ยัยตัวแสบแอบปิ๊งรุ่นพี่เข้าเเล้ว น่ารักเกินต้าน! - ตอนที่ 4.3 รุ่นน้องผู้มากความสามารถ
- Home
- All Mangas
- ยัยตัวแสบแอบปิ๊งรุ่นพี่เข้าเเล้ว น่ารักเกินต้าน!
- ตอนที่ 4.3 รุ่นน้องผู้มากความสามารถ
“…ฉันรู้ว่าการเรียนไม่ใช่ทุกอย่างสำหรับทุกคน แต่สำหรับฉัน การเรียนคือทุกอย่าง”
“แต่เธอก็เข้าร่วมสภานักเรียน ไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นเป็นเพราะ…ท่านประธานคะยั้นคะยอ แล้วบอกว่า ไม่เป็นไร ที่จะให้ความสำคัญกับการเรียนไปด้วย”
“งั้นเหรอ แล้วที่วาดใบปลิวงานคริสต์มาส ก็เป็นการฆ่าเวลา?” ผมถาม พลางยกกระดาษขึ้นมา
เป็นภาพที่คาวานะพยายามจะแย่งคืน เป็นแบบร่างสำหรับใบปลิวงานคริสต์มาส มีทั้งภาพประกอบน่ารักๆ อย่าง ซานตาคลอส ต้นคริสต์มาส แม้แต่โลโก้ก็คิดไว้เรียบร้อยแล้ว ภาพถูกวาดอย่างพิถีพิถัน ลงสีเรียบร้อย จนยากที่จะเชื่อว่าเป็นแค่แบบร่าง ผมว่าเป็นดีไซน์ที่ดี สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ไม่แปลกใจเลยที่โมนะกะจะตื่นเต้น
“เห็นไหมล่ะ สวยมากเลย! ใช้แบบนี้แหละ!”
“…ยังอยู่ในขั้นตอนการร่าง มันยังไม่สมบูรณ์”
“หมายความว่า มันจะสวยกว่านี้ ใช่มั้ย? สุดยอดไปเลย!”
คำชมตรงไปตรงมาของโมนะกะทำให้คาวานะหันหน้าหนี ดูเหมือนจะเขิน
“เอาล่ะ ถ้าคาวานะไม่ทำ งั้นฉันกับโมนะกะคงต้องทำเองแล้วล่ะ”
“ไว้ใจฉันได้เลย! คุณแม่ชอบบอกว่าฉันเป็นศิลปิน”
“แบบนั้นมันจะเรียกว่าคำชมได้เหรอเนี่ย… เอาเถอะ ฉันเองก็ลำบากเหมือนกัน งั้นคงต้องไปหาวัตถุดิบฟรีๆ มาใช้แก้ขัดสักหน่อยแล้วล่ะ”
“อ๊ะ! ถ้าเป็นเครื่องสำอางล่ะก็ ฉันมีเยอะแยะเลย อยากลองใช้อายแชโดว์ไหม? ฉันมียาทาเล็บแบบมีกลิตเตอร์ด้วยนะ”
“ดีเลย งั้นจัดแบบวิบวับไปเลย”
ในขณะที่พวกเรากำลังเพลิดเพลิน ก็ยังคงเหลือบมองคาวานะ ดูเหมือนเธอจะมีอะไรจะพูด ปากขมุบขมิบ เมื่อมองใกล้ๆ มือของเธอก็สั่นเล็กน้อย ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว แทรกเข้ามาระหว่างผมกับโมนะกะ
“พอได้แล้ว! ฉันปล่อยเรื่องนี้ให้พวกเธอไม่ได้หรอก! ถ้าเอาใบปลิวแบบนั้นไปแจก สภานักเรียนจะเสียชื่อเสียงหมด”
“โธ่~ ฉันจริงจังนะ”
โมนะกะ จริงจังเหรอ…? ผมนึกว่าแค่พูดเล่น คาวานะแย่งแบบร่างใบปลิวจากมือผม แต่เธอไม่ได้เดินไปที่ถังขยะ
“ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะวาดใบปลิวเอง”
“เยี่ยมไปเลย”
“แต่ฉันเกลียดการวาดรูป”
“รู้แล้วๆ”
“เลิกมองฉันด้วยสีหน้าพึงพอใจแบบนั้นสักที ฉันเกลียดมันจริงๆ นะ”
“คือ ฉันคิดว่าคาวานะสามารถจัดการเรื่องอื่นๆ ได้ โดยที่ไม่กระทบกับการเรียนหรอก การพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญนะ”
ถึงจะยั่วโมโหเธอ แต่ผมก็ดีใจที่เห็นคาวานะมีแรงจูงใจ ถ้าเรื่องนี้จบลงไม่สวย พวกเราอาจจะได้ใบปลิวที่ทำจากวัตถุดิบฟรี ฟอนต์ฟรี และการตกแต่งของโมนะกะ…
“ฉันทำก็เพราะเป็นงานของสภานักเรียน” คาวานะพูด น้ำเสียงยังคงหงุดหงิด พลางหยิบกระดาษวาดรูปออกมา ดูเหมือนเธอจะพร้อมลงมือทันที
“รุ่นพี่คะ มัตสึรินยังบ่นไม่เลิกเลย”
“เอาล่ะ ฉันจะแปลคำพูดคนซึนเดเระให้ฟังนะ สิ่งที่เธอพูดหมายความว่า ‘ฉันดีใจที่ช่วยท่านประธานได้!’”
“ฉันว่าเธอไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ…”
แปลกจัง สำหรับผม มันฟังดูเป็นแบบนั้นนะ ในขณะที่ผมกับโมนะกะยิ้มให้กัน คาวานะก็จ้องมองพวกเรา
“เลิกพูด แล้วมาช่วยฉันทำงานได้แล้ว”
โดนดุเลย แต่ก็ดีเหมือนกันที่ได้รู้จักคาวานะมากขึ้น…ไม่ได้หมายถึงในทางแปลกๆ นะ คาวานะอาจจะพูดได้ง่ายขึ้น เพราะโมนะกะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงก่อน อีกอย่าง โมนะกะดูเหมือนจะเป็นคนที่รับฟังทุกอย่าง
พิจารณาจากหลายๆ อย่างแล้ว ดูเหมือนทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีจริงๆ ปัญหาของรุ่นน้องได้รับการแก้ไข และดูเหมือนงานคริสต์มาสก็จะออกมาดี โล่งอกไปที
“ท่านประธานคะ…”
“หืม?” คาวานะเหลือบมองผม ในขณะที่ขยับดินสอกดไปมา
“ขอบคุณนะคะ”
“…ขอบคุณเรื่องอะไรเหรอ?” ผมถามกลับ ไม่เข้าใจความหมาย คาวานะทำเสียงฮึดฮัด ก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อ
ผมจำไม่ได้เลยว่าทำอะไรที่สมควรได้รับคำขอบคุณโดยตรงแบบนี้ ผมกลับรู้สึกว่า ผมหลอกใช้แรงงานเธออย่างแนบเนียน…นี่สินะ ที่เรียกว่า การเอาเปรียบความกระตือรือร้น…
บรรยากาศที่ตึงเครียดในห้องสภานักเรียนหายไปจนหมดสิ้น ถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรมากขึ้น
〇
มุมมองของคาวานะ มัตสึริ
ฉัน คาวานะ มัตสึริ ใช้ชีวิตอยู่กับการเรียนมาโดยตลอด ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ หลังเลิกเรียนฉันจะไปโรงเรียนกวดวิชา พอกลับถึงบ้านก็จะทบทวนบทเรียน ทุกวันวนลูปแบบนี้ ไม่เคยตั้งคำถาม
ฉันเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล…มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่นะ? เพื่อนสมัยประถมต่างก็เล่นกันหลังเลิกเรียน ส่วนฉันปฏิเสธ บอกว่าต้องไปโรงเรียนกวดวิชา วันหนึ่ง ฉันก็เริ่มตั้งคำถาม เมื่อโตขึ้น คำถามนั้นก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่กว่าจะรู้ตัวว่าพ่อแม่จริงจังกับการศึกษามากผิดปกติ มันก็สายเกินไปแล้ว ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากเรียน ฉันแทบไม่รู้วิธีใช้เวลาหลังเลิกเรียน จะไปเจอเพื่อนนอกโรงเรียนได้ยังไง? ฉันไม่รู้แม้กระทั่งพื้นฐาน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่พ่อแม่พูดก็ดูเหมือนจะถูก ดังนั้น การต่อต้านจึงรู้สึกผิด ที่โรงเรียนกวดวิชามีเด็กอีกหลายคนที่ตั้งใจเรียน ฉันจึงไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงอะไร
ช่วงนั้นเอง ที่ฉันเริ่มวาดรูปเล่นที่มุมสมุด มันเป็นการต่อต้านอย่างหนึ่ง การวาดรูปเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นเรื่องสนุกอย่างน่าประหลาดใจ ฉันมัวแต่เพลิดเพลิน แต่พ่อแม่ก็จับได้ เเล้วดุฉัน ตั้งแต่นั้นมา ฉันจึงทิ้งภาพวาดทันทีหลังจากวาดเสร็จ ฉันจริงจังกับการเรียนมาก ฉันได้คะแนนสูงสุดของห้องเสมอ คำชมของทุกคนทำให้ฉันยิ่งพยายามมากขึ้น ตราบใดที่ฉันเรียนได้ ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองมีค่า แน่นอน สำหรับการสอบเข้ามัธยมปลาย ฉันเลือกโรงเรียนที่คะเเนนมาตรฐานสูงสุดในภูมิภาค ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสอบไม่ติด ดังนั้น ฉันจึงสมัครแค่โรงเรียนมัธยมปลายในท้องถิ่นเป็นตัวเลือกสำรอง แต่…ผลลัพธ์คือ ไม่ผ่าน ทุกอย่างมืดมน สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ ในขณะที่ฉันกำลังมึนงง สิ่งที่ฉันได้ยินก็คือคำตำหนิของพ่อแม่
เกิดอะไรขึ้น? กระดาษคำตอบฉันใส่ผิดช่องเหรอ? แล้วบทสัมภาษณ์ล่ะ? ผลการเรียน? ฉันไม่รู้ ฉันรู้สึกว่าทำได้ดี แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนทุกอย่างพังพินาศ การซ้ำชั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะพ่อแม่แคร์สายตาคนอื่นมากเกินไป “ต้องชดเชยด้วยการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้” คำพูดเหล่านั้นยังคงฝังอยู่ในใจฉันเหมือนเป็นคำสาป
โชคดีที่การเข้ามหาวิทยาลัยใช้แค่คะแนน การลดระดับโรงเรียนมัธยมปลายไม่ได้ทำให้ความยากเปลี่ยนไป สามารถเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาได้ แต่ฉันก็ทำตัวเหลวไหลในห้องเรียนไม่ได้ พ่อแม่ไม่มีวันให้อภัย ถ้าฉันเรียนไม่ทัน โดยเฉพาะในโรงเรียนที่ไม่ได้มีชื่อเสียง ดังนั้น ฉันจึงทุ่มเทเวลาทั้งหมดนอกเหนือจากเวลาเรียนให้กับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันรู้สึกเหมือนเวลามีน้อย ความกลัวที่จะสอบตกเหมือนตอนสอบเข้ามัธยมปลายตามหลอกหลอน ไม่ว่าจะเรียนมากแค่ไหนก็ไม่จางหายไป
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเป็นกรรมการสภานักเรียน มันก็แค่สิ่งที่จะทำให้รู้สึกดีกับตัวเองในช่วงชีวิตมัธยมปลาย เว้นแต่จะต้องการโควต้า มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันคิดแบบนั้น…จนกระทั่งคนๆ นั้นปรากฏตัวขึ้น
『เธอดูเหมือนเหรัญญิกเลย ว้าว ไม่เคยรู้เลยว่าจะมีผู้หญิงที่เหมือนเหรัญญิกขนาดนี้อยู่บนโลก』
『…พูดอะไรขึ้นมาคะ อยู่ๆ』
『เปล่า แค่บังเอิญเจอผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นเหรัญญิกน่ะ』
เหมือนกับการจีบแบบงุ่มง่าม ฉันเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ดังนั้น ฉันจึงจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะมีใครมาจีบ แต่ฉันก็แค่คิดไปเอง ฉันได้ยินมาว่า เขาถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง จนเริ่มทำตัวแปลกๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญด้วย เขาตั้งใจมาหาฉันตั้งแต่แรก
ฉันคิดว่าเขาเสียมารยาท จึงปฏิเสธ แต่ตั้งแต่วันต่อมา เขาก็มาหาฉันแทบทุกวัน
『ได้โปรด มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะสม』
『ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันคงต้องเป็นสมาชิกสภานักเรียนที่โดดเดี่ยวแน่ๆ เลย』
『การหาคนสิบคนมาเป็นกรรมการบริหารมันยากมากเลยนะ สงสารฉันบ้างสิ ไม่สงสารเหรอ…เข้าใจแล้ว…』
ในบางโรงเรียนมีผู้สมัครเยอะมาก จนกลายเป็นการแย่งชิงตำแหน่ง แต่โรงเรียนของเรากลับขาดแคลนคน ดังนั้น ชายที่จะได้เป็นประธานสภานักเรียนคนต่อไปจึงต้องเดินสายหาสมาชิกด้วยตัวเอง ฉันคิดว่ามันดูเหนื่อย จึงไม่ได้สนใจคำชวนของเขา แต่ไม่ว่าจะปฏิเสธกี่ครั้ง เขาก็ยังคงมาหาฉันพร้อมกับคำพูดชวนเชื่อแบบใหม่ๆ ตั้งแต่คำพูดที่ฟังดูเหมือนคำสารภาพรัก ไปจนถึงคำพูดที่ทำให้ฉันอยากจะโกรธ เพราะมันเหมือนเป็นการล้อฉันเล่น เขาลองมาหลายวิธีแล้ว…แต่ก็ไม่มีอะไรโดนใจฉันเลย
แต่เขาไม่เคยพยายามโน้มน้าวฉันด้วยผลประโยชน์ หรือบอกว่าการเข้าร่วมสภานักเรียนจะเป็นผลดีต่อตัวฉัน เขายืนกรานแต่ว่า “ฉันต้องการเธอ” ฉันรู้สึกสนุก เพราะไม่เคยมีใครให้ความสนใจฉันมากขนาดนี้ บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเห็นฉันวาดรูปในห้องสมุด หลังจากที่ฉันเริ่มชินกับการที่เขามาหา
『ว้าว เหรัญญิกที่วาดรูปเป็น สุดยอดไปเลย…』
จากนั้นเขาก็เริ่มชมภาพวาดของฉันไม่หยุด ตั้งแต่โดนพ่อแม่ดุ ฉันก็ไม่ได้ให้ใครเห็นภาพวาดอีกเลย ดังนั้น ฉันจึงรู้สึกเขิน หน้าแดงจนคิดอะไรไม่ออก เขาคะยั้นคะยอ แม้แต่ตอนที่ฉันโกรธ เขาก็ยังไม่หยุดชม จนกระทั่งฉันตอบตกลงเป็นเหรัญญิกสภานักเรียนโดยไม่รู้ตัว เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่จะติดตัวฉันไปตลอดชีวิต
…ตอนนี้ฉันดีใจนะ ที่ตอบตกลง มันทำให้คนอย่างฉันที่ยึดติดอยู่กับการเรียน มีที่ที่ตัวเองอยู่ แต่ฉันจะไม่บอกท่านประธานเด็ดขาด เขาต้องแกล้งฉันแน่ๆ
“อ๊ะ! มัตสึริน อรุณสวัสดิ์!”
โอโอบะ โมนะกะ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่ห้องสภานักเรียน เธอไม่ใช่เด็กเกเร แต่เป็นสาวเเกล ตอนแรกฉันคิดว่าเธอเป็นคนงี่เง่า แต่พอได้คุยแล้ว ก็พบว่าเธอเป็นคนร่าเริง ใจดี เธอเป็นคนง่ายๆ สบายๆ จนน่าเป็นห่วง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอคุยกับฉันในห้องเรียน บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อวานพวกเราได้คุยกัน ฉันเผลอเล่าเรื่องที่ไม่มั่นใจ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะบอก พอคิดแล้วก็น่าอาย แต่ฉันดีใจจริงๆ นะ ที่ได้เป็นเพื่อนกับโมนะกะซัง
พวกเราทักทายกัน จากนั้นก็คุยเรื่องสัพเพเหระ เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาสำหรับคนอย่างฉันที่เอาแต่เรียนในห้อง ฉันเองก็ใช้เวลาอยู่คนเดียวเยอะเหมือนกัน…มีอย่างเดียวที่ทำให้ฉันกังวล ฉันคิดว่าโมนะกะซังชอบท่านประธาน ดูเหมือนเธอจะตกหลุมรักจริงๆ แม้แต่ตอนนี้ เธอก็ยังพูดถึง “รุ่นพี่ๆ” ไม่หยุด ใบหน้าของเธอเป็นใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังมีความรัก มันก็น่าหงุดหงิดใจนิดหน่อย ท่านประธานเองก็ดูเหมือนจะสนุกกับการคุยกับเธอมากกว่าฉัน…แต่ฉันไม่ได้ชอบท่านประธานนะ แค่…ฉันเป็นรุ่นน้องของเขาก่อน
“เจอกันนะ!”
เมื่อโมนะกะซังเดินจากไป เพื่อนๆ ของฉันก็มารวมตัวกัน
“โอโอบะซังทำอะไรเธอเหรอ?”
“โดนรังแกเหรอ? ถ้ามีอะไร ต้องบอกอาจารย์นะ”
ฉันโกรธพวกเธอไม่ได้ เพราะจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ฉันก็คิดแบบเดียวกัน ดังนั้น ฉันจึงยิ้มตอบ
“เปล่า พวกเราเป็นเพื่อนกัน”
วันนี้ฉันคงได้ใช้เวลาในห้องสภานักเรียนหลังเลิกเรียนกับท่านประธานและโมนะกะซังอีก ว่าแต่..ฉันทำใบปลิวเสร็จแล้ว เหลือแค่ปริ้นท์ออกมา แล้วก็เอาไปแจก บางทีฉันควรจะทิ้งท่านประธานไว้ แล้วไปแจกกับโมนะกะซังสองคน
จบตอนที่4