ยัยตัวแสบแอบปิ๊งรุ่นพี่เข้าเเล้ว น่ารักเกินต้าน! - ตอนที่ 5.2 เดทกับรุ่นน้องตัวเเสบ
- Home
- All Mangas
- ยัยตัวแสบแอบปิ๊งรุ่นพี่เข้าเเล้ว น่ารักเกินต้าน!
- ตอนที่ 5.2 เดทกับรุ่นน้องตัวเเสบ
“ฉันมาถึงแล้ว” ผมส่งข้อความไปหาโมนะกะ
ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล?”
“อ๊ะ! รุ่นพี่เหรอ? อยู่ไหนแล้ว?”
“เพิ่งเดินผ่านช่องตรวจตั๋วมา”
“ฉันก็ใกล้ถึงแล้ว! เดี๋ยวนะ ฉันเหมือนจะเห็น”
ผมมองไปรอบๆ พลางถือโทรศัพท์แนบหู จากนั้นก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งหมุนตัวไปมา พลางคุยโทรศัพท์ โมนะกะหันมาทางผม ใบหน้าของเธอบานสะพรั่ง
“เจอแล้ว!”
ถึงจะอยู่ใกล้จนได้ยินเสียง แต่เธอก็ยังคุยโทรศัพท์ โมนะกะโบกมือ ผมจึงยกมือขึ้นเล็กน้อยเป็นการตอบรับ
“รุ่นพี่ ฉันเพิ่งคิดอะไรเจ๋งๆ ออก”
“…ว่ามาสิ”
“ถึงจะอยู่ใกล้กัน แต่เสียงของฉันก็ต้องกลายเป็นคลื่นวิทยุ ผ่านเซิร์ฟเวอร์ แล้วถึงจะไปถึงรุ่นพี่ อ้อมโลกมากเลยเนอะ โรแมนติกดี ไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันไม่ค่อยเข้าใจ ดังนั้น จะวางแล้วนะ”
“เอ๋~”
หลังจากวางสาย ผมก็ยังคงเห็นโมนะกะเบะปากอยู่ ผมยักไหล่ เดินไปหาโมนะกะ แต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหนไกล โมนะกะก็วิ่งมาหาผม
“รุ่นพี่!”
“ขอโทษนะ รอนานไหม?”
“อืม…ประมาณชั่วโมงนึง?”
“จริงเหรอ? ขอโทษนะ…แต่นัดกันบ่ายโมงไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่เป็นไร! ฉันมาเร็วเอง! รอสนุกดีเหมือนกัน”
คำพูดของเธอไร้เดียงสา ตรงไปตรงมา สำหรับคนที่ชอบคิดอะไรในแง่ร้ายอย่างผม มันช่างแยงตาเสียจริง
“ขอบคุณที่มาด้วยนะคะ! รุ่นพี่ ฉันนึกว่ารุ่นพี่จะไม่มาซะแล้ว”
“ไม่ไว้ใจฉันเหรอ?”
“เปล่า ฉันไว้ใจรุ่นพี่ แต่ก็อดกังวลไม่ได้ ตื่นเต้นจนรู้สึกไม่มั่นใจ”
ผมเข้าใจความรู้สึกนั้น เวลาที่ทุกอย่างราบรื่นเกินไป มักจะเกิดปัญหา ความรู้สึกตึงเครียดเป็นสิ่งสำคัญ…แต่บางที อาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้
“…เธอเป็นคนที่ จะว่ายังไงดี เป็นคนที่จริงใจมาก”
“จริงใจ?”
“ใช่ การที่สามารถแสดงความรู้สึก อย่าง ความสุข ความตื่นเต้น ออกมาได้อย่างเปิดเผย เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากสำหรับฉัน”
“เหรอ? บางทีฉันอาจจะเป็นคนที่พูดในสิ่งที่คิดออกมาทันที”
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันทำไม่ได้”
ก่อนจะพูด ผมมักจะคิดมาก ควรจะพูดแบบนี้ไหมนะ? จำเป็นต้องเปิดเผยความคิดจริงๆ เหรอ? ผมมักจะคิดอะไรมากมาย จนสุดท้าย สิ่งที่พูดออกมาก็ไม่ใช่สิ่งที่รู้สึกจริงๆ ผมชอบปรุงแต่ง บิดเบือน พูดในสิ่งที่ไม่สำคัญ การไม่เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง ทำให้ผมรู้สึกสบายใจกว่า โมนะกะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่ฉุดรั้งผมไว้ได้อย่างง่ายดาย
…น่าอายจัง ที่ต้องยอมรับว่า ผมมองว่าการกระทำและคำพูดของเธอเป็นความรัก เหมือนผมกำลังหลงตัวเอง แต่อย่างน้อย ผมก็ไม่รู้สึกถึงความเท็จในคำพูดของเธอ การที่เธอแสดงความรู้สึกออกมาอย่างตรงไปตรงมา ผมก็น่าจะมองเธอ ก็จริงที่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ความรัก อย่างมากเธอก็มองผมเป็นรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่ง
“อ๊ะ! เป็นอีกแล้ว รุ่นพี่ชอบคิดมากเวลาอยู่กับฉัน”
“ขอโทษ”
“เอาล่ะ! จิกะไป ลองพูดตรงๆ บ้างสิ!” โมนะกะหมุนตัว อวดชุดของเธอ
“ฉันดูเป็นไงบ้าง? น่ารักไหม?”
เธอใส่กางเกงขายาวลายสก็อต เสื้อถัก สะพายกระเป๋าหนังใบเล็ก การแต่งหน้าของเธอก็ดูแตกต่างจากปกติ มีสีสันสวยงามบริเวณดวงตา
“น่ารักดี”
“เอ๊ะๆ รู้สึกเหมือนบังคับให้พูดเลย แต่ฉันก็ดีใจ”
“ถ้าฉันไม่ชมว่าน่ารัก ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“เอ๋~ ใจร้าย”
ถึงจะคิดว่าเธอน่ารักจริงๆ แต่ก็อดแกล้งไม่ได้ แต่โมนะกะก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“ไปกันเลยไหม?”
“ไปสิ! ไปช้อปปิ้งกัน!” โมนะกะจับมือผม
นิ้วของเธอเรียวเล็ก แต่ก็นุ่มนิ่ม เหมือนกำลังบีบนิ้วของผม เธอไม่ได้ออกแรงเลย แต่ผมกลับสะบัดไม่ออก
“อ๊ะ! ลืมบอกไปเลย รุ่นพี่ก็ดูเท่เหมือนกันนะ”
“…ขอบคุณ”
“ฉันดีใจจัง ที่คิดว่ารุ่นพี่ตั้งใจแต่งตัวมาเดท” โมนะกะยิ้ม แก้มแดงระเรื่อ
เป็นรอยยิ้มที่ต่างจากรอยยิ้มแบบกวนๆ ปกติ ดูเหมือนจะเป็นสีหน้าที่มีความสุขจริงๆ ผมรู้สึกเขินที่เธอรู้ว่าผมกังวลเรื่องการแต่งตัว จึงหลบสายตา
“เฮะๆ” โมนะกะหัวเราะ เมื่อเห็นท่าทางของผม
…ช่วยไม่ได้ ผมเพิ่งเคยไปเที่ยวกับผู้หญิงนี่นา ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะตื่นเต้นขนาดนี้ ผมไม่ได้คุยกับผู้หญิงไม่เก่ง ในฐานะคนที่คุยเรื่องอะไรก็ได้ ผมคิดว่าตัวเองค่อนข้างเก่งด้วยซ้ำ แต่กับโมนะกะ จังหวะของผมกลับแปลกไป คงเป็นเพราะเธอเป็นผู้หญิงแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน ชีวิตนี้ผมไม่เคยมีสาวเเกลอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้
“อ๊ะ! อยากเข้าร้านนี้จัง”
โมนะกะปล่อยมือผม เดินเข้าร้านขายของจุกจิก ข้างในเต็มไปด้วยอุปกรณ์เครื่องครัว เครื่องประดับ และของตกแต่ง
“ตั้งใจจะมาร้านนี้เหรอ?”
“เอ๋? เปล่า แค่เห็นแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจดี”
“…ไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอนเหรอ?”
“ใช่แล้ว” โมนะกะเอียงคอ ราวกับเป็นเรื่องปกติ
“ฉันแค่อยากไปเดทกับรุ่นพี่ ไปที่ไหนก็ได้”
“เหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
เธอช่างแตกต่างจากผม ผมไม่มีทางออกถ้าไปเที่ยวโดยที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง บางทีผมควรจะวางแผนเดท…แต่พอเห็นโมนะกะยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ข้างๆ มันก็ดูไม่จำเป็น
“รุ่นพี่ต้องมีจุดหมายปลายทางด้วยเหรอ?”
“แน่นอนสิ ไม่งั้นจะรู้ได้ไงว่าต้องไปทางไหน”
“เอ๋~ การเดินเล่นเรื่อยเปื่อยมันก็สนุกดีออกนะ?”
จริงเหรอ? ผมไม่เข้าใจเเฮะ
“การไปถึงจุดหมายแบบตรงๆ มันน่าเบื่อ ไม่ใช่เหรอ? การเดินอ้อมไปในที่ที่ไม่รู้จักมันน่าตื่นเต้นกว่าตั้งเยอะ”
ตื่นเต้น…? ผมว่า กระสับกระส่ายมากกว่า การเดินดูของโดยไม่มีจุดหมายทำให้ผมรู้สึกคันยุบยิบ โดยเฉพาะร้านขายของกระจุกกระจิกน่ารักๆ ที่ดูไม่เข้ากับผม
“ดูสิ ต้นแก้วเจ้าจอมน่ารักจัง” โมนะกะหยิบต้นไม้กระถางขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมา ต้นไม้ข้างในคือต้นแก้วเจ้าจอม เป็นไม้ใบที่มีลักษณะเด่นคือลำต้นที่บิดงอ
“แค่ชื่อก็น่ารักแล้ว แก้วเจ้าจอม~ จอมแก้ว~”
“อย่าเพิ่งตั้งชื่อ ในเมื่อยังไม่ได้ซื้อสิ”
“งั้นซื้อเลย แล้วเอาไปวางไว้ที่ห้องสภานักเรียน ต้นกระบองเพชรก็ได้นะ”
“แล้วใครจะเป็นคนดูแลล่ะ?”
“คุณแม่ก็พูดแบบนี้แหละ ตอนที่ฉันอยากเลี้ยงสัตว์” โมนะกะหัวเราะ เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
ต้นไม้เหรอ…ผมชอบดูนะ แต่นึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะรอด ถ้าเอาไปวางไว้ที่ห้องสภานักเรียน ปกติห้องก็ปิดอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวๆ ไม่มีใครเข้าไป แสงแดดก็ไม่ค่อยดี คงเป็นสภาพแวดล้อมที่แย่ที่สุดสำหรับต้นไม้
“รู้ไหม? ต้นแก้วเจ้าจอม ‘เดินได้’ นะ”
“เดินได้?”
“ใช่แล้ว มันจะหยั่งรากที่หนาแน่นลงไปในดิน สร้างลำต้นขึ้นมาใหม่ เมื่อลำต้นเก่าตายไป ลำต้นใหม่ก็จะมาแทนที่ มันจะค่อยๆ เคลื่อนที่ด้วยวิธีนี้”
“ธรรมชาติช่างน่าอัศจรรย์” โมนะกะตาลุกวาว ตบมือ
เป็นปฏิกิริยาที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่ผมก็ค่อนข้างพอใจที่ได้แบ่งปันความรู้ …เดี๋ยวก่อนนะ นี่มันเหมือนกับการดูแลลูกค้ารึเปล่า? เหมือนกับพนักงานเงินเดือนที่กำลังเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เด็กๆ ฟัง
“อืม…ฉันมองเห็นอนาคตของตัวเองแล้ว…”
“ทำไมพูดแบบเศร้าๆ ล่ะ? อนาคตของรุ่นพี่กับฉันสดใสจะตาย!” โมนะกะพูด ชูนิ้วโป้งให้ผม พยายามให้กำลังใจ
“อ๊ะ! ดูสิ เครื่องฉายดาว! เอาไปวางไว้ที่ห้องสภานักเรียนกันเถอะ”
“ในห้องมันมืดไม่พอหรอก”
แม้แต่ตอนกลางคืนที่ปิดไฟ แสงจากไฟถนนและไฟนีออนในโถงทางเดินก็ยังลอดเข้ามา คงดูดาวไม่สนุก โมนะกะวางกล่องเครื่องฉายดาวลง ทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เบาะรองนั่งขนาดใหญ่ เป็นเบาะที่ทำให้คนขี้เกียจ
“งั้นเอาอันนี้เป็นไง? ถ้ามีอันนี้ไว้ในห้องสภานักเรียน ก็น่าจะงีบหลับสบายเลย”
“เธอคิดว่าห้องสภานักเรียนเอาไว้ทำอะไร?”
“พื้นที่อันแสนวิเศษที่ฉันจะได้เจอกับรุ่นพี่?”
“โห เข้าใจผิดมาก…ที่นั่นเอาไว้ใช้แรงงานต่างหาก ถ้าอู้งาน โดนแส้ฟาดนะ”
“ที่นั่นอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ!?”
“ล้อเล่นน่า แต่อย่ามาจัดห้องสภานักเรียนเองแบบนี้สิ เดี๋ยวโดนคาวานะดุเอา”
“ฉันไม่อยากโดนมัตสึรินดุ…”
“งั้นโดนฉันดุได้?”
ถึงพวกเราจะใช้ห้องสภานักเรียนอย่างอิสระ แต่มันก็เป็นสถานที่ของโรงเรียน อีกอย่าง ยังมีคาวานะกับสมาชิกสภานักเรียนคนอื่นๆ พวกเราจะเอาอะไรไปวางโดยพลการไม่ได้
“ว่าแต่ สนใจห้องสภานักเรียนขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“อืม…ก็มีส่วน แต่…ในเมื่อเป็นเดทสุดพิเศษ ฉันก็อยากจะซื้อของที่ระลึก เป็นของที่เราใช้ด้วยกันได้” โมนะกะก้มลงมองแก้ว
แก้วหลากสีสะท้อนแสง ทำให้ดวงตาของโมนะกะดูเปล่งประกาย
“ไม่ได้เหรอ?”
ดวงตาของเธอเป็นประกาย แต่ก็ดูเหมือนจะชื้นๆเล็กน้อย
“…แกล้งทำหน้าเศร้าอีกแล้ว ฉันไม่หลงกลง่ายๆ หรอก”
“ชิ! ฉันนึกว่าเป็นจุดอ่อนซะอีก”
“ต้องเก็บไว้ใช้ในจังหวะสำคัญๆ ถึงจะได้ผล”
“ฉันจะจำไว้เป็นบทเรียน!”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ทั้งสีหน้าเศร้าๆ เมื่อกี้ และรอยยิ้มสดใสตอนนี้ ก็น่ารัก โมนะกะเดินไปที่ชั้นวางของถัดไป กอดอก ผมมองสินค้าต่างๆ เดินตามเธอไป
“ว่าแต่ การแจกใบปลิวเป็นไงบ้าง?”
“ได้รับความนิยมมากเลย ทั้งอาจารย์และเด็กๆ!”
“ดีจัง คงต้องขอบคุณภาพประกอบของคาวานะ”
“ใช่…เอ๋? แล้วฉันล่ะ?”
“โมนะกะ เธอเป็นตัวถ่วงมากกว่า ไม่ใช่เหรอ?”
“โหดร้าย ฉันแค่พยายามช่วย”
เหมือนสุภาษิตที่ว่า ‘ฟ้าหลังฝน’ ความบาดหมางเป็นเพียงชั่วคราว โมนะกะกับคาวานะก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เอาเข้าจริง ก็เป็นโมนะกะที่คอยก่อกวน ส่วนคาวานะก็รับมือ พวกเธอช่วยกันทำใบปลิวอย่างสนุกสนาน แล้วก็ไปแจกโดยไม่มีผม ดูเหมือนผมจะไม่จำเป็น… ใบปลิวออกมาสวย ดีไซน์สื่อถึงบรรยากาศที่ดูสนุกสนาน
“มัตสึรินบอกว่า ดีแล้ว ที่โมนะกะซังมีพลัง!”
“นั่นมันประชดชัดๆ”
“เปล่าซะหน่อย พวกเราเข้ากันได้ดี ด้วยพลังของฉันกับมัตสึริน งานต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
“พวกเรายังต้องทำรายชื่อผู้เข้าร่วมอีก…มีอะไรต้องทำเยอะแยะ นอกจากแจกใบปลิว ปวดหัวจริงๆ”
“ลำบากแย่เลยนะคะ งั้นฉันจะเป็นกำลังใจให้นะ”
“เธอยังคงไร้ประโยชน์เหมือนเดิม ไม่เป็นไรหรอก เพราะมีคาวานะ”
แค่ช่วยทักทาย แจกใบปลิว ก็ช่วยได้เยอะแล้ว แต่ผมจะไม่ชมเธอ เพราะเดี๋ยวเธอจะเหลิง งานคริสต์มาสจะจัดขึ้นในต้นเดือนธันวาคม ดังนั้น จึงไม่มีเวลาให้พักผ่อน โดยเฉพาะการเตรียมงานในวันก่อนงาน ผมต้องบรรยายสรุปให้อาสาสมัครด้วย
ในขณะที่ผมกำลังคิดเรื่องงาน โมนะกะก็หยิกแขนผม ทำหน้าบึ้ง
“นี่ๆ คนที่เดทด้วยเบื่อแล้วนะ~”
“ขอโทษ”
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเดทได้รึเปล่า แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาเดินซื้อของกับผู้หญิง ผมไม่รู้ว่าทำถูกไหม พวกเราแค่เดินดูของ พูดคุยกันไปเรื่อย ไม่ได้ซื้ออะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้อยากได้อะไรด้วย เธอสนุกกับเรื่องนี้จริงๆ เหรอ?
“เบื่อเหรอ?”
ในขณะที่ผมกำลังคิด โมนะกะก็มองหน้าผม
“…เปล่า สนุกดี”
“โกหก หน้าตาเบื่อจะตาย” โมนะกะพูดเเล้วทำ แก้มป่อง
ผมว่าโมนะกะเป็นคนที่ช่างสังเกต เธอสังเกตเห็นแม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ของผม แล้วก็พูดออกมาทันที ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ฉันนึกว่าตัวเองหน้านิ่งแล้วนะ”
“เฮะๆ พลังแห่งความรักที่มีต่อรุ่นพี่ไงล่ะ” โมนะกะพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ มือเท้าสะเอว ทำหน้าตาพึงพอใจ
“…อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้เบื่อโมนะกะนะ แค่ไม่เคยเดินดูของแบบไม่มีจุดหมายมาก่อน เลยไม่รู้ว่าจะสนุกกับมันยังไง แล้วก็…ฉันไม่แน่ใจว่าโมนะกะจะสนุกกับเรื่องนี้รึเปล่า”
“เอ๋~ จิกะไปซึนเดเระ กำลังพูดตรงๆ เหรอเนี่ย…!?”
โดนแกล้งแบบนี้ ผมยิ่งรู้สึกเขิน หน้าร้อนผ่าว นี่สินะ ผลของการพยายามพูดตรงๆ…เหมือนกับการที่ผมยอมรับอย่างเปิดเผยว่า ไม่มีประสบการณ์เรื่องเดท ยังไม่น่าอายพอ
“ไม่ๆ! พูดตรงๆ อีกสิ!”
“ฉันไม่ได้ซึนเดเระ แล้วตอนนี้ก็ไม่ได้กำลังพูดตรงๆ ด้วย”
“รู้แล้วๆ~ รุ่นพี่ชอบฉัน รู้อยู่แก่ใจ”
“ไม่จริงสักหน่อย”
“ว้าว ทำเสียงจริงจังเชียว”
น่ารำคาญ…ไม่น่าปล่อยให้เธอได้ใจเลย ผมนี่มันตลกจริงๆ ที่กังวลเรื่องเธอแบบไร้สาระ ผมไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องสร้างความบันเทิงให้โมนะกะตั้งแต่แรก เธอก็ดูสนุกของเธอเองอยู่แล้ว