ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 3 คอนเทนต์
ตอนที่ 3
“เฮ้อ สุดท้ายก็ไม่กล้าตอบ ผู้หญิงคนนั้นจะน่ากลัวเกินไปแล้ว !“
บทสนทนาของทั้งสองจบลงทั้งอย่างนั้นโดยที่พชรไม่อาจตอบคำถามเทียร์ร่าได้เลยแม้แต่คำถามเดียว แรงกดดันมหาศาลที่ถูกส่งออกมาทำเอาอดีตนักเลงอย่างพชรตัวสั่นเทิ้มไม่กล้าขยับตัวแม้สักนิด ในตอนนั้นเขาทำได้เพียงกลืนน้ำลายลงคอแล้วก้มหน้าเงียบไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ จนได้ยินเสียงถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ
ทว่าก่อนเจ้าตัวจากก็ยังอุตส่าห์ทิ้งประโยคสุดท้ายให้หนุ่มหล่อของใครหลาย ๆ คนกำลังใจหดหาย
”สุดท้ายก็เป็นแค่พวกผู้ชายขี้ขลาดสินะ“
อย่างไรก็ตาม แม้เป็นคำพูดทิ่มแทงก่อนจาก พชรกลับดีใจสุดขีด เพราะประโยคดังกล่าวเป็นประโยคสุดท้ายแล้ว พอเทียร์ร่าหายจากสายตา เจ้าตัวพลันรีบลุกจากม้านั่งนั่นโดยพลัน
ประสบการณ์ครั้งนี้ทำเอาความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายลดลงจนน่าเป็นห่วง
”อ้าว รุณหวัด เป็นไงมั่งเมื่อวาน”
พอข้ามมาเช้าวันถัดมา พชรเดินเข้าโรงเรียนด้วยใบหน้าปั้นยิ้ม เช้าวันนี้รอบข้างยังเหมือนเคย เขายังป๊อปปูล่าเหมือนเดิม สาว ๆ ยังคงทักทายกรี๊ดกร๊าดกันตามปกติ พชรอารมณ์ดีทันทีพอก้าวเข้าเขตโรงเรียน
“อา น่าจะสบายแหละมั้ง ?”
“ห้ะ ? นี่นายฟื้นตัวแล้วเหรอวะ เร็วชะมัด”
หัวหน้าเข้าทักทายพชรแต่เช้า เขากอดคอพชรอย่างสนิทสนมราวกับรู้จักกันมานานทั้งที่จริง ๆ รู้จักได้เพียงไม่ถึงวันเมื่อนับรวมรายชั่วโมง
“ฟื้นตัว ? เรื่อง ?”
“เอ๊ะ ก็เรื่องเมื่อวานไง เขาลือกันให้ควักว่านายคนคุณเทียร์ร่าเข้าเล่นงานจนหัวหดแหน่ะ”
“อ- อืม ห้ะ ? เดี๋ยวเดะ นี่เค้าลือกันจนรู้ไปทั่วแล้วเรอะ !”
“เสียงดังชะมัด แต่ถึงจะเป็นงั้นก็ไม่ต้องห่วงหรอก คุณเทียร์ร่าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น จนไม่มีใครถือสาแล้วล่ะ เธอเย็นชา ปากหมาไม่แดรก ทำร้ายจิตใจชายหนุ่มไปทั่วมาตั้งแต่เมื่อก่อน จนมีกลุ่มพวกผู้ชายที่เคยโดนปฏิเสธตั้งก๊วนขึ้นมาเพื่อทำอะไรสักอย่างกับเธอแน่ะ ว่ะฮะฮะ แค่คิดก็ตลกแล้วล่ะ แค่เรื่องไร้สาระพวกนี้ เจ้าพวกนั้นดันทำให้กลายเป็นเรื่องจริงจังไปได้“
หัวหน้าหัวเราะพลางตบไหล่พชรขณะเล่าเรื่องน่าสนใจขึ้นมาทำเอาพชรแอบให้ความสนใจจนเผลอหลุดปากถาม
”ก๊วนอะไรวะ คงไม่ใช่ก๊วนอันตรายใช่ไหม ?”
“เอิ่ม ไม่ล่ะ เป็นก๊วนของพวกปัญญาอ่อนน่ะ อยากรู้จักไหมล่ะ เดะพาไปหาเจ้าตัวบ้านั่น”
พชรสัมผัสได้ถึงความคาดหวังจากอีกฝ่ายอยู่ราง ๆ แม้ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มเป็นมิตรเหมือนไม่คิดอะไร แต่ในใจคงคิดย้ำ ๆ ว่าตอบรับสิ ตอบรับสิ แหง ๆ พชรยิ้มเจื่อน
“ไม่ล่ะ โทษที พอดีแค่เรียนก็ปวดจะแย่แล้ว”
“เอิ่ม น่าเสียดา- ไม่สิ เอางั้นแหละดีแล้ว เจ้าพวกสุภาพบุรุษอย่างนายคงไม่อยากทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ หรอก แต่อย่าลืมนะว่ายังเหลืออีก 6 วัน รวมวันนี้ด้วยน่ะ”
’เดี๋ยวนะ จะพูดว่าน่าเสียดายเหรอนั่น’
”ห้ะ ?“
”ก็ตามที่เราตกลงกันไม่ใช่เหรอ นายก็เข้าร่วมแล้วนี่ หรือจะยกเลิกกลางคัน ถ้าทำแบบนั้นฉันขอค่าข้าวกลางวันคืนนะเว้ย”
“ใจร้ายชะมัด”
“ของงี้ก็ต้องมีไรแลกเปลี่ยนสหาย เอาเถอะ ดูเหมือนวันนี้นายต้องไปร่วมกับกลุ่มสภาเชิ่ดธงหน้าเสาธงด้วยใช่ไหม ถ้างั้นรีบไปเตรียมตัวเถอะ ให้พวกรุ่นพี่รอเดี๋ยวจะโดนเขม่นเอา”
หัวหน้าห้องเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินนำแล้วโบกมืออีกข้างให้ก่อนจาก พชรมองภาพด้านหน้าก็ยิ้มเจื่อน
“นี่กะจะเอาเท่ชะ ? เดี๋ยวนะ นี่หมอนั่นรู้ไปถึงเรื่องที่วันนี้ฉันต้องไปหน้าเสาธงด้วยเหรอ จำไม่ผิดเรื่องนี้อาจารย์บอกให้ปิดเป็นความลับเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องนี่”
พชรมองตามสหายของตนที่เดินจากไปเรื่อย ๆ เขาเผลอหลุดยิ้มก่อนส่ายหัว
“ดูเหมือนคอนเทนต์ในโรงเรียนใหม่จะหนาไม่เบาสินะ ตัวนี้คงเป็นตัวคอนเทนต์แหง”
เขาหัวเราะในลำคอก่อนเดินตรงไปยังจุดมุ่งหมาย
“เดี๋ยวนะคะรุ่นพี่ ที่บอกว่าฉันต้องเชิ่ดธงคู่กับหมอนี่หมายความว่าไงเหรอคะ“
“เอ่อ เดี๋ยวนะ”
พอเข้ามาในก็ได้ยินเสียงโวยวายจากสาวงาม เธอชี้นิ้วมาฝั่งประตูราวกับรู้ว่าเขาจะมาถูกจังหวะ พชรมองรอบไม่เข้าใจสถานการณ์พยายามมองหาใครสักคนที่สามารถอธิบายเพิ่มได้แต่ก็น่าเสียดายที่ด้านหน้ามีเพียงรุ่นพี่สาว กับเทียร์ร่าที่กำลังคุยกันอยู่ขณะที่คนอื่น ๆ เตรียมตัวทำกิจกรรมหน้าเสาธงกันจ้าละหวั่น
“โทษทีนะเทียร์ร่า พอดีว่าทางสภานักเรียนของพวกเราตอนนี้คนเชิ่ดเสาธงไม่อยู่เลยต้องวานทั้งคู่มาแทนสัปดาห์นึง”
“ส- สัปดาห์นึงเลยเหรอคะ แบบนั้นมัน…”
”ขอโทษนะ พอดีคนอื่น ๆ มีหน้าที่ของตัวเองกันหมดแล้ว จริง ๆ พวกเราไม่อยากวาน ม.4 เลย แต่มันช่วยไม่ได้จริง ๆ รบกวนด้วยนะ“
”คนอื่นมีหน้าที่หมดเลยเหรอคะ ถ- ถ้างั้นเดี๋ยวฉันทำแทนใครสักคนก็ได้ค่ะ เพราะงั้น…“
”ขอโทษนะ ตอนนี้ไม่ได้หรอก อีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าแถวแล้ว สำหรับวันนี้ช่วยก่อนหน่อยได้ไหม ถ้าเปลี่ยนตอนนี้พี่กังวลว่าจะทำให้หลาย ๆ อย่างที่เตรียมไว้ติดขัด แถมยังไม่รู้เลยว่าถ้าเทียร์ร่าเข้าไปแทรกงานแล้วพวกเขาจะพอใจหรือเปล่า เพราะงั้นขอร้องล่ะนะ ไม่ใช่ในฐานะประธาน แต่เป็นฐานะเพื่อนด้วยกันเนี่ยแหละ”
“เอิ่ม บรรยากาศแบบนี้อีกแล้วเหร-”
‘อ้ะ- จ้องมาอีกแล้ว ปลีกตัวอยู่เงียบ ๆ ดีกว-’
“อ้าว พชร มาถึงพอดีเลย นี่เทียร์ร่านะ รู้จักกันมาก่อนแล้วใช่ไหม มานี่สิ ๆ”
“อา อืม ครับ“
ประธานนักเรียนที่กำลังคุยกับเทียร์ร่าพอสัมผัสถึงพชรได้ก็กวักมือเรียกอย่างสนิทสนม พชรยิ้มเจื่อนแต่ก็ปฏิเสธอีกฝ่ายที่เป็นถึงประธานนักเรียนไม่ได้ เขายอมไปหาประธานโดยดีแต่ก็ไม่ลืมเว้นระยะห่างจากสาวงาม
”นี่ เทียร์ร่า คนนี้ชื่อพชรนะ ทำความรู้จักกันไว้ด้วยนะ“
ประธานนักเรียนยิ้มแย้มแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันโดยไม่ได้มองสายตาเทียร์ร่าที่กำลังทิ่มแทงอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนข่าวลือต่าง ๆ นานาจะเข้าไม่ถึงประธานคนนี้สินะ ทั้งที่เป็นถึงประธานกลับไม่รู้สถานการณ์ของนักเรียนอะนะ ? พชรถอนหายใจ
”ถอนหายใจอะไร“
”อ- โทษที“
”โอ๊ะ ทั้งคู่รู้จักกันมาแล้วสิน้าา ถ้างั้นแบบนี้ก็คุยง่ายเลย อีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าแถวกันแล้ว เดี๋ยวจะให้คุยกันนะว่าจะเอายังไง“
“ด- เดี๋ยวสิครับ รุ่นพี่ เดี๋ยวก่อน“
รินยิ้มแย้มมองทั้งสองพูดโดยไม่อ่านบรรยากาศด้วยน้ำเสียงอบอุ่นน่าฟังที่ไม่น่าฟังเลยสำหรับพชร เขาพยายามพูดอะไรกลับไปทว่าอีกฝ่ายไม่ฟังแล้ว
รินลากทั้งสองเข้าไปยังห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ สำหรับประชุมกันไม่กี่คน เธอพาทั้งสองเข้ามาด้านในก่อนโบกมือให้แล้วปิดประตูเงียบ ๆ ปล่อยบรรยากาศห้องเกิดความเงียบปกคลุม
พชรยืนตัวแข็งขณะที่เทียร์ร่าตัดสินใจนั่งโซฟากลางห้องแล้วรินน้ำดื่มเองขณะที่ฝ่ายชายกลายเป็นพวกขี้กลัวไปโดยปริยาย
“อืม…“
พชรยืนนิ่งทั้งอย่างนั้น ไปหมดแล้วความเป็นสุภาพบุรุษ เวลาอยู่สองต่อสองนี่กดดันเป็นพิเศษ พชรรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากอีกฝ่ายที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ดี
ไม่อาจรู้ว่าถ้าเปลี่ยนจากเขาเป็นคนอื่น พวกนั้นจะดีใจหรือเปล่า แต่สำหรับพชรตอนนี้คงไม่ สายตาที่สาวงามมองเขาคือสายตาของศัตรู การพบกันครั้งแรกที่สุดแสนจะไม่ประทับใจของทั้งสองยังคงติดอยู่ในใจสาวงาม
’แต่วันนั้นเรา อ้ะ หาข้ออ้างเสียได้ ที่ต้องทำตอนนี้คือทำอะไรสักอย่างไม่ใช่เหรอวะ‘
พชรตบหน้าตัวเองเสียงดังราวกับนึกอะไรบางอย่างได้จนสาวงามผู้ไม่รู้สถานการณ์ของอีกฝ่ายขมวดคิ้วย่น
‘ทำไร’
เธอแทบอยากถามออกไป แต่ไม่อยากเสวนากับผู้เป็นปรปักษ์จึงเงียบไว้ขณะหยิบหนังสือจากกระเป๋าขึ้นมาอ่าน
“จะอ่านหนังสือเหรอ ? อ้ะ เรื่องนั้นฉันอ่านจบแล้ว“
”อาห้ะ ?”
สาวงามตอบสั้น ๆ ขณะสีหน้าแสดงออกชัดเจนจนไม่ต้องพูดคำว่า ’แล้วไง ?’ ออกมา
’นี่พูดอะไรออกไปวะเนี่ย ! อ้าา จะบ้าตาย นี่เรากำลังทำตัวเป็นพวกขี้ป๊อดเสียเองเหรอเนี่ย’
พชรไม่ได้ตอบอีกฝ่ายแต่โหยหวนในใจ ในห้องแคบยังคงเงียบกริบเช่นเคย สถานการณ์ของทั้งสองโคตรย่ำแย่ พชรยืนอยู่ข้างประตู ขณะที่เทียร์ร่านั่งอ่านหนังสือเรียบเงียบ ๆ พชรสัมได้ถึงอุณหภูมิของห้องที่ค่อย ๆ ลดลง เขารู้สึกหนาวแปลก ๆ ทั้งที่เป็นหน้าร้อน แถมแอร์ยังเปิดแค่ 27 องศา
“เฮ้อ พวกผู้ชายก็คงเหมือนกันแบบนี้ทุกคน“
“ม- หมายความว่าไง !?”
“ก็หมายความว่าพวกนายมันขี้ขลาดไง“
”อ- อึก…“
”เฮ้อ โอเค“
บรรยากาศไม่ดูดีขึ้นเลยสักนิด เหมือนจะมีความกล้า แต่ก็ไม่ เป็นอีกครั้งที่พชรเงียบปล่อยให้อีกฝ่ายพูดตามใจ เขายืนทำใจเงียบ ๆ ทั้งอย่างนั้นพยายามสลัดความคิดต่าง ๆ ออกจากหัวรอเวลาได้ออกไปจากห้องแคบ ๆ นี่
’คนมองเยอะจังแฮะ‘
ผ่านไปไม่กี่นาทีในที่สุดความทรมานก็จบลง การเข้าแถวเคารพธงชาติเริ่มต้นขึ้น กลุ่มสภานักเรียนที่มีหน้าที่จัดกิจกรรมหน้าเสาร์ธงต่างออกไปเตรียมตัว พชรก็ออกมาด้านนอกพร้อมกับเทียร์ร่า สายตารอบข้างนับพันจับจ้องทั้งสองหนุ่มสาวเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม น่าแปลกที่พชรไม่ได้รู้สึกกดดันใด ๆ กับสายตามากมายพวกนี้ ถ้าให้เลือกระหว่างอยู่ท่ามกลางสายตานับพันที่จับจ้อง กับอยู่สองต่อสองกับเทียร์ร่า พชรคงไม่ลังเลใด ๆ เขาคงเลือกอย่างแรกโดยไม่ต้องตั้งคำถามใด ๆ เลย
ขบวนสภานักเรียนถูกแบ่งเป็นสองแถวแยกกันคนละฝั่งแบ่งชายหญิงเรียงตามคนสูงให้ดูเป็นระเบียบ พชรกับเทียร์ร่าถูกจัดให้อยู่ตรงกลางระหว่างสองแถว พอพิธีหน้าเสาธงเริ่ม ทั้งสองก็ค่อย ๆ เดินตามรุ่นพี่อย่างชำนาญ พชรเตรียมพร้อมเรื่องพวกนี้ ศึกษาตามนิยายกับมังงะมามากมายจึงรับมือได้ไม่ยาก
ดูเหมือนเทียร์ร่าเองก็เช่นเดียวกัน เพราะด้วยความโด่งดังระดับประเทศบวกกับเคยแสดงหนังมาก่อนจึงรับมือกับเรื่องพวกได้ไม่ยาก
พอกลุ่มขบวนขึ้นถึงหน้าเสาธงก็ถึงเวลาที่ทั้งคู่ต้องเดินขึ้นบันไดยกระดับขึ้นชักธง ทว่าปัญหาพลันเกิดขึ้นกลางคัน เรื่องความมั่นใจทั้งสองไม่เป็นสองรองใครแน่นอน ทว่า
‘ธงมันชักยังไงหว่า’
’เราต้องช่วยดึงธง หรือว่าต้องทำไงนะ อือ… แย่แล้ว’