ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 20 เที่ยว
ตอนที่ 20
“นี่ ๆ เพชชี่ เพชชี่อยากดูหนังเรื่องอะไรเป็นพิเศษไหมคะ ?”
พอกินอาหารเช้าเสร็จ เทียร์ร่าก็ถือวิสาสะหยิบเก้าอี้ของตนมาฝั่งเดียวกันกับพชรแต่ยังคงเว้นระยะห่าง
เธอยื่นมือถือให้พชรที่ยังคงมีท่าทีระมัดระวังกับเธออยู่
“อือ…“
ระหว่างที่รอพชร เธอก็นั่งนิ่ง ๆ มองหน้าพชรแล้ววิเคราะห์อีกฝ่ายเงียบ ๆ ตามที่ถนัด เธอยังคงคอยสังเกตพชรแล้ววิเคราะห์ภายในหัวตามเดิมอย่างที่เคยทำ เพื่อนำไปอ้างอิงในอนาคต
”อะไร ?“
”อือ… ไม่รู้อะ แค่… ไม่สิ ไม่มีอะไรค่ะ”
“โอเค”
พอจบบทสนทนา พชรก็ดูมือถือของเทียร์ร่าที่เจ้าตัวมอบให้ เขาเลื่อนดูหนังในรอบ 10 โมงเช้าซึ่งมีไม่กี่เรื่อง มีเรื่องที่เป็นกระแสกำลังเป็นที่รู้จักอยู่ เขามองดูหนังที่ชื่อ วิธีหาเงินล้านก่อนที่ยายสมศรีจะตาย ซึ่งเป็นหนังไทยที่กำลังฮ็อตฮิตในปัจจุบัน โด่งดังไปในต่างประเทศที่ซึ่งเรื่องนี้เทียร์ร่าไม่ได้ร่วมแสดงด้วย
ในระหว่างพชรเลื่อนดูหนังในมือถือ เทียร์ร่าก็จะนั่งข้าง ๆ เป็นเด็กดีคอยให้ความสนใจกับพชรโดยนั่งจ้องท่าทางเขาเพื่อเก็บข้อมูลไว้ในหัว
พชรรับรู้ได้ถึงสายตาอีกฝ่ายในระยะประชิด พอเวลาเลื่อนผ่านไปเรื่อย ๆ ก็พบความเกินจริงที่ว่า เทียร์ร่าสนใจตัวของเขามากในระดับที่ไม่อาจวัดได้
เขาพอรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่ไม่รู้ว่าควรตอบกลับแบบตรงไปตรงมาดีหรือเปล่า เพราะใจจริง ๆ ของเขายังคงรู้สึกเฉย ๆ กับเทียร์ร่า แต่ก็มีความรู้สึกดีกับรูปลักษณ์และใบหน้าของเจ้าตัวเหมือนคนทั่วไปอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ทว่ากลับกันในด้านความรู้สึก เขาก็ยังคงไม่อาจปักใจชอบอีกฝ่ายได้อยู่ดี
ใครมันจะชอบใครที่ไหนก็ไม่รู้ในเวลาไม่กี่วัน ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในหัวเธอคิดอะไรบ้าง เธอนึกถึงเขาอย่างแท้จริง หรือแค่นึกถึงตัวเองที่ต้องการความสบายใจของตัวเองเพียงอย่างเดียว
ยังไม่รวมกับตอนเปิดเทอมแรก ๆ ที่เธอเพิ่งทำเรื่องร้าย ๆ ใส่เขาไป เขาไม่ได้เครียดแค้นหรือฝังใจ เพียงแต่ที่สาวงามเปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างฉับพลันนี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้พชรทำตัวไม่ถูก
ยิ่งคิดเยอะยิ่งหนักใจ พชรถอนหายใจมองเทียร์ร่าที่นั่งกะพริบตาปริบ ๆ จ้องมองตนอยู่
เทียร์ร่าพอรับรู้ได้ถึงสายตาก็เอียงคอ
“หือ ?”
“เฮ้อ…”
พอได้มองตาใสแป๋วเหมือนมองตาปลาของสาวงามก็อดวางมือบนหัวไม่ได้
แม้จะไม่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ความน่ารักของเทียร์ร่านั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ท่าทางที่เหมือนต้องการเข้าใจเขาอย่างใจจริงที่แสดงออกมาของเธอ มันทำให้พชรรู้สึกดีแปลก ๆ ในท้ายที่สุดจึงวางมือไว้บนศีรษะเจ้าตัวแล้วลูบไปมา
เทียร์ร่าหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มส่งเสียงคราง ‘อือ‘ อย่างรู้สึกดีเมื่อพชรลูบหัวตนไปยังจุดต่าง ๆ
“ชอบให้ทำแบบนี้เหรอ ?”
“อือ ค่ะ มันรู้สึกดีมากเลย แบบว่า… เอ่อ สมกับที่รอคอยมาตลอด 8 ปีเลยล่ะค่ะ !”
“โอเว่อ ไปหรือเปล่า”
“ถ้าเพชชี่ไม่เชื่อ จะกอด หรือจะจูบได้หมดเลยนะ ฉันทำอะไรได้มากกว่าที่คิดนะคะ แบบว่า เอ่อ… ถ้าเพชชี่ต้องการล่ะก็ มากกว่านี้ก็-”
“เดี๋ยว ๆ นี่พูดอะไรของเธอเนี่ย“
”ก- ก็ฉันชอบเพชชี่จริง ๆ นี่นา ไม่ได้ชอบในฐานะเพื่อน หรือพี่น้อง กระทั่งครอบครัว แต่ฉันชอบเพชชี่ในฐานะผู้ชายคนนึงอะ แบบว่าไปจนกว่าเราจะตายเลยค่ะ ฉันจะชอบเพชชี่ไปจนถึงตอนนั้นเลย… ไม่สิ ถ้าเกิดตายไปแล้วความจำยังหลงเหลือ ฉันก็จะชอบเพชชี่ต่อไปอีกค่ะ !”
เทียร์ร่ายังคงบอกชอบได้อย่างเต็มคำ เพราะการบอกชอบพชรแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เธอจึงสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำโดยไม่เขินอาย
ทุกคำพูดที่เธอพูดออกไป เธอย่อมเตรียมใจทุกอย่างไว้เป็นอย่างดีแล้ว เพราะงั้นทุกคำที่ถูกเปล่งออกจากปากเวลาอยู่ด้วยกันกับพชรนั้นมักเป็นคำพูดที่เธอกลั่นกรองมาอย่างดีแล้ว
“ถามจริง ?”
“ถ้าเกิดเพชชี่บอกให้ฉันเลิกเป็นไอดอล ตัดขาดกับครอบครัวแล้วไปอยู่กับเพชชี่ด้วยกันสองคนฉันก็ยอมอะ แบบว่าพร้อมทำทุกอย่างเลยล่ะค่ะ- แต่ เอ่อ ถ้าอยากให้ฉันทำแบบนั้นล่ะก็ อือ… ขอเว้นพี่พลอยไว้คนนึงนะคะ“
“…”
พอเทียร์ร่าพูดจบพชรก็มองเข้าไปในตวงตาอันแน่วแน่ของเทียร์ร่า พบแต่ความเด็ดเดี่ยวตั้งใจจะทำตามคำพูดนั้นจริง ๆ ดูไม่เหมือนกำลังพูดเล่นอยู่เลย พชรหัวเราะในลำคอขณะเก็บข้อมูลสาวงามมาวิเคราะห์ในหัวเงียบ ๆ เฉกเช่นเดียวกันกับเทียร์ร่าที่ยังหาทางออกไปจากความเงียบอันแสนอึดอัดนี้ไม่ได้
“อือ… เอ่อ…”
น่าแปลกที่พชรไม่มีความคิดในหัวที่จะเอนเตอร์เทนให้สาวงามเลยสักนิดเดียว เขาเพียงแค่ตักข้าวทีละคำ อ่านหนังสือเรียนอยู่ในโลกของตัวเอง แล้วมองออกไปด้านนอกเป็นระยะ ๆ
ที่เจ้าตัวทำเช่นนั้นไม่ใช่เพราะไม่ชอบในตัวของเทียร์ร่า อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ได้รับความสนใจจากเทียร์ร่า เพียงตอนนี้ข้าง ๆ เขาดันมีเทียร์ร่าจ้องมองเขาราวกับจะไม่มองอย่างอื่นนอกจากเขาแล้ว
จึงทำได้เพียงนั่งเก๊กหล่ออยู่แบบนั้นเพราะไม่รู้ต้องทำอะไร ดูเหมือนนิยายกับมังงะโรแมนติกที่อ่านมาทั้งหมดจะไม่ช่วยอะไรเขาเลยในสถานการณ์นี้
“อือ… เพชชี่คะ คือว่า เมื่อไม่นานมานี้เพชชี่กินพะแนงหมูด้วยใช่ไหมคะ…”
ผ่านไปอีกสัก 10 นาที สาวงามก็นึกประโยคสนทนาต่อไปออก เธอค่อย ๆ เปิดปากพูดทีละคำช้า ๆ อย่างกับกลัวพชรฟังไม่ชัด
“อืม ใช่ ทำไมเหรอ ?”
“อือ… ตอนนั้นเพชชี่อะชอบกะเพรามาก”
“ครับ ?”
“แล้วไม่กี่วันก่อนก็เห็นเพชชี่กินพะแนง ก็เลยอยากรู้ว่าเพชชี่หันมาชอบพะแนงแทนแล้วเหรอคะ ?”
เป็นคำถามที่ให้ความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนเจ้าตัวไม่ได้อยากได้คำตอบเกี่ยวกับเนื้อหาที่พูดโดยตรง พชรยิ้มเจื่อนแล้วตอบเจ้าตัวกลับไป
“ก็ชอบกะเพราเหมือนเดิมนะ ? แล้วเธอล่ะ พอได้กินพะแนงวันนั้นแล้วได้เปลี่ยนอาหารโปรดไปหรือยังล่ะ”
“ไม่ค่ะ ! ชอบเหมือนเดิมค่ะ !”
พอพชรถามกลับเพียงประโยคเดียวเจ้าตัวก็ยิ้มร่าอย่างร่าเริงแล้วตอบคำถามที่เหมือนจะไม่ได้หมายถึงแค่อาหารอาหารเพียงอย่างเดียว
“เธอเนี่ยชอบทำอะไรให้มันดูโอเว่อนะ”
“ไม่ได้โอเว่อสักหน่อย เรื่องจริงทั้งนั้น”
“อืม… ก็ดี”
”เพชชี่พูดเหมือนไม่เชื่อเลยอะ“
“เปล่า ก็เชื่ออยู่”
”ถ้างั้นก็… อือ…“
เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ตัดสินใจเงียบไปอย่างที่เป็น ทำเอาพชรแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
“อึก… ฮือ…”
พอถึงเวลา 10 โมงก็ตัดสินใจดูหนังที่กำลังเป็นนิยมอยู่ในปัจจุบัน ทั้งคู่จองเก้าอี้ในห้องโซนวีไอพีที่ให้ความเป็นส่วนตัว
หนังดำเนินไปเรื่อย ๆ ขณะที่พชรนั่งดูก็มีเสียงสะอึกจากสาวงามเมื่อถึงฉากเศร้า ทำเอาพชรยิ้มมองเจ้าตัวอย่างเอ็นดู
เด็กคนนี้ดูจะอินกับอะไรหลาย ๆ อย่างง่ายกว่าที่คิด ตอนแรกที่เจอกันนึกว่าจะไม่ได้เห็นสีหน้าอื่นนอกจากเรียบเฉยเสียแล้ว พอมาวันนี้พชรก็ได้พบความจริงที่ว่า สาวงามคนนี้ไม่ใช่คนที่ไม่มีอารมณ์ แต่เพียงเป็นคนที่เก็บซ่อนอารมณ์ได้เก่งก็เท่านั้น
สำหรับตอนนี้ เธอได้พบเจอคนที่ตามหามานานหลายปี ทำให้หลายอย่างปลดล็อกรวมไปถึงอารมณ์ต่าง ๆ ของเธอ ภาพที่พชรเห็นจึงเป็นภาพที่สาวงามแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติจนน่าเอ็นดู
“ชอบเหรอ“
”อื้อ“
สาวงามตอบกลับแทบจะทันทีทั้งทียังโฟกัสกับหนัง เวลาพูดกับเทียร์ร่าพชรแทบไม่จำเป็นต้องพูดย้ำเลยทั้งที่ทั้งคู่อยู่ภายในโรงหนังที่มีเสียงลำโพงดังกระหึ่มอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าเทียร์ร่ามีสกิลตรวจจับเสียงพชรในระดับสูง เธอฟังแล้วตอบกลับพชรแบบทันทีจนพชรไม่จำเป็นต้องเค้นเสียงใด ๆ เพื่อคุยกับเจ้าตัว
“กินเปล่า ?”
พชรกินป๊อบคอร์นตั้งแต่เข้ามาไม่หยุด พอเห็นสาวงามอินมากก็ยื่นป๊อบคอร์นให้
ฝั่งเทียร์ร่าพอสบโอกาสก็กินจากมือพชร จากที่จะยื่นให้ก็กลายเป็นการป้อนไปเสียอย่างนั้น
“ขอบคุณค่ะ !”
“…”
เป็นการรุกที่หาวิธีใหม่ ๆ มาได้เสมอ พชรถอนหายใจก่อนหันมาสนใจหนังที่อยู่ด้านหน้าต่อ หนังยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ แบบเอื่อยเฉื่อย พชรยังคงนั่งกัดป๊อปคอร์นไปเรื่อย ๆ ขณะที่เทียร์ร่านั่งกอดเข่าแล้วขยับตัวมานั่งติดกับฝั่งที่พชรนั่ง ทำให้ที่ว่างตั้งมากตั้งมายของเธอว่างไปกว่าครึ่ง
ผ่านไปสักพัก พอสบโอกาสตอนที่พชรนำแขนขึ้นมาวางบนพำนักแขน สาวงามก็มองแขนพชรสลับกับใบหน้าเข้าตัวแล้วหันมองหน้าจอหนังสือเป็นพัก ๆ
เธอกลืนน้ำลายลงคออยู่สักพักทำท่าเหมือนจะจับแขนพชรที่อยู่ใกล้ ๆ แต่ไม่กล้า ทำให้ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงทำท่าอึกอักอยู่แบบนั้นจนพชรจับสังเกตได้
“ทำไร ?”
“อือ… เพชชี่… แขน… อยากกอดแขนอะ…”
แค่จะกอดแขนยังได้ขอ เธอยื่นมือทั้งสองอ้าแขนออกราวกับต้องการมันจริง ๆ พชรหัวเราะในลำคอแล้วตอบกลับเจ้าตัว “จะทำอะไรก็ทำเถอะ” อย่างนั้นเพราะไม่ไหวกับท่าทางสุดแสนจะน่ารักของสาวงามจริง ๆ
ทั้งที่ท่าทางเหมือนลูกคุณหนูดูอยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง แต่พอกับพชรเธอกลับไม่กล้าทำอะไรตามใจ กระทั่งจะกอดแขนยังเป็นกังวลกลัวพชรไม่ชอบตัวเองที่ทำอะไรตามใจ
ทำเอาพชรอดสงสัยเจ้าตัวไม่ได้ เขาชักไม่เข้าใจ ทำไมถึงได้ชอบคนที่ทำให้ตัวเองกดดันแบบนั้นได้
“จะทำไรก็ทำ… เหรอคะ ?”
“ก็… ถ้าไม่ได้เอามีดมาแทงฉันล่ะก็…”
“จะไม่โกรธใช่ไหมคะ ?”
“ก็ ไม่นะ ? ทำไมต้องโกรธกะอีแค่เรื่องแค่นี้ล่ะ”
“ข- ขอบคุณค่ะ !”
เป็นครั้งแรกที่จะได้สัมผัสตัวพชรตามใจ เธอกลืนน้ำลายลงคอค่อย ๆ ดึงแขนพชรมากอดในอ้อมอกแล้วส่งเสียง ‘อื้ม… !’ อย่างพอใจ
ทำเอาพชรยิ้มเจื่อน
”ต้องการแค่นี้อะนะ ?“
มันรู้สึกดีที่มีสาวสวยมากอดแขน แต่มันก็ไม่เท่าความแปลกใจเมื่อเห็นสาวงามกอดแขนแล้วแนบใบหน้าลูบแก้มไปมาเข้าด้วยของสาวงาม
’ทำตัวอย่างกับสัตว์เลี้ยงแหน่ะ‘
”อื้อ… มันดีมากเลยล่ะค่ะ สกินชิพที่ไม่ได้ทำมา 8 ปี อะฮะฮะ…“
”อารมณ์ดีจังนะ“
Wr: ตอนนี้ที่อัพเร็วไม่ได้ขยันหรืออะไรหรอกครับ แต่เป็นเพราะเงินเดือนออก กับได้ iPad ใหม่ เย่ ! เพราะวันนี้ผมมีความสุข เลยอยากแจกความสุข ( หรือเปล่า ) ให้คนอื่น ๆ เช่นเดียวกันครับ แล้วก็พรุ่งนี้ก็ยังอัพให้เหมือนเดิมนะครับผม ถือเป็นฉลองครั้งใหญ่ยิ่ง เมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้อัพ 3 วันติดไปเลยยยยยย
แล้วก็ในหัวข้อสุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านที่ทั้งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ทั้งที่เห็นหรือไม่เห็น รวมไปถึงคนที่อ่านนิยายเรื่องอื่น ๆ ด้วยครับ ขอให้ทุกวันหลังจากนี้เป็นวันที่ดีครับบบ