ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 5 บทมันงง ๆ
ตอนที่ 5
“ยิ้มอะไร น่าขนลุก…”
เช้าวันถัดมาเป็นวันที่แสนสดใส พชรเดินเข้าโรงเรียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามปกติ รอบข้างยังคงมีเสียงทักทายอยู่เป็นประจำ
บรรยากาศรอบข้างดี มีลมพัดจาง ๆ ให้ความรู้สึกสบาย ๆ พชรเดินผ่านอาจารย์ก็โค้งหัวให้อย่างสุภาพตามเคยเหมือนสุภาพบุรุษอย่างที่เขาจินตนาการ
ความหล่อนี่ดีจริง ๆ แต่ขณะนั้นดันมีเสียงแว่วหูสุดแสนไม่น่าฟังดังขัดความสุข
“… อ๊ะ อืม ว่าไง อรุณสวัสดิ์“
”อย่ามาทำตัวสนิทสนมนะ แค่เมื่อวานเป็นผู้นำได้นิดหน่อยคงได้ใจมากสิท่า”
“…”
‘แล้วเข้ามาทักนี่คือจะหาเรื่อง ?’
พชรไม่เข้าใจอีกฝ่าย เขายืนนิ่งพอได้ยินคำพูดทิ่มแทงไม่หยุดจากอีกฝ่าย สักพักก็เอียงคอ สายตารอบข้างเองก็เริ่มให้ความสนใจ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นสาวงามเข้าทักทายผู้ชายที่สารธารณะแบบเปิดเผยเช่นนี้
“เฮ้อ เอาเถอะ ยังไงก็ตามเมื่อวานขอบคุณที่ไม่ทำให้สถานการณ์แย่ลง”
”อา โอเค ก็ดี”
“พูดแค่เนี้ยอะนะ ? เอาเถอะยังไงก็ถือซะว่าตอบแทนเรื่องเมื่อวาน เดี๋ยวฉันสอนความเป็นสุภาพบุรุษให้ผู้ชายใจเสาะอย่างนายแล้วกัน เวลามีผู้หญิงเข้ามาขอบคุณแบบนี้ควรตอบกลับอีกฝ่ายว่า ยินดีครับ !‘ สิ แล้วนี่อะไร‘ โอเค ก็ดี’ ? แค่นี้อะนะ แถมท่าทาง…”
พอได้ฟังอีกฝ่ายบ่นยาวเหยียดอยู่คนเดียว พชรพลันหลี่ตาเป็นเครื่องหมายเท่ากับ อยู่ดี ๆ ก็มีสาวงามจากที่ไหนไม่รู้เข้ามาทักทายตอนเช้า หาเรื่องชวนตีแล้วอยู่ ๆ ดันขอบคุณ พอขอบคุณเสร็จก็บ่นต่อยาวเหยียดเสียอย่างนั้น
สรุปแล้วคน ๆ นี้อยากได้อะไร ? เขามองหน้าอีกฝ่ายระหว่างที่เจ้าตัวกำลังบ่น ขณะที่ริมฝีปากบาง ๆ อันสลวยของอีกฝ่ายขยับขึ้นลง ทว่าพชรไม่ได้มองมันเลยสักนิด สายตาเขาเหม่อมองเลือนผมสีน้ำเงินโทนหม่นของเธอสลับกับใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักน่าชังจนลืมตัว ไม่แม้แต่จะฟังประโยคพูดนั่นเลยสักนิด
“… แล้วก็นะ ถ้าเกิดอยากสมบูรณ์แบบในสายตาสาว ๆ ด้วยล่ะก็… เฮ้ ! นี่ ! ฟังอยู่ไหมเนี่ย”
“อ- เอ่อ ห้ะ ? เมื่อกี้ว่าไงนะ”
“…”
สาวงามหน้าบึ้งทันทีพอรู้ตัวว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจฟังที่ตนพูด เธอกำหมัดแน่นก่อนชักสีหน้าใส่พชรแล้วเดินจากไปเงียบ ๆ ทั้งอย่างนั้นทำเอาพชรทำตัวไม่ถูก เวลาอยู่ต่อหน้าสาวงาม ราวกับลืมสิ่งที่ตัวเองต้องทำ ความเป็นสุภาพบุรุษที่สั่งสมมาโดนลบหายหมดเพราะความกลัวในจิตใจอันบอบบาง
โดยปกติเขาต้องไม่ใช่คนแบบนี้ ต้องใจกล้ามากกว่านี้ ถึงจะไม่ค่อยน่ายอมรับเรื่องอดีตสักเท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นถึงอดีตนักเลงเลยนะ ! จะมากลัวผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้
“อะไรของยัยนั่น”
เข้ามาแล้วก็จากไป นึกว่าพายุ คนอะไรเป็นตัวของตัวเองได้สุดขนาดนี้
พชรมองตามหลังแล้วถอนหายใจ นิสัยของเจ้าตัวดูอิสระดี พอลองเมินมุมขี้บ่นกับปากร้าย เขาก็คิดเหมือนคนทั่วไปก็คือความงามของเธอนั้นอยู่ในระดับท็อปของโรงเรียนแน่นอน
ตลอด 3 ปีต่อจากนี้ในโรงเรียน เธอคงเป็นตัวหลักในหลาย ๆ กิจกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย
“เฮ้ ๆ พชร !”
พอเข้าแถวทำพิธีหน้าเสาร์ธงเสร็จขณะแยกจากแถวสภานักเรียนพลันมีเสียงเรียกจากหัวหน้าห้องอยู่ไม่ไกล พชรเอียงคอมองอีกฝ่ายก็เดินเข้าหาอย่างช่วยไม่ได้
“นี่ ๆ เมื่อวานที่ว่าจะพาไปหากลุ่มต่อต้านคุณเทียร์ร่าน่ะ”
”อา แล้วไง ?“
จำได้ว่าปฏิเสธไปแล้วนี่หว่า คิดได้ไม่ทันไรหัวหน้าก็ผายมือเข้าหากลุ่มเด็กแว่น 5 คน ทรงผมบ็อบ สวมแว่น ใส่ชุดเรียบร้อย มีท่าทางเงียบ ๆ ดูเรียนเก่ง แต่ก็ดูเหมือนพวกต่อต้านสังคม ทั้ง 5 คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าแทบจะเหมือนกันหมดราวกับมาจากครอบครัวเดียวกัน
พชรยิ้มเจื่อนขณะคิดในหัว ‘ดีละที่ปฏิเสธ ถ้าเข้ากลุ่มพวกนี้มีหวังได้สวมแว่นไปด้วยแหง’
”อ้าว นี่เหรอที่ว่าโดนคุณเทียร์ร่าปฏิเสธมา หล่อไม่เบานี่เรา“
”อา อืม“
พอลองมองไปด้านหลังชายในกลุ่มรับมือเทียร์ร่าก็พบชายที่เพิ่งเห็นเมื่อไม่นานมานี้
’นั่นมันไอคนที่โดนปฏิเสธในโรงอาหารนี่หว่า‘
”นี่คือหัวหน้ากลุ่มหาทางรับมือเทียร์ร่า มันชื่อ โน๊ต“
หัวหน้าแนะนำตัวอีกฝ่ายที่เป็นคนเดินออกมาด้านหน้าด้วยความมั่นใจมองพชรอย่างพิจารณา
“โอเค หัวหน้า ฉันว่าเจอสมาชิกคนสุดท้ายที่ต้องการแล้วล่ะ หน้าหล่อ หุ่นดี มีน้ำมีนวล บุคลิกโอเค แถมเมื่อเช้าคุณเทียร์ร่ายังเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนด้วย มีลุ้น ถ้าเป็นหมอนี่จะต้องทำตามแผนของพวกเราที่อุตส่าห์เตรียมการมาตลอด 3 ปีได้แน่”
”ด- เดี๋ยวเดะ คิดเองเออเองไปกันใหญ่แล้ว ฉันยังไม่ได้-“
ยังพูดไม่ทันจบอยู่ ๆ อีกฝ่ายก็ยื่นเงินแบงค์พันมาด้านหน้าทำเอาพชรชะงัก เงิน 1 พันสำหรับเขาที่มาจากครอบครัวฐานะปานกลางนั้นเป็นจำนวนที่มากถ้าเกิดเขารับมันมาคงใช้มันซื้อหนังสือเรียนกับมังงะได้หบายเล่ม แถมดัมเบลที่บ้านของเขาก็เริ่มมีแต่ตัวน้ำหนักเบา เร็ว ๆ นี้เขามีแผนซื้อดัมเบลตัวใหม่พอดี ทว่าถ้าเกิดตอบรับออกไปมันก็จะเสียบุคลิกหนุ่มฮ็อตอะเดะ จะมีหนุ่มฮ็อตมี่สาว ๆ กรี๊ดกร๊าดแทบทุกวันแพ้ให้กับเงินแค่ไม่กี่บาทน่ะเหรอ บ้าน่า ! เป็นไปไม่ได้หรอก !
“เหอะ พวกนายคิดว่าฉันแพ้ให้กับเงินอะนะ ครอบครัวฉันไม่ได้มีเงินน้อยเสียหน่อย อีกอย่างรายละเอียดจะทำไงยังไม่ได้บอกเลยอะนะจะให้เข้าร่วม เลิกเพ้อเจ้อน่า“
“ไม่ต้องห่วงน่า กลุ่มพวกเราถือคติไม่ทำร้ายร่างกาย ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช้อารมณ์ตัดสินใจ เพราะงั้นสบายใจได้”
“เอิ่ม… อะอะ พอสปอยสิ่งที่ต้องทำได้ปะ”
”ก็ง่าย ๆ อย่าง…“
”เอิ่ม ยุคนี้ยังมีพวกบ้าทำเรื่องพวกนี้อยู่อีกเหรอวะ“
พชรเดินออกจากห้องเรียนพลางคิดในหัว เขาลูบคางพลางเหม่อเดินหน้าต่อตามทางเดินในอาคารชั้น 3 เขาเดินเพียงอีกนิดหน่อยก็พบเทียร์ร่ากำลังยืนกอดแขนต่อหน้าผู้ชายคนหนึ่ง
”…รู้นะคะว่านอกจากนี้รุ่นพี่ยังเป็นพวกเสือผู้หญิง จีบผู้หญิงไปทั่วโรงเรียน เมื่อวานได้ยินว่าไปจีบพี่ริน กับพี่เฟิร์นหน้าห้องสภานักเรียนด้วยนี่ คงหวังว่าจะได้ใครสักคนเป็นแฟนล่ะสิท่า อืม… จะว่าไปรุ่นพี่ก็หน้าตาดีอยู่หน่อย ๆ นะ แต่ดูแล้วคงไม่มีปัญญาจีบทีละคนล่ะสิ ไม่มั่นใจล่ะสิว่าจะจีบติดเลยทักไปทั่ว ฮึ ให้เดาคงขาดความอบอุ่นสินะคะ เชื่อว่าถ้ามีผู้หญิงคนไหนตอบคงเอาไปคุยกับเพื่อนแน่- อุ๊ปส์ ฮะฮะ แค่คิดก็ดูน่าสมเพชแล้วอะค่ะ…”
“…”
’ดุโคตร’
แค่ได้ฟังก็กลืนน้ำลาย ไม่รู้เลยว่ารุ่นพี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะรู้สึกยังไง บรรยากาศทางสองเหมือนตอนที่เขาโดนสาวงามเข้าหาไม่มีผิด เพียงแค่เข้าใกล้ก็อึดอัดแล้ว
พชรไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วยจึงพยายามก้าวเท้าให้เงียบที่สุดพยายามเดินผ่านทั้งสองมุ่งหน้าไปบันไดที่อยู่ไม่ห่าง
“อ้ะ จะว่าไปแล้ว พวกผู้ชายนี่คงนิสัยเหมือน ๆ กันหมดแหละมั้งคะ ทั้งใจเสาะ ทั้งไม่มีความมั่นใจ ทั้งไม่มีความรับผิดชอบ ทั้ง … เอิ่ม… น่าจะโง่ด้วยมั้ง ? อะฮะฮะ เหมือนอย่างคน ๆ นึงที่อยู่แถวนี้ด้วย”
’ห้ะ ?’
พชรได้ยินประโยคแดกดันจากอีกฝ่าย เขายิ้มเจื่อนแต่ก็พยายามข่มอารมณ์แล้วเดินผ่านเงียบ ๆ โดยคิดว่าบางทีเธออาจพูดถึงคนอื่น ทั้งที่ไม่ใช่อยู่แล้ว
”ดูสิ ขนาดพูดถึงแล้วยังยอมเดินหนีเงียบ ๆ ไม่ยักเถียง อะฮะฮะ พวกผู้ชายนี่เหมือนกันหมดจริง ๆ“
‘ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉัน’
แม้เป้าหมายอีกฝ่ายดูจะแน่ชัดอยู่แล้วแต่เพราะไม่อยากเอาตัวเข้าไปหาปัญหาจึงเกินผ่านโดยไม่ได้ตอบโต้อะไร ขณะที่ตาก็แอบชำเลืองมองผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามเทียร์ร่า
‘เอิ่ม ดูโกรธสุด ๆ เลยแฮะ- เดี๋ยวนะ’
พอสังเกตดูดี ๆ ก็พบอีกฝ่ายตัวสั่นเทิ้มที่รูปแบบไม่เหมือนสั่นกลัว พชรเคยเป็นนักเลงมาก่อนจึงจำแนกพวกผู้ชายในรูปแบบเดียวกันได้ พอมองที่มือก็พบว่ากำแน่นทั้งสองข้าง
‘เอาเถอะ ถึงจะเป็นนักเลง แต่ก็เป็นถึงรุ่นพี่ในโรงเรียนชื่อดัง คงไม่ทำอะไรโง่ ๆ หรือต่อให้ทำก็ไม่เกี่ยวกับฉัน‘
พชรทำเป็นหูทวนลมเดินผ่านทั้งอย่างนั้นโดยเดินทั้งสองโดยสมบูรณ์
“เอ๊ะ ?”
ตัดสินใจไปแล้วว่าจะเดินผ่าน เดินอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงบันไดลงไปจากชั้น 4 นี้แล้ว ทว่ายังไม่ทันได้คิดทำอะไร มือกับร่างกายของเขาก็ขยับไปเองจนรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่คั่นกลางระหว่างเทียร์ร่ากับรุ่นพี่เสียแล้ว เขามองมือของตนที่จับแขนอีกฝ่ายก่อนยิ้มเจื่อน ๆ แล้วโค้งหัวให้
“เอ่อ สวัสดีครับ”
“อา ชิ มีพวกขี้เสือกจนได้”
รุ่นพี่ขมวดคิ้วจ้องเขาปานจะหาเรื่อง เขาเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนสบัดแขนให้หลุดจากพชรแล้วเดินจากไปทั้งอย่างนั้น แน่นอน ก่อนจากยังไม่ลืมหันกลับมาเขม่นให้อีกรอบ พชรถอนหายใจเล็กน้อยกับท่าทางอันธพาลที่ตนเคยทำเวลาทำอะไรไม่ได้จนต้องถอยอย่างน่าสมเพช
พอหน้าที่ของตนเสร็จก็ไม่คิดจะอยู่ให้เสียเวลา อยู่ไปก็มีแต่จะได้ฟังอะไรปวดสมอง เขาคิดอย่างนั้นขณะหันหลังให้เทียร์ร่า
“นายยื่นมือเข้ามาเอง”
“ครับ ?”
”ก็บอกว่านายยื่นมือเข้ามาเองไง ไม่ได้ขอให้ช่วยสักหน่อย คงหวังว่าจะได้คำขอบคุณแล้วคิดว่าฉันจะใจอ่อนลงล่ะสิท่า”
“…”
‘เปล่าสักหน่อย มือมันไปเองจนไม่ทันคิดต่างหาก’
เขาอยากตอบกลับไป แต่ก็เงียบไว้เพราะพูดไปก็มีแต่จะให้อีกฝ่ายมองว่าแก้ตัว เพราะงั้นจึงทำได้แค่เงียบ
‘ก็อุตส่าห์หยุดฟัง เสียเวลาชะมัด’
“พอช่วยเสร็จก็เดินจากเงียบ ๆ คงคิดว่าตัวเองเป็นตัวเอกในนิยายด้วยล่ะสิ ฮึ พวกผู้ชายเดาออกง่ายจะตาย ฉันไม่ใจอ่อนเหมือนนางเอกในนิยายไร้สาระพวกนั้นหรอกนะ เพราะงั้นเลิกหวังเหมือนผู้ชายใจเสาะเถอะ ถือซะเป็นเป็นคำแนะนำแทนคำขอบคุณจากคนอย่างฉันแล้วกัน”
‘อาาาา คนอะไรน่าหงุดหงิดชะมัด’
”นี่ ที่พูดน่ะ ได้ฟังบ้างไหม ในหัวนี่คิดอะไรมั่งอะ ได้คิดถึงคนอื่นนอกจากตัวเองบ้างไหม ฉันอุตส่าห์ให้คำแนะนำก็พูดคำว่า ขอบคุณ สักคำหน่อยสิ สุภาพบุรุษที่ไหนเขาจะเดินหนีผู้หญิงหลังจากได้คำแนะนำ“
’อา โอเค ตอนแรกก็กลัวอยู่หรอก แต่ตอนนี้เริ่มรำคาญแทนละ‘
พชรหลี่ตาพล่งรำพึงในหัวอย่างหน่ายใจฟังเสียงบ่นแทนคำขอบคุณจากสาวงามไปหลายนาทีทั้งอย่างนั้น