ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 30 ใจสั่น
ตอนที่ 30
“โฮ่ ทำอะไรกันอยู่เหรอ ?”
ทั้งสองนั่งกินข้าวกันสองคนที่โรงอาหารโดยมีสายตาสามากมายจับจ้องอยู่ตลอด ความเงียบปกคลุมโต๊ะทั้งสองหลังจากเทียร์ร่าชวนคุยประโยคสุดท้ายเสร็จสรรพจนผ่านไปเกือบ 10 นาทีก็มีเสียงหวานอันคุ้นหูสำหรับทั้งสองดังขึ้นทำเทียร์ร่าขมวดคิ้วย่นขณะที่พชรเลิกคิ้วแปลกใจกับการปรากฏตัวของเจ้าของน้ำเสียงนั้น
“พี่ริน ?”
เทียร์ร่าจำเสียงได้ เธอเอ่ยทักอีกฝ่ายที่ปรากฏตัวพร้อมอาหารในมือ เธอยิ้มพยักหน้าให้เทียร์ร่าแล้วพูด “ใช่ ๆ ว่าแต่ทำอะไรกันอยู่เหรอ ขอนั่งด้วยได้มั้ย ?”
“อือ… เราแค่นั่งกินข้าวค่ะ“
เทียร์ร่าไม่ได้แสดงท่าทางหึงหวงออกมาชัดเจน พอเห็นรินขอนั่งก็ขยับให้อย่างว่าง่ายแล้วถามอีกฝ่ายกลับ
”พี่รินมาหาพวกเรามีอะไรเหรอคะ ? โดยปกติคณะสภานั่งเรียนจะนั่งกินข้าวที่ห้องสภานักเรียนกันไม่ใช่เหรอ“
“ก็… พอดีวันนี้มีธุระกับพชรน่ะ ขอโทษที่มารบกวนนะ”
“อือ… ค่ะ”
เทียร์ร่ายอมรับแต่โดยง่ายพอรินปรากฏตัว เธอหลังเธอขดลงอย่างน่าเอ็นดูขณะที่ใบหน้าปรากฏความไม่สบายออกมาอย่างชัดเจนทำเอารินยกกมือป้องปากหัวเราะแล้วรีบพูดให้อีกฝ่ายสบายใจ
“เราแค่มาคุยธุระกับพชรน่ะ“
“อือ… งั้นเหรอคะ ? อืม เข้าใจแล้วค่ะ”
ว่าแล้วก็นั่งเงียบ ๆ ไม่ปริปาก เธอนั่งปล่อยให้รินเป็นคนพูดคุยกับพชรที่อยู่ตรงข้ามแทนโดยตั้งใจว่าจะไม่ขัดบทสนทนาทั้งสอง
ทางฝั่งของพชรนั่งฟังทั้งสองมาตั้งแต่ก่อนหน้าแล้วแต่ไม่ได้พูดอะไร มาตอนนี้เหมือนรินต้องการบอกอะไรบางอย่าง สายตาของเธอจ้องมองพชรเงียบ ๆ โดยไม่สนใจสายตารอบข้างที่เพ่งหนักยิ่งกว่าเดิม เฉกเช่นเดียวกันกับเทียร์ร่าที่นั่งเขี่ยโต๊ะ เขี่ยจานเล่นโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“พชร เรื่องที่เราคุยกันเมื่อวานน่ะ ไปด้วยกันไหม !?”
แม้สีหน้าจะปกติ แต่น้ำเสียงของรินในตอนนี้ไม่ใช่เลย กับคำถามที่หลุดออกปากไปนั้นเป็นคำถามที่ชี้ให้เห็นถึงสีหน้าของเจ้าตัว สะท้อนถึงความคาดหวังภายในนัยน์ตาสีอำพันอันสวยงาม
เทียร์ร่าสัมผัสอารมณ์อีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เธอขดตัวลงยิ่งกว่าเก่าส่งเสียงออกมาเบา ๆ ‘อือ…‘ อย่างเป็นกังวลแต่ไม่ได้แทรกบทสนทนาใด ๆ
“อืม… หมายถึงเรื่องสภานักเรียนใช่ไหมครับ”
“อื้อ ใช่”
“อืม…”
เรื่องสภานักเรียนที่เป็นข้อเสนอจากรินดูจะเป็นข้อเสนอที่ดีจริง ๆ เพราะตอนนี้การเรียนของเขาในระดับชั้นเดียวกันถือว่านำหน้าไปไกล ที่เรียนด้วยกันในห้องเรียนเป็นได้เพียงการทบทวนเล่น ๆ เท่านั้น เพราะงั้นเวลาของเขาโดยส่วนใหญ่จึงว่างตลอด หากเขาต้องการใช้ชีวิตอนาคตที่มั่นคงบางทีการได้เข้าร่วมสภานักเรียนคณะเดียวกันกับรินดูจะเป็นเรื่องที่ดีในการเขียนโปรไฟล์แนะนำตัวในอนาคต
การตอบรับข้อเสนอของรินนั้นมีข้อดีโดยส่วนใหญ่ แน่นอนข้อเสียก็มีก็คือกิจกรรมบางอย่างอาจต้องใช้เวลานอกเหนือการเรียนที่อาจส่งผลกระทบต่อการอ่านหนังสือตอนเย็นด้วย
“เมื่อคืนผมไปคิดมาประมาณนึงแล้ว…”
พชรยังไม่ทันได้ตอบสาวงาม ก็พบนัยน์ตาเจ้าตัวทอประกายภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบแบบกุลสตรีนั้น เขาหัวเราะเล็กน้อยกับบุคลิกรุ่นพี่ ก่อนตอบกลับเจ้าตัวที่พยักหน้าหงึก ๆ ส่งเสียง ‘อืม ๆ’ รอคำตอบ
“ถ้ารุ่นพี่ไม่มีปัญหา-“
“ไม่มี ! ไม่มีปัญหาอะไรเลยล่ะ ถ้าเกิดพชรอยากมาเข้าร่วมกับเราก็บอกมาได้เลยนะ !”
ท้ายที่สุดก็ไม่อาจต้านทานความร่าเริงของรุ่นพี่ที่นั่งตรงข้ามได้ พอได้มองริน กับเทียร์ร่าสลับกันก็อดนึกไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า เพราะหลายอย่างเหมือนกันเสียเหลือเกิน บางทีส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนัยน์ตาทั้งสองมีแววตาคล้ายกัน เวลาสบตาด้วยจึงคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ทำให้ท้ายที่สุดก็ไม่อาจปฏิเสธอะไรได้เลย เขาตอบรับเธอกลับไปแบบนั้นสั้น ๆ ทำเอาเธอยิ้มออกมาอย่างร่าเริงพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนโค้งหัวลุกขึ้นจากโต๊ะโดยกล่าวทิ้งท้ายสั้น ๆ ”ถ้างั้นเดี๋ยวขอไปเขียนชื่อเธอลงกระดาษรายชื่อก่อนนะ !“ เธอว่าแบบนั้นขณะถือจานอาหารที่ตักกินเพียงไมีกี่ช้อนกลับไปคืนร้านก่อนวิ่งหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็วทำเอาพชรหัวเราะแห้ง
เขามองตามรินจนสุดสายตา ไม่นานก็กลับมามองเทียร์ร่าที่นั่งเขี่ยนิ้วตรงข้ามด้วยสายตาเป็นกังวลแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่ส่งเสียง “อือ…” ออกมา
“เป็นไรล่ะนั่น”
“อยากเป็นสภานักเรียนกับเพชชี่อะ แต่ อือ… อาจารย์ดันห้ามไม่ให้เข้าร่วมด้วยเพราะคะแนนเสียงจะล้นโรงเรียนอะ ไม่ยุติธรรมเลย ทั้งที่พี่รินก็มีชื่อเสียงเหมือนกัน แต่ดันสมัครได้ ถึงจะสมัครตั้งแต่ผู้ติดตามยังน้อยก็เถอะ แต่ตอนนี้พี่เค้าก็มีผู้ติดตามเป็นล้านเลยนะ”
“หืม ? เธอเป็นไม่ได้เหรอ”
“อื้อ ทั้งคุณพ่อ ทั้งคณะอาจารย์เค้าขอไว้น่ะ แถมคุณพ่อก็บอกไม่อยากให้เป็นเพราะอาจกระทบการงานด้วยก็เลยเป็นไม่ได้ เศร้าจัง บางทีถ้าเกิดเป็นสภาด้วยกันกับเพชชี่อาจจะได้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้ก็ได้”
บทสนทนามันจบทั้งอย่างนั้นก่อนที่ออดหมดเวลาพักจะดังหลังจากนั้น
ทั้งพชรกับเทียร์ร่าต่างเดินขึ้นอาคารเรียนพร้อมกันจนพอมาถึงชั้นเรียนของตัวเองก็แยกกันคนละห้อง เทียร์ร่าโบกมือทักทายอย่างร่าเริงก่อนจาก เธอพูดทิ้งท้ายปล่อยพลังบวกออกมาอย่างน่าเอ็นดู
”เรียนวันนี้ เพชชี่ก็สู้ ๆ นะคะ !“
เธอว่าอย่างนั้นก่อนเดินจากไปอย่างร่าเริงพร้อมเสียงฮัมเพลงสุดแสนจะไพเราะ พชรมองตามหลังสาวงามพร้อมผุดรอยยิ้มอย่างเอ็นดู เขาส่ายหัวก่อนเดินเข้าห้องเรียนพร้อมสายตามากมายที่จับจ้องทำเอาเขาส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ
ทั้งที่เป็นแค่ความสัมพันธ์ของคนสอง แต่ทำไมคนรอบข้างต้องให้ความสนใจขนาดนั้น พชรเพียงแค่ก้าวเท้าเข้าห้อง เพื่อน ๆ ต่างกรูเข้าหา ถามหาวิธีเข้าหาคนดังบ้างแหละ ถามถึงจุดเริ่มต้นบ้างแหละ บางทีก็ถามถึงขั้นทั้งสองได้จูบกันหรือยัง ทำเอาพชรรับมือไม่ถูก เขายิ้มเจื่อนขณะเดินผ่านเพื่อน ๆ ไปนั่งโต๊ะตัวเอง
พอนั่งลงเพียงไม่นานยังไม่วาย สาวงามผมสั้นข้าง ๆ ก็ส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริงต่อ
ทำเอาพชรปวดหัวยิ่งกว่าเดิม ทำให้นอกจากจะต้องตอบคำถามอาจารย์หน้าห้องในบางข้อ ยังต้องมาตอบคำถามสาวงามข้าง ๆ อีก ยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่ ทำเอา 3 คาบเรียนที่เหลือเขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการคิดหาคำตอบเพื่อตอบคำถามเพื่อน ๆ ในห้องที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด
”อืม… ถามจริง ฝนตกทั้งที่ก่อนหน้าฟ้าสว่างอะนะ“
”หืม ? จริงด้วย“
พอเรียนจบคาบเรียนสุดท้าย หลังอาจารย์ออกจากห้องเรียนไปเพียงไม่กี่นาที พลันฟ้าสว่างกลายเป็นมืดครึ้มก่อนที่ฝนจะตกลงมายังพื้นแผดเสียงฝนกระทบผืนดินน่าฟัง ส่งกลิ่นละมุนชวนให้รู้สึกดีพร้อมทั้งบรรยากาศชื้นจนตัวแฉะ
”ถ้างั้นพชร เจอกันพรุ่งนี้นะ !“
“ด- เดี๋ยว…”
พชรยังไม่ทันได้รั้งไอซ์ที่เดินจากไป เจ้าตัวก็ชิงวิ่งหายไปก่อน ทำเอาพชรหมดหนทางไปต่อเพราะร่มในมือไม่มีสักคัน เขาถอนหายใจขณะหาทางออก ระหว่างนั้นก็เดินลงชั้นล่างอาคารด้วยมือที่ยังไม่มีร่ม
ขณะนั้นเขายังไม่ทันเดินได้นานนัก พลันเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบหยิบมือถือขึ้นมาโดยหวังว่าปลายทางนั้นจะเป็นเทียร์ร่า
“หืม ? เทียร์ร่า…”
ปลายทางนั้นเป็นเทียร์ร่าจริง ๆ
“เพชชี่ เพชชี่มีร่มไหมคะ ?“
“ไม่มี…”
“ทำไมฟ้าฝนไม่เป็นใจแบบนี้อะ เพชชี่ คือว่าถ้าเกิดไม่ติดใจ ตอนนี้ฉันอยู่นอกโรงเรียนกำลังถ่ายงานโปรโมทโรงเรียนแน่ะ อีกประมาณชั่วโมงนึงจะบอกพี่พลอยกลับไปรับนะคะ“
เธอทิ้งข้อความนั้นเป็นข้อความสุดท้ายโดยที่พชรตอบกลับเจ้าตัวไปด้วยความเกรงใจตามแบบฉบับลูกผู้ชาย
”ขอบคุณนะ แต่ร้านค้าอยู่ไม่ไกลเดี๋ยวซื้อร่มกลับก่อนก็ได้“
แค่นั้น สาวงามก็ไม่ตอบอะไรกลับแล้ว ทำเอาพชรถอนหายใจนั่งลงม้านั่งริมทางอย่างหน่ายใจ ใครมันจะไปนึกว่าฝนจะมาตกเอาช่วงฤดูร้อนแบบนี้ ถึงบรรยากาศประเทศไทยจะคาดเดาไม่ได้อยู่แล้วก็เถอะ แต่เล่นตกหลงฤดูแบบนี้ใครมันจะไปตามทัน
พชรนั่งม้านั่งอยู่แบบนั้นโดยภาวนาให้ฝนหยุดตกเร็ว ๆ ทว่าเขายังพูดไม่ทันจบ “ขอล่ะ ช่วยหยุดทีเถอะ พระเจ้า แบบนี้ผมกลั-” แค่นั้น จากที่ฟ้าแค่มืดปล่อยน้ำฝนลงมากลับกลายเป็นว่ามีเสียงฟ้าร้องดังลั่นพร้อมทั้งลมปลิวว่อนอย่างแรงทำเอาต้นไม้แผดเสียงใบไม้กระทบกันดังลั่นเล่นซะใบไม้หมดแรงเกาะกิ่งปลิวว่อนไปทั่วโรงเรียน พชรถอนหายใจระหว่างวิ่งข้ามถนนกลับเข้าห้องเรียนชั้นล่างสุดของอาคารเรียน
“เฮ้อ ฝนอะไรตกแรงขนาดนี้เนี่ย แค่ตากไม่กี่วิก็เปียกซะละ”
“หืม ? อะไรน่ะ เสียงแบบนี้มัน ? พชรเหรอ ?”
“ห้ะ ? มีคนอยู่เหรอครับ อ่า ขอโทษนะครับ คือว่าฝนด้านนอกมันตกแรง เพราะงั้นขออยู่ด้วยคนนะครับ”
ก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะทั่วทั้งห้องเรียนบัดนี้ได้เป็นห้องปิด หน้าต่างทุกบานปิดเฉกเช่นเดียวกันกับประตู บรรยากาศคลึ้ม ๆ แบบนี้กับการปิดรูรับแสงทุกอย่าง เป็นปกติที่ทั้งห้องจะมืดแบบนี้ ทว่าที่น่าแปลกใจทำไมคนอยู่ในห้องไม่เปิดไฟ พชรเอียงคอแปลกใจอยู่แบบนั้นจนมีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายที่อยู่มุมห้องที่มีความมืดบดบังพชรกำลังเลื่อนมือเปิดไฟ แต่เพราะเสียงดูลนลานจากอีกฝ่ายนั้นทำมือพชรหยุดชะงัก
“พชร ? นั่นพชรใช่ไหม ย- อย่าเพิ่งเปิดไฟนะ !”
“ห- ห้ะ ? แต่ห้องมันมืดนะครับ- เดี๋ยวนะ เสียงแบบนี้มัน รุ่นพี่เหรอ ? ทำไมมาอยู่ในห้องมืด ๆ แบบนี้ได้ล่ะครับ”
“ค- คือว่าชุดมันมันเปียกฝน…“
”ห้ะ ? เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่ารุ่นพี่…“
”ก- ก็ ทางทางไปห้องน้ำมันต้องเดินผ่านคนเยอะ แถมเสื้อเราก็บางด้วย ถ้าเราเดินด้วยเสื้อนักเรียนแนบหนังบาง ๆ แบบนั้นพอดีชื่อเสียงของเราได้…“
”อ- อืม ครับ ถ- ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมออกไปเฝ้าหน้าประตูให้นะครับ“
“ไม่- ไม่เป็นไร แค่ล็อกห้องให้เราก็พอแล้ว ข้างนอกฝนมันสาดแรงใช่ไหมล่ะพชรถึงได้เข้ามา แถมในห้องตอนนี้ก็มืดอยู่ด้วย พ- พชรแค่ล็อกห้องให้เราก็พอแล้วล่ะ”
“ห้ะ ? รุ่นพี่จะเปลี่ยนชุดทั้งที่มีผู้ชายอยู่ในห้องอะนะครับ ?”
“ก- ก็มันไม่มีทางเลือก… นอกจากนี้ ถ- ถ้าเป็นพชรน่ะ ไม่เป็นไรหรอก…”
“ครับ ?“
อีกฝ่ายดูจะพูดอะไรน่าอายออกมา แม้จะพยายามตีความไปในด้านดี ๆ อย่างไว้ใจพชรมาก แต่มันก็อดตีทางไปอีกฟากไม่ได้อยู่ดี พชรจึงรีบปัดความคิดอกุศลพวกนั้นออกจากหัวแล้วหันหลังให้ทิศทางเสียงของเจ้าตัวแม้จะมองก็ไม่เห็นอยู่แล้วก็เถอะ เขาพูด
”ถ- ถ้าอย่างนั้นผมหันหลังให้แล้วนะครับ พี่เปลี่ยนได้เลย”
“อื้อ”
พอพชรพูดจบ พลันทั่วทั้งห้องเงียบ ไร้ซึ่งเสียงฝน ทั้งเสียงฝนด้านนอกโหมกระหน่ำลงมาไม่หยุด พชรหัวใจเต้นตึกตักจนได้ยินชัด สาวงามที่อยู่อีกฝั่งเริ่มเปลี่ยนชุดแล้ว เสียงเสื้อผ้าตอนเปลี่ยนที่ควรไม่ได้ยิน กลับได้ยินชัดเจนทั้งที่เป็นห้องเรียนกว้าง แถมเมื่อสาวงามรูดซิปกระโปรงอย่างช้า ๆ ราวกับกลัวได้ยินนั้นส่งเสียงแล่นเข้าโสตประสาททำเอาพชรใจสั่นยิ่งกว่าเดิม เขาพยายามห้ามสัญชาตญาณชายหนุ่มวัยเจริญพันธุ์ขั้นสุดจนเวลาผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงสวรรค์
”ร- เราเปลี่ยนเสร็จแล้ว เปิดไฟได้เลย“
’ในที่สุด’
การเปลี่ยนขุดของรินนั้นรวดเร็วไม่กี่วินาที แต่เพราะในห้องมีกันสองคนแถมมีเสียงรบกวนจากการเปลี่ยนชุดของเขางามดังอยู่ตลอดจิตใจจึงจดจ่ออยู่แค่กลับเสียงนั้นทำเอาลืมนึกถึงวันเวลาชั่วขณะ
พอสาวงามเปลี่ยนชุดเสร็จก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาสูดหายใจใจเข้าลึก ๆ แล้วพูด
“ถ้างั้นผมเปิดไฟแล้วนะครับ”
”อื้อ“