ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1528 บันทึกหมื่นเซียน
ตอนที่ 1528 บันทึกหมื่นเซียน
…………….
เกล็ดมังกรแผ่นนั้นบินกลับไป ครั้งออกมานอกค่ายกลได้ โหมวเหยาก็รีบดึงสติกลับมาทันที
เขาขยับกายเล็กน้อย แล้วกระแอมไอสองครั้ง
เหล่าทายาทรุ่นหลังที่อยู่ใกล้เคียงกุลีกุจอเข้ามาหาด้วยความประหม่า และถามด้วยใบหน้าเป็นกังวล
เพียงแต่เสียดายที่คำพูดเหล่านี้ มีแต่จะทำให้โหมวเหยานึงถึงสารูปอันน่าสมเพชของตนมากขึ้นเท่านั้น
พวกเขาทั้งหมดเห็นภาพนั้นแล้ว!
โหมวเหยาหงุดหงิดมาก สีหน้าบึ้งตึงดูไม่ดีสักเท่าไร
ไม่นานคนเหล่านั้นก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี พลันเงียบเสียงลงอย่างขลาดอาย และไม่กล้าพูดอะไรอีก
บรรยากาศรอบด้านเงียบสงัดแลเย็นวาบ ราวถูกแช่แข็ง
หลายคนแอบมองหน้ากันเงียบๆ และมองเห็นร่องรอยความเสียดายที่เผยขึ้นในดวงตาของกันและกัน
ถ้ารู้แบบนี้คงไม่มาด้วยหรอก!
เดิมทีพวกเขานึกว่าโหมวเหยาจะกู้หน้าให้กันได้ ใครจะรู้ว่าสุดท้ายมันจะเป็นแบบนี้!
ชื่อเสียงเรียงนามคือสิ่งที่โหมวเหยารักมากที่สุด
เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถูกคนอื่นๆ เห็นเข้าเต็มๆ ในใจของมันกลัวว่าแม้แต่พวกเขาเองก็จะโกรธแค้นมันไปด้วย!
และหลังจากนี้…มันจะ ‘รับผิดชอบ’ อย่างไร
คิดว่าโหมวเหยาจะไม่เสียใจที่เกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้หรือ?
หลังจากรู้ว่าซั่งกวนจิ้งยังมีชีวิตอยู่ ในใจของมันก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และต้องการแก้แค้นซั่งกวนจิ้งอย่างเดียว
การนำกองกำลังของตนออกมา ก็เพื่อสู้รบปรบมือกับอีกฝ่ายเท่านั้น
แต่ในด้านความแข็งแกร่งแล้ว คนพวกนี้ยังเก่งกาจไม่เท่าเขาคนเดียวด้วยซ้ำ!
สุดท้ายแล้วตอนนี้ มีจำต้องเสียหน้ากันทั้งบาง!
และไม่เพียงแต่จะไม่รอให้พวกเขาช่วยเหลือ สภาพอันน่าสมเพชเช่นนั้น ก็ยังถูกพวกเขาเห็นเข้าให้อีก!
ถ้ารู้แบบนี้ เขาคงไม่ทำเรื่องไร้สาระเช่นนั้นออกไปแน่!
โหมวเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ
เนื่องจากร่างจริงของเขาได้รับบาดเจ็บ ทำให้ลมปราณในกายอ่อนแอลงกว่าตอนที่มาถึงที่นี่ครั้งแรกอย่างมาก
“ไป!”
โหมวเหยาตวาดลั่น แล้วหันหลังกลับ!
อีกหลายตนที่อยู่ข้างหลังเขาไม่กล้าคัดค้าน พลันรีบก้มหน้าแล้วเดินตามไปอย่างระมัดระวัง
ร่างเงาของคนกลุ่มนั้น หายไปจากนอค่ายกลอย่างรวดเร็ว
ทว่ายามนี้ ไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขา
ทุกคนล้วนมุ่งความสนใจไปยังภูเขาหมื่นเมรัย
ไม่ว่าจะอืดอาดยืดยาดแค่ไหน แต่ทุกคนก็ตระหนักได้ว่ายามนี้ กำลังมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นบนเขาหมื่นเมรัย
“นอกจากคนเฝ้าค่ายกลสำนักแล้ว จงไปเรียกผู้อาวุโสของสำนักทั้งหมดมาที”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหัดไปบอกผู้อาวุโสฮวาเฟิง
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ร่างเงาของเขาพลันหายวับไปทันที
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
“จริงสิ โอวหยาง เจ้าเองไปตามคนเหล่านั้นมาด้วย”
ผู้อาวุโสโอวหยางสะดุ้ง แล้วย้อนถามอย่างลังเล
“เอาจริงรึ?”
คนเหล่านั้นมิได้โผล่หัวมาง่ายๆ หรอกนา ถ้าจะเชิญคนเหล่านั้นมา…ก็หมายความว่าต้องเป็นสถานการณ์ขั้นวิกฤต ที่ยากเกินจะรับมือจริงๆ
เหล่าผู้อาวุโสน่ะไม่เท่าไร แต่ถ้าศิษย์ทุกคนได้เห็นภาพเช่นนี้ เกรงว่าคงมีหลายคนที่ไม่สบายใจและวิตกกังวลเป็นแน่
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยังคงพยักหน้าหงึกหงักอยู่แบบนั้น
“ต้องรีบทำมันให้เร็วที่สุด”
เขารู้ว่าผู้อาวุโสโอวหยางกังวลเรื่องอะไร
แต่ถ้ามิใช่เพราะอับจนหนทาง เขาคงไม่ทำเช่นนี้
และตอนนี้มันก็…
“นางหนูเยว่เออร์อยู่ด้านล่างนั่น ไม่ว่าอย่างใด ก็ต้องพานางกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้”
ผู้อาวูโสปั๋วเหยี่ยนถอนหายใจเบาๆ ทว่าตั้งใจแน่วแน่เหลือคณา
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผู้อาวุโสโอวหยางดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง และตอบกลับทันที
“ตกลง! ข้าจะไปเดี่ยวนี้แหละ!”
เหล่าผู้อาวุโสแต่ละคน ต่างแยกย้ายกับไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสวั่นเจิงลอบมาร่างเงาหลายร่างที่มารวมตัวกันด้วยความว่องไว แต่ความร้อนรนในใจ ก็ยังปะทุออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เขากำหมัดแน่นพลางขมวดคิ้ว
“…ถ้าเจ้ายังอยู่คงจะดี…”
ถ้าเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาคงจะมั่นใจมากกว่านี้แน่นอน
อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ เขาก็เป็นคนดูแลตาน้ำพุด้วยตัวเองมาตลอด
และยามนี้ เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น หากต้องการยับยั้งล่ะก็ ย่อมไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าเขาแล้ว
ผู้อาวุโสปั่วเหยี่ยนหลับตาลงและถอนหายใจเบาๆ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดแบบนั้น
แต่เมื่อเจ้าสำนักหายตัวไปในปีนั้น ผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังไร้ซึ่งข่าวคราวของเขา
กระทั่งตอนนี้ นังหนูเยว่เออร์ก็กลับมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวเขาอยู่ดี
แต่จะให้รอต่อไป คงมิได้การ
หากตาน้ำพุระเบิดขึ้นมาล่ะก็
ความคิดมากมายตีกันในหัว จนผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนแอบอารมณ์เสียเล็กน้อย
ทันใดนั้น ก็มีร่างหนึ่งบินผ่านดวงตาของเขา
ทำเอาเขาใจหายวาบ
“หรงซิว! นั่นเจ้าคิดจะทำสิ่งใด!”
หรงซิวไม่ตอบ
เขามุ่งหน้าไปยังยอดเขาหมื่นเมรัยอย่างว่องไว
คลื่นลมพัดผ่านชายเสื้อ เผยให้เห็นรูปร่างสูงโปร่งกำยำของชายผู้นั้น
ชุดคลุมตัวยาวสะบัดเสียงพึบพับ ท่ามกลางความเงียบที่ครอบคลุมพื้นที่แห่งนี้
เขาหลุบสายตาลงแล้วมงไปยังเบื้องล่าง
ยามนี้ปราณกระบี่อันเฉียบคม ได้ปกคลุมไปทั่วเขาหมื่นเมรัย
หากแต่เย็นเฉียบสะท้านใจคนมอง บางพื้นที่บนยอดเขา เริ่มถูกเกล็ดหิมะสีขาวปกคลุมอีกครั้ง
และเริ่มแพร่กระจายไปยังบริเวณโดยรอบอย่างเชื่องช้าทว่ามั่นคง
ปราณกระบี่เหล่านั้น เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่นาน…
สีหน้าของหรงซิวเย็นชาขึ้นมาทันตา ดวงหน้าอันสูงส่งและชั่วร้ายเผยให้เห็นความเย็นชาและเคร่งขรึม
ลึกลงไปในดวงตาคมดุจปักษา ปรากฏเปลวไฟสีทองลุกไหม้ในดวงตาข้างหนึ่ง พร้อมกับแสงสีดำที่พวยพุ่งออกมาจากดวงตาอีกข้าง!
แต่เพียงพริบตา เขาก็หลับตาลง! ปกปิดทุกสิ่งภายใต้ดวงตาสองข้างอย่างมิดชิด!
ต่อมา ลมปราณอันยิ่งใหญ่และมีอาณาเขตไพศาล ก็ปะทุออกมาจากร่างของเขา!
พร้อมกับประกายไฟสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตกลงมาจากฟากฟ้า!
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ภูเขาหมื่นเมรัยก็ถูกปกคลุมจนหมด!
ยามนี้ภาพที่เกิดขึ้นภายในถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์ ทำให้คนด้านนอกมิอาจลอบมองได้อีก!
ทั่วทั้งร่างของหรงซิวเองก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยค่ายกลสีทองเช่นกัน!
บดบังร่างเงาของเขาจากครรลองสายตา
แสงสีทองทอประกายเจิดจ้า แม้แต่โครงร่างคร่าวๆ ของเขา ก็ไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน
หรงซิวลืมตาแล้วเงื้อมือขึ้น
ห้วงมิติตรงหน้าเขาพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างเงียบเชียบ
มีบางอย่างบินออกมาอย่างรวดเร็ว!
ตุบ
หรงซิวคว้ามันไว้อย่างมาดมั่น
นั่นคือม้วนคัมภีร์เล่มหนึ่ง
เพียงเขาสะบัดข้อมือ ม้วนคัมภีร์ก็กางออก
ด้านบนปรากฏอักษรลิ่มทองขนาดใหญ่สามตัว ทั้งชัดเจนและสุกสกาว
บันทึกหมื่นเซียน!
ขณะเดียว ก็มีนามหนึ่งปรากฏขึ้นบนม้วนคัมภีร์!
…………….