอ?”
คำพูดเชือดเฉือนนั่นของเธอ ทำเอาฉันหายใจไม่ออกเลย
นี่เธอทำตัวสบายๆ แบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย? จากที่รู้จักโคมากิมา เธอคงจะเปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นมาก่อนแล้วนั่นแหละ เรื่องครั้งแรกของเธอก็คงผ่านมานานแล้วไม่ต่างกันหรอก
แต่ว่า ถึงกับเอาริมฝีปากของตัวเองมาใช้เพื่อแค่จะย่ำยีศักดิ์ศรีของฉันเนี่ยนะ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยซักนิด
การจูบน่ะ มันควรจะเป็นบทลงโทษแค่เฉพาะสำหรับคนรักกันไม่ใช่หรือไง ถึงจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ เราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันก็จริง แต่หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่มีทางเป็นคู่รักกันแน่นอน แต่ฉันก็รู้อีกนั่นแหละว่าสามัญสำนึกแบบนั้นมันใช้กับโคมากิไม่ได้
ต่อให้ฉันจะเป็นผู้ชาย ยังไงเธอก็เป็นคนสุดท้ายที่ฉันอยากจะเลือกคบเป็นแฟนอยู่ดี
ฉันล่ะอยากเข้าไปบอกพวกผู้ชายในกลุ่มแฟนคลับอุเมะโซโนะ โคมากิซะเหลือเกิน ยัยผู้หญิงคนนี้น่ะเลวร้ายที่สุด เป็นคนประเภทที่สนุกกับการได้เห็นฉันต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ต่อให้ฉันทำจริงๆ ก็คงไม่มีใครเชื่อฉันอยู่ดี
“ก็ได้ ฉันหลับตาฉันเองก็ได้”
ฉันปีนขึ้นเก้าอี้ ยืดตัวด้วยอีกหน่อย เพราะโคมากิไม่มีทีท่าจะลงมาจากโต๊ะที่นั่งอยู่เลยซักนิด ฉันก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจับแขนของเธอตรงส่วนที่ต่ำกว่าหัวไหล่นิดหน่อยเพื่อค้ำตัวเองไว้ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปหาใบหน้าสมบูรณ์แบบนั่น
ลาก่อนนะ จูบแรกของฉัน จากนี้อะไรจะเกิดก็ช่างมันแล้ว
ฉันหลับตาลง และขยับเข้าไปหาจุดที่ฉันจำได้ว่าริมฝีปากของเธออยู่ตรงนั้น
ไม่มีเสียง *จุ๊บ* ดังให้ได้ยินเลย—ริมฝีปากของพวกเราแค่แตะโดนกันเงียบๆ เท่านั้นเอง นุ่ม อุ่น ดูมีชีวิต เป็นสัมผัสที่คิดไม่ถึงเลย รู้สึกแปลกจัง ฉันเคยคิดฝันว่าได้จูบกับรุ่นพี่ที่ชอบอยู่ก็จริง แต่ในจินตนาการของฉัน ริมฝีปากก็ไม่ได้นุ่มแบบนี้เลย ไม่ได้ใกล้เคียงด้วยซ้ำ
ริมฝีปากของผู้หญิง 100% ล้วนๆ โดยสมบูรณ์ แต่ก็ไม่ได้เหมือนกับของฉัน ริมฝีปากของฉันไม่มีทางจะนุ่มหรืออุ่นแบบนี้หรอก คิดว่านะ
คิดผิดจริงๆ ที่ดันหลับตาแบบนี้ พอปิดประสาทการมองเห็นของตัวเองไป ประสาทสัมผัสส่วนอื่นๆ มันก็ทำงานเพิ่มขึ้นมา จนต้องมารับรู้ถึงตัวของโคมากิอย่างห้ามไม่ได้ สัมผัสนุ่มนิ่มของริมฝีปากเธอ กับกลิ่นหอมหวานจากตัวเธอ ที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่านั่นมันมาจากแชมพูหรือน้ำหอมของเธอกันแน่
แย่ชะมัด แย่ที่สุด แย่ที่สุดเลย
ถึงฉันจะกรีดร้องโหยหวนอยู่ในใจแบบนี้ แต่ทุกอย่างของโคมากิกลับทำให้ฉันรู้สึกสบายใจได้ซะงั้น แถมยังมีใครซักคนในตัวฉันกระซิบบอกให้ฉันยอมแพ้ไปซะอีกต่างหาก
“…นี่”
ตอนได้ยินเสียงที่ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เข้า ฉันก็สงสัยว่ามันอะไรกันแน่ แต่พริบตาต่อมา หัวของฉันก็โดนมือ 2 ข้างคว้าเอาไว้ซะแล้ว
“…มมม!?”
ลิ้นของเธอฝืนแยกริมฝีปากของฉันออก ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาข้างใน มันทั้งนุ่ม ทั้งเต่งตึงกำลังดี แถมยังเคลื่อนไปมาอยู้ในปากของฉันอย่างอิสระยังกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอีกตัวนึงยังไงยังงั้น ทั้งกดตรงเพดานปากของฉัน ทั้งไหลตามรอยเหงือกของฉัน แม้กระทั่งลูบไปตามหลังฟันของฉันอย่างเบาๆ ด้วยอีกต่างหาก
ฉันคิดได้แต่ ไม่จริงน่า
ทำขนาดนี้เลยเนี่ยนะ โคมากิบ้าไปแล้วชัดๆ ฉันทุบใส่หลังของเธอ แต่เธอกลับไม่มีวี่แววจะปล่อยฉันเลยแม้แต่นิดเดียว
พอเห็นว่าขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์ ฉันเลยผ่อนคลายตัวเองลง
ฉันเคยได้ยินจากเพื่อนมานะว่าถ้าใช้ลิ้นผูกก้านเชอร์รี่ให้เป็นปม แสดงว่าต้องเป็นคนจูบเก่งแน่นอน ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะก็ โคมากิอยากจะผูกซักกี่ก้าน เธอก็คงทำได้หมดทุกก้านนั่นแหละ ระหว่างที่ฉันคิดเรื่องพวกนี้เพื่อเบี่ยงตัวเองหนีจากความเป็นจริง โคมากิก็บีบจมูกฉัน เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่ชอบใจการไม่ให้ความใส่ใจของฉันแน่นอน
นี่จะฆ่าฉันรึไง
ด้วยสัญชาตญาณ ฉันดิ้นไปมาเพื่อขัดขืนสุดแรง แต่มันก็ยิ่งทำให้ฉันหมดลมเข้าไปใหญ่ ยิ่งอึดอัดเข้าไปอีก ในตอนที่พยายามหายใจเข้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ในจมูกของฉันก็อัดแน่นไปด้วยกลิ่นของโคมากิ
ในใจฉันเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเธอ ในขณะที่ในตัวฉันกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเธอ ทุกๆ ช่วงเวลาที่ผ่านไป โคมากิก็ยิ่งรุกล้ำเข้ามาในตัวฉันมากขึ้นๆ แถมรู้สึกเหมือนฉันกำลังสูญเสียตัวเองไปเรื่อยๆ เลย
หลังจากช่วงเวลาที่นานนับชั่วนิจนิรันดร์ผ่านพ้นไป ในที่สุดเธอก็ยอมปล่อยริมฝีปากของเธอออกซักที พอได้จังหวะ ฉันก็หันหน้าหนีทันทีก่อนจะหายใจเข้าลึกสุดปอด
“เลวที่สุด! ปกติ เขาทำถึงขนาดนี้กันด้วยรึไงฮะ!?”
จูบแรกของฉันจบลงแล้ว
ไม่ว่าในวันข้างหน้า ฉันจะได้จูบกับใครอีก หรือต่อให้ได้จูบกับอีกกี่สิบคนก็ตาม ฉันคงไม่มีทางจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไปชั่วชีวิตแน่ๆ เลย
“แน่อยู่แล้วสิ วาคาบะมอบศักดิ์ศรีให้ฉันมาแล้ว มันก็เหมือนกับว่าเธอไม่มีศักดิ์ศรีในตัวเหลืออีกต่อไป ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับเธอ เธอก็ห้ามปฏิเสธ แล้วเธอก็ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นด้วย เข้าใจมั้ย?”
โคมากิใช้ขาทั้ง 2 ข้างหนีบคอของฉันเอาไว้ ถ้าเธอจะรัดคอฉันซะตรงนี้ ตอนนี้เลย ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก โคมากิน่ะทำแบบนั้นได้อยู่แล้ว ฉันรู้สึกถึงเหงื่อที่เริ่มไหลซึมออกมาจากหลังของตัวเองได้เลย
“สงสัยคนหัวช้าอย่างวาคาบะคงตามไม่ทันสินะ”
พอฉันหันกลับไปหาโคมากิ ตาพวกเราก็สบกัน ดวงตาสีน้ำตาลสว่างของเธอก็ส่งสายตาแสนซาดิสม์ออกมาเลย
“งั้น เอาแบบนี้สิ จากนี้ไป ถ้าเธอชนะฉันได้แม้แต่ครั้งเดียว ฉันจะคืนศักดิ์ศรีให้เธอเลย แต่ถ้าเธอแพ้ ฉันจะเอาสิ่งสำคัญบางอย่างจากเธอไป ครั้งละ 1 อย่าง ว่าไงล่ะ?”
ว่าไง ที่ไหนเล่า เธอไม่ได้ถามฉันซักหน่อย นี่มันก็ไม่ต่างกับเธอสั่งฉันเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธมาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าฉันไม่รับคำท้า โคมากิก็จะทำเหมือนอย่างที่เธอทำกับฉันวันนี้ตามใจชอบ ถ้าเป็นแบบนั้น ทางเลือกเดียวที่ฉันมีก็คือต้องชนะเท่านั้น
แวบนึง ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเหยียบลงไปในบึงไร้ก้นเลย ไม่ว่านั่นจะเป็นแค่ความรู้สึกของฉันเฉยๆ หรือเปล่า เดี๋ยวอีกไม่นานฉันก็คงได้รู้แล้ว
“เข้าใจแล้ว ตกลงตามนั้น”
แล้วโคมากิก็คลี่ยิ้มออกมา สำหรับคนนอก ได้เห็นแบบนี้คงคิดว่าเหมือนรอยยิ้มจากนางฟ้าแน่ แต่สำหรับฉัน นั่นน่ะไม่ต่างจากการแสยะยิ้มของยมทูต หรือตัวตนอันชั่วร้ายที่ใกล้เคียงกันเลยซักนิด
“ดีเลย ฉันชอบวาคาบะที่เชื่อฟังแต่โดยดีแบบนี้แหละ”
เธอเอาแต่เรียกชื่อฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเหมือนเธอทำเพื่อกวนให้ฉันหงุดหงิดซะมากกว่า ทุกครั้ง ฉันจะจ้องเขม็งใส่เธอ แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรเลย
แล้วที่เธอว่าชอบนั่นน่ะ ตั้งใจจะหมายความว่ายังไงกันแน่ หลังจากที่พรากเอาศักดิ์ศรีไปจากฉัน เธอก็ทำตัวใหญ่โตสูงส่งซะเหลือเกิน ในอกฉันมันกระอักกระอ่วนไปหมด แต่ฉันก็รู้ดีว่าพูดอะไรกับโคมากิไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ เจ็บใจชะมัดเลย
พอเธอพอใจกับคำตอบของฉันแล้ว เธอก็ปล่อยขาเธอออกจากฉันทันที ฉันถอยหนีจากเธอ ก่อนจะคว้ากระเป๋าที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ถ้าฉันยังอยู่ที่นี่นานกว่านี้อีกล่ะก็ อาจจะมีอะไรที่มันเลวร้ายกว่ายิ่งนี้อีกเกิดขึ้นก็ได้
ฉันรีบตรงไปหาประตูห้องเรียน และจับไปที่มือจับประตู
“วาคาบะ”
เสียงเรียกนั่นดังขึ้นข้างหลังฉัน ฉันก็เผลอหันหลังกลับไปหา ตรงนั้น โคมากิกำลังมองมาที่ฉันพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเป็นสุข
แสงแดดสีแดงยามเย็นสาดเข้ามาในห้องเรียนผ่านกระจกหน้าต่างบานใหญ่ ฉายตรงมาที่ตัวเธอเหมือนกับในงานเทศกาล รู้สึกยังกับว่าฉันกำลังเจอกับอะไรที่ไม่ได้มาจากโลกนี้ยังไงยังงั้นเลย และความหนักอึ้งจากความรู้สึกที่ว่านั่นมันทำเอาฉันรู้สึกแน่นในอกไปด้วย
โคมากิน่ะเป็นมนุษย์ เธอก็เป็นแค่มนุษย์นั่นแหละ แต่ ฉันอยากจะหันหน้าหนีจากเธอนะ แต่ก็รู้สึกว่าถ้าทำแบบนั้นแล้ว ฉันจะแพ้ ฉันก็เลยลงเอยด้วยการจ้องเขม็งไปที่เธอ นิ่งไม่ไหวติงแทน
“จูบครั้งแรกกับคนที่เธอไม่ได้ชอบเลยด้วยซ้ำ รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”
เสียงพูดของเธอมันใสเหมือนเสียงกระดิ่งเลย อยากอุดหูตัวเองชะมัด
“เลวร้ายที่สุด ถ้าฉันมาจากสมัยก่อนล่ะก็ ฉันคงคว้านท้องตัวเองไปแล้วล่ะ”
“ตลกจังนะ ทั้งๆ ที่เธอดูจะมีความสุขกับมันแท้ๆ อยากให้ฉันทำสีหน้าตอนนั้นของเธอให้ดูมั้ย?”
เธอไม่รอฟังคำตอบตกลงจากฉันด้วยซ้ำ เธอทำสีหน้าเปี่ยมด้วยความยินดี แก้มแดงระเรื่อ ดวงตาปรือปิดไปครึ่งนึงเหมือนกับล่องลอยไปกับความสบายใจ จนเหมือนกันเสียสติไปเพราะความรู้สึกที่ว่านั่นเลย แวบนึง ฉันคิดขึ้นมานะว่านี่เธอต้องเก่งขนาดไหนเนี่ยถึงได้เปลี่ยนสีหน้าตามใจสั่งแบบนั้นได้ แค่ยิ่งกว่านั้นคือ ฉันรู้สึกได้ว่าหน้าของตัวเองมันร้อนขึ้นมาจากทั้งความอายและความโกรธเลยตอนนี้
“ฉัน ไม่ได้ทำหน้าแบบนั้นซักหน่อย!”
“ก็เธอทำแบบนี้เลยนี่… สงสัยคราวหน้า ฉันคงต้องถ่ายรูปเอาไว้ซะแล้วสิ เธอจะได้ปฏิเสธไม่ได้”
“ไม่มีครั้งหน้าอะไรทั้งนั้นแหละ!”
ฉันกระชากประตูเปิดอย่างแรง ประตูโทรมๆ ก็สั่นระริกเหมือนสะท้อนเสียงแตกร้าวข้างในหัวใจของฉันออกมา
“มีแน่ ก็วาคาบะน่ะ ไม่เคยชนะฉันซักครั้งเลยนี่”
ฉันเถียงอะไรกลับไปไม่ได้ เลยทำได้แต่เงียบและเดินออกจากห้องเรียนไป ฉันกะว่าจะเดินออกไปโดยหันหลังใส่เธอซะ แต่จู่ๆ เธอก็คว้ามือฉันไป เธอมาอยู่ข้างๆ ฉันโดยที่ฉันก็ไม่ทันรู้สึกตัวเลย
“ถ้าไม่พอใจ ก็ลองชนะดูสิ ถึงจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะนะ”
เธอลากฉันตามก้าวเดินที่แทบจะเบาหวิวเหมือนนางฟ้าโบยบิน แล้วก็เพราะว่าบ้านพวกเราอยู่ใกล้กัน ไม่ว่าฉันจะพยายามเดินกลับบ้านคนเดียวแค่ไหน สุดท้ายฉันก็ต้องลงเอยด้วยการเดินกลับกับเธอทุกที
ถ้าเรียนจบชั้นมอปลายเมื่อไหร่ ฉันจะไปเรียนต่อที่มหาลัยในโตเกียวให้ได้ เพื่อจะหนีให้พ้นจากโคมากิซักที ฉันตั้งเป้าหมายนั้นไว้ในใจพลางเลียริมฝีปากของตัวเอง
ทั้งสัมผัสทั้งกลิ่นอายของโคมากิยังเหลือติดอยู่ที่ตัวอยู่เลย ไม่สิ ไม่ใช่แค่เหลือติด แต่ติดอยู่เต็มไปหมดเลยต่างหาก เจอแบบนี้ ทำเอาฉันกัดริมฝีปากตัวเองอย่างอดไม่ไหวเลย
TN: ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r