ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 31 อีกด้านที่ไม่เคยเห็น
- Home
- All Mangas
- ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า
- ตอนที่ 31 อีกด้านที่ไม่เคยเห็น
ตอนที่ 31
“ครับ ? ก็คือวันนี้แม่ทำงานล่วงเวลาเหรอครับ ?”
“ครับ เข้าใจครับ ช่วงฝนตกหนักแบบนี้คงเรียกแท็กซี่ไม่ได้อยู่แล้ว”
“อืม… โอเคครับ ไว้ผมรอแม่เลิกงานก่อนก็ได้ครับ”
พชรถอนหายใจแม้รู้ว่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เขาส่ายหัวแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ ขณะหันหน้าออกนอกหน้าต่างมองฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่หยุดภายใต้เมฆใหญ่ก้อนสีดำที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเหมือน บดบังแสงอาทิตย์ทั้งหมดทำให้ทั่วทั้งเมืองมืดครึ้มไปหมด
“อ- อือ พี่ติดธุระสินะคะ ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
ดูเหมือนกะทั่งรินที่อยู่ในห้องเดียวกันก็เหมือนจะไม่มีทางเลือกเช่นเดียวกัน เธอถอนหายใจเดินจากมุมห้องมาหาพชร
ก่อนหน้าชุดที่เธอใส่เป็นเครื่องแบบประจำโรงเรียน มาตอนนี้เธอสวมชุดพละสีฟ้าขาวที่นักเรียนทุกคนมี เธอนั่งลงเก้าอี้ใกล้พชรแล้วเลื่อนเข้าหา
“พชรเองก็กลับไม่ได้เหรอ ?”
“ครับ รุ่นพี่ก็เหมือนกันสินะครับ พอดีว่าได้ยินแว่ว ๆ น่ะ”
“อื้อ ประมาณนั้นแหละ ว่าแต่ตัวเปียกแบบนั้นจะไม่เป็นไข้เอาเหรอ อ้ะ นี่ ! เรามีผ้าเช็ดหน้าอยู่นี่นา เดี๋ยวจะเช็ดหัวให้นะ หันหลังให้เราหน่อยสิ”
“ม- ไม่เป็นไรครับ ผ้านั่นรุ่นพี่เช็ดตัวไปแล้วไม่ใช่เหร-”
“เรามีสองผืน ไม่เป็นไร อันนี้ผืนสำรอง แล้วก็ยังไงก็เถอะ ต่อให้มีผืนเดียวเราก็ปล่อยให้พชรหัวเปียกแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวถ้าเป็นหวัดขึ้นมาแล้วพรุ่งนี้มาห้องสภานักเรียนไม่ได้ล่ะก็ไม่ดีแน่”
“ถ้าว่าถึงขนาดนั้นก็ ขอรบกวนด้วยนะครับ”
เจ้าตัวดูจะยืนกรานในการช่วยรุ่นน้องคนนี้มาก พอพชรตอบรับในทิศทางที่ต้องการก็พยักหน้าหงึก ๆ แล้วพูด “ดีมาก” อย่างอารมณ์ดี
พอพชรหันหลังให้เธอก็ค่อย ๆ เช็ดผมให้พชรเบา ๆ ลูบไล้ไปทั่วทั้งศีรษะด้วยผ้าเช็ดหน้า ไม่รู้หูฝาดไปหรือเปล่า เพราะทั้งเสียงฝน เสียงใบไม้กระทบกันจากลมมันดังอยู่ตลอด จึงไม่มั่นใจว่าเสียง “อือ…” สั้น ๆ นั้นจะเป็นเสียงของสาวงามหรือเปล่า
ตอนแรกก็ไม่มั่นใจ แต่พออีกฝ่ายค่อย ๆ ส่งเสียงฮัมเพลงออกมาระหว่างเช็ดผมก็เริ่มมั่นใจแล้ว
“จะว่าไปแล้วทำไมเธอถึงใช้คำสุภาพกับเราล่ะ พชร“
”ก็… ผมนับถือรุ่นพี่นี่ครับ“
“ร- เหรอ นั่นสินะ แต่ยังไงก็เถอะนะพชร เธอเอาแต่ใช้คำสุภาพแบบนั้นอยู่ตลอดไม่เหนื่อยเหรอ”
“ก็ไม่นะครับ”
ขณะที่ตอบสาวงาม ในหัวก็คิด ‘ทำไมต้องเหนื่อยด้วยล่ะ ?‘ ว่างั้นแน่ะ
ทางฝั่งรินดูเหมือนกำลังหาทางกับหัวข้อนี้ เธอส่งเสียง ’อืม…’ ลากยาวออกมา
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาวงามคนนี้เวลาใช้ความคิดนั้นคล้ายกันกับเทียร์ร่ามาก บางทีอาจเป็นเพราะหลายปัจจัยผนวกกันหลายอย่างจึงเป็นเช่นนั้น อย่างแรกก็สภาพแวดล้อมที่เกิดมา ทั้งรินกับเทียร่ร่าต่างเกิดมาในตระกูลร่ำรวย คงเรียนมารยาทคล้ายกัน ถึงทางฝั่งเทียร์ร่าจะดูร่าเริงไม่สนใจรอบข้างมากกว่าก็เถอะ แต่ยังไงไส้ในของฝั่งนั้นก็เป็นลูกคุณหนู ท่าทางอากับกิริยาทั้งหลายแหล่ของทั้งสองจึงใกล้เคียงกัน
พชรนั่งรอให้สาวงามครุ่นคิดอยู่แบบบนัันระหว่างที่ตนกำลังเปรียบทั้งสองในหัวเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจวิเคราะห์บทสนทนาก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย
ขณะนั้นบรรยากาศรอบข้างครึ้มจากเมฆบนฟ้าและฝนที่ล่วงลงสู่พื้น เพราะเปิดผ้าม่านออกแล้ว แถมยังเปิดไฟสว่างไปทั้งห้อง พอมองออกไปด้านนอกจึงเห็นบรรยากาศด้านนอกได้อย่างชัด มันให้ความรู้สึกเย็นสบายเมื่อมองออกไป แม้ไม่ได้สัมผัสฝนตรง ๆ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความชื้นจากพวกนั้น พชรถอนหายใจเล็ก เพราะแม้จะเย็นสบาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะความเย็นสบายนั้น ทำให้เขาติดแหง็กแยู่ในห้องเรียนสองต่อสองกับสาวงามคนนี้ มันทั้งเป็นข้อดี และข้อเสียใจเวลาเดียวกัน
มันน่าดีใจอยู่ลึก ๆ ที่ได้พูดคุยกับสาวงามคนนี้ แต่ยังไงก็ตาม ไม่รู้เพราะพชรมีความผิดชอบชั่วดีหรืออะไรสักอย่างหรือเปล่า เขารู้สึกผิดแบบแปลก ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ
“อ้ะ รู้แล้ว พชรลองเรียกเราว่ารินเฉย ๆ ดีไหม ?”
ระหว่างถามก็ยับไม่เลิกเช็ดหัวให้พชร เธอยังคงใช้ผ้าเช็ดไปยังจุดต่าง ๆ อยู่เช่นนั้นทั้งที่ควรแห้งตั้งนานแล้ว
“หืม ? ผมว่าไม่ดีมั้งครับ ถ้าเกิดเรียกแบบนั้นแล้วคนรอบข้างได้ยินคงแย่แน่”
“ไม่เป็นไร จะไม่มีใครกล้าทำร้ายพชรแน่ เพราะงั้นสบายใจเหมือนที่เรียกเทียร์ร่าได้เลย !“
”ผมไม่เข้าใจ ทำไมถึงอยากให้ผมพูดเป็นกันเองกับรุ่นพี่นักล่ะครับ“
”อ- อืม นั่นมันก็ เอ่อ ใช่ ๆ ! เพราะว่าเวลาเรียกกันจะได้เรียกง่าย ๆ ไง เธอลองคิดดูสิ ถ้าเกิดเธอพูดสุภาพกับเรา นอกจากจะต้องมีคำว่า ครับ ท้ายประโยคตลอด แถมต้องเรียกว่ารุ่นพี่ที่มีพยางค์มากกว่า ริน ตั้งพยางค์นึง ถ้าเกิดเธอใช้คำเป็นกันเองกับเราล่ะก็ มันจะลดเวลาพูดได้เยอะเลยนะ นอกจากนี้มันยังช่วยลดความอึดอัดของพชรเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองด้วยแน่ะ“
”…“
พชรหลี่ตาลงกับความคิดสุดแสนบรรเจิดของสาวงามที่ยืนอยู่ด้านหลัง การวางน้ำหนักมือของรินไม่คงที่ตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว แถมยิ่งพูดประโยคก่อนหน้ายิ่งหนักกว่าเดิม พชรหัวเราะในลำคอก่อนตอบกลับเจ้าตัว
”แน่ใจเหรอครับ ?“
“แน่ใจสิ เราอยากให้เธอเรียกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว“
”รุ่นพี่อยากเป็นเพื่อนกับผมเหรอครับ ?“
”ใช่ เรารู้สึกว่าพชรน่าสนใจ- ไม่สิ รู้สึกน่าคบหาน่ะ ตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว เธออาจจะไม่รู้สึกนะ แต่เธอมีความเป็นสุภาพบุรุษในตัวมากเลยล่ะ“
”ขนาดนัันเลยเหรอครับ ?“
”ใช่สิ เราคอยสังเกตเธอมาโดยตลอดเลยนะ“
‘ถึงจะไม่ใช่ความรู้สึกนั้นก็เถอะ แต่รู้สึกเหมือนโดนจีบเลยแฮะ‘
พชรหัวเราะในลำคอเมื่อสาวงามตอบกลับในแต่ละประโยคที่แสนน่าอายออกมา เขาพยายามรวบรวมความกล้าในใจโดยพยายามไม่สนใจมือของสาวงามที่ค่อย ๆ เลื่อนลงมาเช็ดท้ายทอยที่เปียกของเขาด้วยแล้ว
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขารู้สึกถึงลมหายใจจากอีกฝ่ายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ทางฝั่งริน แม้อยากให้พชรเรียกชื่อตัวเองแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไร ระหว่างพชรใช้ความคิด ก็จะยืนรออย่างเงียบ ๆ ไม่ได้รบกวนอะไร จนผ่านไปสักพัก พชรก็เริ่มเปิดปาก
“เข้าใจแล้วครับ”
“อื้อ ดีแล้วล่ะ ไหน ถ้าเข้าใจแล้วลองเรียกเราหน่อยสิ”
“ริน…”
“อ- อื้อ… บ-แบบนั้นแหละ ดีมาก แล้วก็ น- ในเมื่อเธอเรียกชื่อเราแล้ว เราขอเรียกเธอว่าเพชรด้วยนะ“
“ไม่มีปัญหา”
พอพชรเรียกเข้าใจจริง ๆ พลันรินใจเต้นตึกตัก แก้มของเธอเปลี่ยนเฉดสีขณะที่ใบหน้าอ่อนโยนค่อย ๆ ผุดรอยยิ้มออกมา เธอพอใจกับผลลัพธ์มากทีเดียวเพราะอยากให้เรียกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่พชรก็รั้นมาโดยตลอดจนรินแอบถอดใจไปตั้งหลายรอบ
ในวันนี้ราวกับโชคชะตาที่ปรากฏตัวมาเป็นเม็ดฝนใหญ่เป็นใจ พอได้ลองรวบรวมความกล้าขอให้พชรเรียกตนแบบนั้นอีกรอบโดยพยายามไม่คาดหวังให้มาก ก็กลายเป็นเพราะความไม่คาดหวังมากนั่นแหละ เมื่อพชรเรียกตนตามอยากเท่านั้น ความดีใจของเธอจึงทวีคูณขึ้นไปมากกว่าปกติเสียอีก
“ว่าแต่ฝนไม่ยอมหยุดเลยเนอะ”
“เราว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
“ห้ะ ? แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเราก็จะไม่ได้กลับบ้านสักทีน่ะสิ”
“นั่นสินะ อะฮะฮะ เราลืมไปเลย ขอโทษ”
ระหว่างพูดคุยก็ดูเหมือนศีรษะพชรจะแห้งหมดแล้ว พอเช็ดทั้งหมดเสร็จสรรพ รินก็พูด ‘เสร็จแล้ว~‘ ก่อนนั่งลงข้างพชรอีกรอบ
”เพชร คือว่าตอนนี้ทางบ้านเราไม่มีใครอยู่บ้าน… คุณพ่อกับคุณแม่ไปต่างประเทศหมดเลย แถมพี่คนขับรถก็บอกต้องไปเฝ้าครอบครัวที่โรงพยาบาลด้วย ถ้าเกิดฝนตกเลย 3 ทุ่มเราคงกลับบ้านไม่ได้ ถ้าเกิดจำเป็นจริง ๆ-”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวบอกแม่ไปส่งได้“
”บ้านเราไกลน่ะสิ แต่ยังไงก็ตาม ไว้ถึง 3 ทุ่มค่อยคิดกันอีกทีก็ได้เนอ- อ- อื้อ !”
อยู่ ๆ เสียงฟ้าผ่าดัง ‘เปรี้ยง’ สนั่นทั้งผืนฟ้าแผดแสงสีเสียงอันน่าหวาดกลัวไปทั่วกลีบเมฆ รินพูดไม่ทันจบก็ตกใจตัวสั่น เธอลุกจากเก้าอี้วิ่งหาที่หลบตามมุมห้องมุดเข้าใต้โต๊ะอย่างน่ารักน่าชัง พชรมองตามก็อดยิ้มไม่ได้ เขาหัวเราะลั่นกับท่าทางที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของเจ้าตัว
“เฮ้ เป็นอะไรล่ะนั่น”
“พ- เพชรก็รีบหลบด้วยกันสิ เดี๋ยวฟ้าจะผ่าเราเอานะ !“
”อะไรล่ะนั่น เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้มันกันสายฟ้าได้ดีหมดแล้วนะ”
“ถ- ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เสียงฟ้าผ่ามันก็น่ากลัวอยู่ดีอะ”
“ขนาดนั้นเชียว”
พชรหัวเราะในลำคอหัวเราะบุคลิกอันสุดแสนน่ารักที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาลุกเดินตามเจ้าตัวไปแล้วย่อตัวลงใกล้ ๆ มองรินที่นั่งขดตัวงอเข่าซุกหน้าลงแล้วมือกุมศีรษะแน่นตรงหน้า
“ตัวสั่นเชียวนะ”
”อ้ะ พ- เพชร ! ข้างนอกมันน่ากลัวนะ ! เข้ามาด้วยกันสิ“
พอเห็นพชรอยู่ตรงหน้าก็จับยื่นมือสั่น ๆ พยายามดึงแขนพชรให้เข้ามาใต้โต๊ะกับตน แต่พชรไม่ได้มีความคิดอะไรแบบนั้นจึงไม่ได้เข้าด้วย
ใต้โต๊ะแคบ ๆ แบบนั้นมีหวังได้เบียดกันตายไปข้างพอดี แถมต่อให้ฟ้าผ่าลงมาจริง ๆ คนฉลาดหลักแหลมอย่างเธอก็น่าจะคิดได้ แต่กลับไม่เสียอย่างนั้น
“ฟ้าจะไม่ผ่าลงมาหรอกนะ”
“ไม่จริง ทั่วโลกมีฟ้าผ่าต่อปีถึง 2 แสนกว่าคนเลยนะ แถมใน 10% นั้นยังเสียชีวิตเลยด้วย !“
”แต่นั่นมันจำนวนคนทั้งโลกเลยนะ เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์มันน้อยกว่า 1% ไปเยอะเลยนะ“
”ต- แต่มันก็มีโอกาสนี่“
”น่าา ไม่เป็นไรหรอก เชื่อเถอะว่าฟ้าจะไม่ผ่าลงมา ฉันจะไม่บอกให้ออกมาหรอกนะ แต่ยังไงก็สบายใจเถอะ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก“
”จ- จริงเหรอ ? ฟ้าจะไม่ผ่าลงมาใช่มั้ย ? จะไม่ผ่าลงใส่เราเหมือนคุณย่าเราใช่มั้ย !?“
”เอ๊ะ ? ห้ะ ?“
พอสาวงามพูดบางอย่างออกมาพลันพชรหยุดชะงัก ทำเอาเขากลืนน้ำลายลงคอมองสาวงามที่จ้องมองเขาด้วยสายตาคาดหวัง หวังว่าคำตอบจะออกมาดี พอเห็นใบหน้านั้นพลันพชรลำบากใจ ดูเหมือนปมฟ้าผ่าจะไม่ได้กระทบกับเธอโดยตรงหรือเกิดขึ้นมาเอง แต่มันเคยเกิดกับครอบครัวของเธอมาแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะมีท่าทีแบบนี้
แต่ยังไงก็เถอะ พอได้เห็นเจ้าตัวนั่งตัวสั่นอยู่แบบนี้พชรก็ทนเห็นไม่ได้อยู่ดี เขายื่นมือให้เจ้าตัวแล้วพูดอย่างอ่อนโยน
“จะไม่ผ่าลงมาแน่นอน เชื่อใจเถอะ”
“จ- จริงนะ ?”
“แน่นอน ถ้าเกิดฟ้าผ่ามาจริง ๆ ล่ะก็ ฉันจะยอมเป็นทาสเธอตลอดชีวิตเลย”
“ถ- ถ้าอย่างนั้นเข้าใจแล้ว”
ดูเหมือนพชรจะมีทักษะโน้มน้าวที่ดีจริง ๆ เขาโน้มน้าวได้กระทั่งสาวงามคนนี้ พอพชรยืนกรานว่าฟ้าจะไม่ผ่าลงมาก็ค่อย ๆ จับมือพชรด้วยมือสั่น ๆ เธอมองหน้าพชรด้วยใบหน้าถอดสีของตัวเองก็พบแววตาอ่อนโยนทำหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอสั่นไหวอย่างแรงแทบหลุดออกมา
“พ- พชรยังคงดูดีเหมือนเมื่อก่อนเลย…”
“ครับ ?”
“อ- อ้ะ ! อะฮะฮะ ยังไงก็ขอบคุณนะ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย…”