ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1530 ยั่วโทสะ
ตอนที่ 1530 ยั่วโทสะ
…………….
สรุปแล้ว หากมองเพียงภายนอก จะคิดว่าเป็นคนละคนกันแน่นอน
ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะจำนางได้ตั้งนานแล้ว
แม้จะเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนางในเมืองฝางโจวไปแล้ว แต่ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่หลายอย่าง ทว่าแต่ก็ไม่อาจฟังธงในสิ่งที่คาดเดาได้
รูปลักษณ์นั้นเปลี่ยนแปลงได้ แต่จะปลอมแปลงอายุได้หรือ?
ในระหว่างการสอบเข้า พวกเขาจะทำการประเมินทักษะของศิษย์ทุกคน
และตอนวัดอายุให้นาง ผลที่ได้ย่อมเป็นข้อมูลจริง
“ถ้าก่อนหน้านี้นางไม่เรียกคืนอาณาเขตเซียนเทพ พวกข้าก็ไม่กล้ากันรันตีว่าคนที่กลับมาใช้นางจริงๆ หรือเปล่า”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกล่าวพร้อมชี้นิ้วไปทางหอระฆังบูรพกษัตริย์
ยามนี้รายชื่อบนตารางจัดันดับชิงอวิ๋นทั้งหมด ได้ถูกปิดซ่อนไว้
ผนังของหอระฆังบูรพกษัตริย์กลับคืนสู่สภาพมืดดำ น่าเกรงขามและสง่างามดังเดิม
“เมื่อครู่ท่านก็น่าจะเห็นแล้ว บนตารางนั่น นามที่ถูกลบออกไปนั้น คือชื่อของนาง”
แน่นอนว่าซั่งกวนจิ้งเห็นมัน
เกิดการเคลื่อนไหวอุกอาจเพียงนั้น จะไม่เห็นก็กระไรอยู่
ซั่งกวนจิ้งจมดิ่งในห้วงความคิด
ก่อนหน้านี้เขารู้เพียงว่า ดูเหมือนนังหนูเยว่เออร์จะเคยมาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่
แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรนัก
กระทั่งต่อมา ตอนที่นางมั่นใจว่าความทรงจำของตัวเองหายไปบางส่วน ทำให้เขาตระหนักได้ว่าสิ่งต่างๆ เริ่มซับซ้อนกว่าที่เขาคาดไว้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเป็น…
จากสิ่งที่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพูด ดูเหมือนตอนนี้เด็กคนนั้นจะกลายยอดฝีมือผู้ทรงพลังไปแล้ว เมื่อเทียบกับตอนที่เขามาที่นี่เมื่อหลายปีก่อน!
“นางอยู่ที่สำนักมินานเท่าใด ต่อมานางก็บอกว่าอยากกลับบ้าน แต่หลังจากนั้นมิรู้เพราะเหตุใด นางถึงไม่กลับมาที่นี่อีก กระทั่งตอนนี้…”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนถอนหายใจพรืด
แม้เยว่เออร์จะซุกซน แต่ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ในสำนักกลับชื่นชอบนางมาก หรือจะเรียกได้ว่าเอ็นดูนางก็มิปาน
ทั้งฉลาด เก่งกาจและมีพรสวรรค์
ต่อให้ทำผิดพลาดร้ายแรงเพียงใด ก็ใช่ว่าเหล่าผู้อาวุโสจะลงโทษนางจริงๆ
ไม่อย่างนั้น คนแบบเมิ้งเหล่าคงไม่ยอมช่วยดูแลรักษาอาณาเขตเซียนเทพให้นางอยู่หลายปีหรอก
แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากรออยู่นาน สุดท้ายพวกเขาจะได้คนเดิมในร่างอื่นมาแทน
หากโหมวเหยาไม่พาคนมาอาละวาดที่นี่ ก็ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะรู้เรื่องพวกนี้ตอนไหน
“และดูเหมือนว่าตอนนั้น นางกับหรงซิวจะคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว…”
เสียงของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนแผ่วลงเรื่อยๆ ขระพูดเช่นนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหรงซิวอย่างอดไม่ได้
พวกเขาล้วนคิดว่าไม่นานสองคนนี้คงประกาศเรื่องงานมงคลสมรส
แต่ใครจะรู้ว่า…
ครั้นได้พูดถึงก็เศร้าใจแลเจ็บปวด และคงไม่มีใครเศร้าไปกว่าหรงซิวแล้ว
ซั่งกวนจิงยังคงเงียบ
โดยพื้นฐานแล้วเขามันใจว่า หลังจากที่เยว่เออร์กลับมาจากสำนักหลิงเซียว นางก็ถูกซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงทรยศ จนสิ้นชีพแล้วเกิดใหม่
แต่ตอนนั้นเหตุใดนางระดับของนางถึงลดจากระดับเทพขั้นสูง สู่จอมยุทธ์ระดับเก้าได้ล่ะ?
แถมยังสูญเสียความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับอาณาจักรเสิ่นซวี่อีก?
“อย่างไรเสีย เราทุกคนล้วนดีใจที่นางกลับมา ถ้าเจ้าสำนักรู้…”
“ถ้าเจ้าสำนักรู้ว่านางนำหายนะครั้งใหญ่มาสู่สำนักวิชา คงได้ขาดสะบั้นสัมพันธ์อาจารย์ศิษย์กับนางแน่นอน!”
ก่อนที่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจะทันได้พูดจบ ก็มีสุ้มเสียงเขม่นเย็นชาดังแทรกเข้ามาในหู!
ก่อนจะเห็นร่างสองร่างลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าอยู่ไกลๆ และกำลังพุ่งเข้ามาด้วยความว่องไว!
เพียงพริบตา ก็มาถึงด้านนอกค่ายกลของสำนักแล้ว!
คนที่อยู่ตรงหน้าคือผู้อาวุโสคนหนึ่ง เขาสวมชุดคลุมสีเทา ผมหงอกขาวโพลน ร่างกายโก่งโค้งไปด้านหน้า
ดวงตาเรียวคมทอแสงเย็นยะเยือก แลดูทรงพลังจนคนมองหวาดกลัวกันถ้วนหน้า
ด้านหลังเขามีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่
ดูๆ แล้วน่าจะอายุราวยี่สิบต้นๆ เขาสวมเสื้อคลุมสีคราม ชายเสื้อปักลายลิ่มทองเอาไว้อย่างงดงาม เผยให้เห็นถึงกลิ่นอายของความสูงส่งจางๆ
ภายใต้แสงจันทร์ ชุดคลุมยาวตัวยาวโบกสะบัด รับกับเรือนกายสูงใหญ่ แลดูสง่างามยิ่งยวด
เมื่อมองจากระยะไกล ดูราวลายเส้นภาพเขียนหมึกที่คมชัดแลทรงคุณค่า
สายลมในคืนเดือนหงายพัดผมยาวของเขาปลิวไสว ปลายผมสีแดงสะท้อนแสงจันทร์ เสริมให้ท่วงท่านั้นดูแข็งแกร่งและเจิดจรัสเป็นพิเศษ
เสมือนมีดแกะสลักอันคมกริบ ที่สามารถเฉือนภาพอันสงบนิ่งและสง่างามนี้เป็นชิ้นๆ ได้!
“อี้เหวินจั๋ว? ไยจู่ๆ เขาถึงกลับมากัน!”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ตกใจเมื่อเห็นผู้มาเยือนทั้งสอง
ซั่งกวนจิ้งถามด้วยความฉงน
“อี้เหวินจั๋วคือใครรึ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเม้มปากแน่น
“รองเจ้าสำนักหลิงเซียว!”
ซั่งกวนจิ้งแปลกใจหนิดหน่อย
สำนักหลิงเซียวนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังในอาณาจักรเสิ่นซวี่
ย้อนกลับไปตอนที่เขากำลังฝึกปราณบำเพ็ญเพียรอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ แม้เขาจะไม่ได้ติดต่อกับคนเหล่านี้อย่างเป็นทางการ แต่เขายังรู้เกี่ยวกับเรื่องของสำนักอยู่บ้าง
สำนักหลิงเซียวก่อตั้งมาตั้งแต่หมื่นปีก่อน และมีเพียงเจ้าสำนักผู้เดียวมาแต่ไหนแต่ไร แทบมิเคยได้ยินเรื่องของรองเจ้าสำนักเลยสักครา
แล้วนี้มัน…เกิดอะไรขึ้นกัน?
แต่เมื่อหันเห็นชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่าย สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปทันที
เพราะคนผู้นั้นคือจวินจิ่วชิง!
…
อี้เหวินจั๋วนะบัดแขนเสื้อ ค่ายกลของสำนักพลันเปิดออกทันที
เขากับจวินจิ่วชิงพุ่งเข้ามาพร้อมกัน
ก่อนจะหันไปมองภูเขาหมื่นเมรัยก่อนเป็นอันดับแรก
ใบหน้าที่เย็นชาอยู่แล้ว พลันมืดดำลงกว่าเดิม
จวินจิ่วชิงยืนอยู่ข้างหลังเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ดวงตาคมมองเลยไปยังหรงซิวที่ถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มแสงสีทองกลางอากาศ เจตนาฆ่าฟันแผ่กระจายออกมาบางเบา
แต่เขาก็ควบคุมความรู้สึกนั้นไว้อย่างรวดเร็ว
“ปั๋วเหนี่ยน ข้ากับเจ้าสำนักออกไปฝึกตนได้ไม่นาน แต่เจ้ากลับดูแลสำนักวิชาเช่นนี้รึ!”
อี้เหวินจั๋วย้ำเท้าหนักๆ เข้ามา และมองตรงไปที่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนแล้วตำหนิเขา!
“หรือเจ้าอยากเห็นสำนักถูกทำลายก่อนถึงจะพอใจ!”
เขากระชากเสียงเข้มใส่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน โดยไม่ไว้หน้าอีกคนเลย
ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบกริบ
เหล่าผู้อาวุโสหันมองหน้ากัน
นี่คือ…
เพิ่งกลับมาก็หาเรื่องกันเลยหรือ?