ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1527 ไม่ส่ง
ตอนที่ 1527 ไม่ส่ง
…………….
ลมปราณกระบี่หลายร้อยสายพลันพลั่งพรูออกมา!
ปกคลุมทั่งทั้วอาณาบริเวณของภูเขาหมื่นเมรัยในทันที!
ฉึก ฉึก!
ปราณกระบี่พุ่งทะยานลงมา แล้วแทงทะลุพื้นอย่างแรง!
เกล็ดหิมะสีขาวที่เคยแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว หยุดชะงักอยู่กับที่ในบัดดล
พลังปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนแตกแขนง และล้อมรอบภูเขาหมื่นเมรัยไว้ จนกลายเป็นกรงขนาดใหญ่ ปิดกั้นอายเย็นอันพิลึกพิลั่นนั้นได้อย่างสมบูรณ์!
นอกจากพลังปราณกระบี่แล้ว ทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ
ภายในปราณกระบี่ พลังแห่งชีวิตเริ่มดับสูญ
และเพียงพริบตา ต้นไม้รากหญ้าเหล่านั้นบนเขาหมื่นเมรัย ก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทั้งสิ้น บางต้นไหม้เกรียมและม้วนงออย่างน่าหวาดหวั่น
มองแวบแรก ราวกับมีบางอย่างดูดพลังชีวิตมวลสุดท้ายของมันไป
ฉู่หลิวเยว่เคลื่อนไหวแล้วพุ่งตัวไปยังตาน้ำพุ!
“เยว่เออร์!”
ในใจของซั่งกวนจิ้วลงพลันตื่นตระหนก!
สัญชาตญาณที่ส่งผ่านสายเลือดนั้น ทำให้เขาเผลออุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว!
ทว่าตอนนี้เขาอยู่ห่างจากฉู่หลิวเยว่มากโข จึงไม่อาจหยุดนางได้ทัน
ร่างฉู่หลิวเยว่ราวหลอมรวมเป็นหนึ่งกับกระบี่ชื่อเซียว และเข้าไปในตาน้ำพุโดยตรง!
ครั้นสองเท้าจรดลงบนแผ่นน้ำแข็งสีขาวที่ปกคลุมยอดเขาทั้งหมด ฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่พุ่งขึ้นมากฝ่าเท้า ลามเข้าไปถึงแกนกระดูกในทันที
และแผ่ขยายไปทั่วร่างกายของนางในเวลาเพียงชั่วครู่!
ฉู่หลิวเยว่พ่นลมหายใจออกเบาๆ ควันสีขาวลอยฟุ้งในอากาศ
ปกติแล้วบนเขาหมื่นเมรัยนั้น จะมีค่ายกลพิเศษคอยปิดกั้นภูเขาลูกนี้ไว้ ทำให้ภายในอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี
จากความทรงจำแล้ว มันไม่เคยหนาวขนาดนี้มาก่อน
ฉู่หลิวเยว่กวาดตามองไปรอบด้าน และในที่สุดก็เพ่งสายตาไปยังตาน้ำพุที่อยู่ตรงกลาง
ขณะนี้ลวดลายอักขณะแปลกๆ ที่อยู่เหนือตาน้ำพุ ได้ผสมผสานกันจนเสร็จสมบูรณ์ไปถึงสามในสี่แล้ว
ขนงเรียวย่นเข้าหากันเล็กน้อย
พร้อมกระชับกระบี่ชื่อเซียวในมือแน่น
บนตัวกระบี่ปรากฏลูกเพลิงขึ้น ก่อนจะลุกไหม้และลามไปทั่วกระบี่อย่างรวดเร็ว!
ครึ่งหนึ่งเป็นสีแดงทอง และครึ่งหนึ่งเป็นสีโปร่งใส!
คลื่นเหมันต์เกี่ยวพันสอดประสานคิมหันต์!
สะท้อนแสงเรืองรองออกมาจากตัวกระบี่!
ยามนี้นางได้ทะลวงสู่ระดับเทพขั้นสูงแล้ว แน่นอนว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อที่อยู่ในมือนางเอง ก็สามารถปลดปล่อยพลังปราณได้มากขึ้นเช่นกัน
หากแต่ปราณกระบี่ที่ใช้อยู่ตอนนี้ จักสามารถคงอิทธิฤทธิ์ได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
หากต้องการแก้ไขปัญหานี้จริงๆ ก็ต้องเริ่มต้นจากต้นตอ
แน่นอนว่านั่นคือตาน้ำพุนี่!
ฉึก!
ฉู่หลิวเยว่แทงกระบี่ลงตรงกลางตาน้ำ!
เปรี๊ยะ!
ตาน้ำที่ปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง ในที่สุดก็ปรากฏช่องรูขึ้น!
เปลวไฟสองดวงเกี่ยวพันกัน ส่งผ่านความร้อนอันบ้าคลั่งเข้าไปในช่องที่เปิดอยู่!
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ใช้มือทั้งสองข้างกดด้ามกระบี่แล้วหมุนมันอย่างแรง!
แกรก!
รอยแตกร้าวเล็กๆ หลายจุดปรากฏขึ้นที่ขอบของช่องนั้นทันที!
ลวดลายอักขระที่กำลังจะเสร็จสมบูรณ์ใต้ชั้นน้ำแข็งนั่น ราวถูของมีคมฟาดฟันผ่านจุดศูนย์กลาง กลายเป็นรอยกระดำกระด่างและแตกหัก
ไอเย็นอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปตามใบมีดของกระบี่ชื่อเซียว!
เปลวไฟที่ไหม้อยู่บนนั้นเริ่มค่อยๆ จางหายไป แม้แต่ปลายกระบี่เองก็ปรากฏเกล็ดหิมะสีขาวขึ้นด้านบน!
เปลวไฟทั้งสองนี้ สายหนึ่งคือไฟสายเลือดของหงส์ทองคำ และอีกสายคือเพลิงแห่งกรรมจากหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์
ไม่ว่าอย่างไหน ก็ถือได้ว่าเป็นมหาอำนาจที่แข็งแกร่งในอันดับต้นๆ ของโลกแน่นอน
แต่ยามนี้ ทันทีที่ปะทะเข้ากับลมปราณอันหนาวเหน็บของตาน้ำ ทั้งสองสิ่งก็ถึงกับสิ้นฤทธิ์ในพลัน!
แสดงให้เห็นว่ามันแข็งแกร่งมากแค่ไหน!
ฉู่หลิวเยว่เริ่มดึงเอาพลังปราณดั้งเดิมในกายออกมาใช้ พร้อมกระชับกระบี่ชื่อเซียวในมือแน่นแล้วแทงลึกลงไปอีก!
ในที่สุด ก็เกิดช่องว่างที่ใหญ่ขึ้นเหนือชั้นน้ำแข็ง
ฉู่หลิวเยว่พลันดีดตัวขึ้น! ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะหายวับไปในชั้นน้ำแข็ง!
…
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินตั้งตัว ครั้นเห็นร่างของฉู่หลิวเยว่หายเข้าไปในตาน้ำ ทุกคนถึงค่อยได้สติคืนมา
“นั่นซั่งกวนเยว่กำลังทำอันใด? นางเข้าไปในนั้นรึ!”
“ตอนนี้ตาน้ำพุนั่นแปลกมาก นางเข้าไปแบบนี้ อาจอันตรายเกินไป…”
“ตอนนี้ข้าคิดว่า แท้จริงแล้วนางคือคนที่ถูกลบชื่อออกไปจากตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นคนนั้น! ไม่น่าเล่า…ไม่แปลกใจเลย!”
“มิน่าใช่กระมัง! ไหนว่าปีนี้ซั่งกวนเยว่เพิ่งอายุสิบเจ็ดหนาวมิใช่หรือ? หลายปีก่อน นางน่าจะเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กๆ แล้วจะเป็นคนในข่าวลือได้อย่างใด?”
“แต่นามบนตารางได้ปรากฏขึ้นแล้ว แม้แต่อาณาเขตเซียนเทพก็ยังถูกนางเรียกกลับมาได้ หากมิใช่นางแล้วจะเป็นใครได้อีก?”
…
เหล่าผู้คนต่างสับสนระคนสงสัย
วันวันเดียวเกิดเรื่องต่างๆ ขึ้นมากมาย และแต่ละเรื่องล้วนเต็มไปด้วยผลกระทบอันใหญ่หลวง ทำให้คนมองมิอาจนิ่งนอนใจได้
ตอนนี้พวกเขารับสารเยอะ จนสมองตึบไปหมดแล้ว
…
โหมวเหยาทอดสายตาลงมองตาน้ำพุด้วยความตกใจ
ร่างของฉู่หลิวเยว่ถูกธารน้ำแข็งกลืนหายไปอย่างสมบูรณ์
บนขอบของรอยแตกที่ถูกเปิดไว้ มีเปลวไฟสีแดงทองและโปร่งใสลุกไหม้อย่างเงียบๆ
จากภายนอก จะเห็นเพียงผืนน้ำอันสงบนิ่งใต้ช่องว่างนั่น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมืดเกินไปหรือเพราะอะไร แต่ใต้ผืนน้ำนั้นมืดเสียจนมองไม่เห็นสิ่งใด
ซั่งกวนเยว่…กระดดดลงไปทั้งๆ อย่างนี้เลยรึ!
ลมปราณอันเย็บเฉียบเมื่อครู่นี้ มันเองก็สัมผัสได้นิดหน่อย และรู้ได้ในทนใดว่าพลังที่อยู่ในนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
แม้ว่าซั่งกวนเยว่จะเป็นเทพขั้นสูง แต่การกระโจนลงไปเช่นนี้ ก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตายเลย!
แม้ว่านางจักครอบครองอาณาเขตเซียนเทพแปลกๆ แต่ก็เกรงว่าคงมาจชุบชีวิตนางจากความตายได้!
เมื่อคิดเช่นนี้ ในที่สุดความหงุดหงิดที่สะสมอยู่ในใจของโหมวเหยา ก็ทุเลาลงอย่างมาก
“ในเมื่อยามนี้เสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว เช่นนั้นพวกข้าขอตัว”
โหมวเหยาเอ่ยปาก
อันที่จริงมันเองก็อยากจะอยู่ที่นี่ และรอชมความสนุกต่อไป
อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้มันก็ถูกซั่งกวนเยว่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจมาแล้ว หากได้เห็นนางทุกข์ทรมานด้วยตาตัวเอง คงบรรเทาความเกลียดชังในใจมันได้โดยแท้!
แต่น่าเสียดายที่สภาพของมันในตอนนี้น่าสมเพชเกินไป
แม้แต่เดี๋ยวเดียวก็ไม่อยากทนอยู่
ยามนี้ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ กำลังจดจ่ออยู่กับฉู่หลิวเยว่ จะมาสนใจเรื่องของมันได้อย่างไร?
“ผู้อาวุโสโหมวเหยาเดินทางปลอดภัย ใช้ทางเดิมที่ท่านมา พวกข้ามิอาจส่งท่านได้มากกว่านี้แล้ว”
น้ำเสียงของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนฟังดูไม่ค่อยแยเสเสียเท่าใด
สีหน้าของผู้อาวุโสโหมวเหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังอดทนอดกลั้นไว้ได้
กายของมันส่องแสงกะพริบเบาๆ และครู่ต่อมา มันก็กลายเป็นเกล็ดสีม่วงทองชิ้นเล็กๆ
ผู้อาวุโสของสำนักเปิดค่ายกล แทบจะรอไม่ไหวที่จะส่งเซียนเทพจอมอาละวาดนี่ออกไป
ทันทีที่เกล็ดชิ้นนั้นพุ่งออกไป ค่ายกลของสำนักก็ปิดถูกผนึกอีกครั้ง!
…………….