ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1523 เหตุใดจะให้ไม่ได้
ตอนที่ 1523 เหตุใดจะให้ไม่ได้
…………….
ขณะพรั่งพรูโทสะออกไป ดูเหมือนว่าอีกหลายคนคิดอยากจะบุกเข้าไปโดยตรง
ทว่าค่ายกลรอบสำนักวิชาได้ถูกเหล่าผู้อาวุโสเสริมความแข็งแกร่งเข้าไปแล้ว ทำให้พวกเขาไม่สามารถบุกทะลวงเข้าไปได้
หลังจากพยายามและล้มเหลวหลายครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้ว่า สิ่งเหล่านี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นอย่างเกียจคร้าน แล้วหันมองพวกเขาแวบหนึ่ง
“ไม่ว่าข้าจะสู้กับพวกเจ้า หรือเป็นพวกเจ้าที่ไม่พอใจข้า ยังต้องพูดให้ได้อันใดอีก?”
โหมวเหยาไม่เพียงแต่นำกองกำลังมาถล่มสำนักหลิงเซียว แต่ยังใช้วิธีการแปลกๆ บุกเข้ามาอีกด้วย!
เรื่องเหล่านั้นที่โหมวเหยาทำไว้กับนาง นางยังไม่ได้แก้แค้นเลยด้วยซ้ำ!
“การดวลยังไม่สิ้นสุด หากพวกเจ้าอยากให้ข้าหยุดตอนนี้ ก็จงเป็นฝ่ายยอมแพ้เสีย”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยอย่างเชื่องช้า หากแต่แทงลึกเข้าไปในใจทุกคำ
มุมปากของนางหยักยก ราวกำลังเอ่ยเรื่องขำขันออกมา
หลายคนที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ถึงกับพูดไม่ออกพักใหญ่
ความจริงแล้วตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หากปล่อยให้เลยเถิดไปมากกว่านี้ เช่นนั้นก็ไม่มีใครบอกได้ว่า บทสรุปของเหตุการณ์นี้จะเป็นเช่นไร
ครั้นได้ยินเสียงของโหมวเหยา ดูราวอีกฝ่ายกำลังทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง
แต่ถ้ายอมแพ้ตอนนี้… แล้วถูกโหมวเหยาตำหนิภายหลัง จักทำเช่นไร?
ไหนจะคนในเผ่าอีก… พวกมันไม่รู้จะกลับไปอธิบายเยี่ยงไรดี!
“ซั่งกวนเยว่!”
โหมวเหยาเองก็ได้ยินเสียงของฉู่หลิวเยว่ ภายในใจโกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิม!
“ข้าน้อยอยู่นี่ ผู้อาวุโสต้องการกล่าวสิ่งใดก็ว่ามา”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่หยักยก กระหยิ่มยิ้มเยาะ พลางเอ่ย
โหมวเหยาโกรธจะตายอยู่แล้ว!
ว่าซั่งกวนจิ้งไร้มารยาทพอแล้ว คิดไม่ถึงว่าซั่งกวนเยว่ผู้นี้จักหน้าด้านหน้าทนกว่าบรรพบุรุษของตนเสียอีก!
จนถึงตอนนี้แล้ว นางก็ยังกล่าวเช่นนี้ได้โดยไม่ทุกข์ร้อนอีกหรือ!
มันพยายามอดทนอดกลั้น แต่สุดท้ายก็โพล่งออกมาว่า
“สิ้นสุดการดวล!”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อย ราวประหลาดใจ
“หมายถึง เดิมพันนี้ จบแล้วหรือ?”
“จบแล้ว! ตอนนี้เลย!”
“เช่นนี้… แปลว่าคราวนี้ ข้าชนะ?”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถามช้าๆ
โหมวเหยาผงะไปนิด
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดมันก็ให้คำตอบ
“เจ้าชนะแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็เผยรอยยิ้มเปรมปรีดิ์และสดใสออกมา
และเพียงตวัดปลายนิ้วเบาๆ ทะเลเพลิงสีเงินสลับแดงที่ปกคลุมไปทั่วท้องนภาก็ดับลงอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนรูปร่างเป็นลำแสงสีเงินหลายเส้น และจะบินกลับไปอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่
ก่อนจะหายวับเข้าไปในกายของนางในที่สุด
กระบวนการทั้งหมดราบรื่นและเสร็จสิ้นด้วยดี
ไม่ทันที่เหล่าคนดูจะได้ตอบสนอง ก็เห็นเปลวไฟที่แต่เดิมลุกไหม้โชกโชนเหล่านั้น สลายไปในทันที
และในที่สุด โหมวเหยาที่เคยถูกไฟล้อมรอบ ก็เปิดเผยเรือนกายที่แท้จริงของตน
ท่ามกลางจัตุรัสชิงหมิงอันเงียบสงบ พลันมีเสียงหัวเราะเล็ดลอดขึ้นเบาๆ
ครั้นเสียงนี้ดังขึ้นมา ก็ถูกเจ้าของเสียงยับยั้งชั่งใจปิดปากทันควัน
แต่ไม่นานก็มีเสียงหัวเราะมากมายดังขึ้นในฝูงชน และแผ่ขยายออกมาจากทุกมุม!
ทุกคนพยายามกลั้นเสียงหัวเราะกันให้ขวัก แต่ดวงตาเหล่านั้นที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับมองความขบขัน กลับเผยให้เห็นเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของพวกเขาในยามนี้ได้อย่างดี
เดิมทีโหมวเหยาเจ็บปวดจนทนไม่ไหว แต่จู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นตรงหน้า แล้วเปลวไฟเหล่านั้นก็จางหายไปทันที!
มันตกตะลึงราวสติหลุดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรู้ว่ามันรอดพ้นจากทะเลเพลิงแล้ว
พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังแว่วมาจากด้านล่าง
ราวกับสัญชาตญาณ มันหลุบหน้ามองลงไปอย่างไว
และเพียงมองแวบเดียว ก็พบกับดวงตานับไม่ถ้วนที่จ้องมองมันด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน
มันมองเห็นแววขำขันและเย้ยหยันได้อย่างชัดเจน!
หลังจากสังเกตเห็นว่าโหมวเหยากำลังมองลงมา ผู้ชมหลายคนต่างก็รีบเบนสายตาไปทางอื่น
แต่สำหรับโหมวเหยาแล้ว ทั้งสีหน้าและปฏิกิริยาแบบนั้นของพวกเขา มันยังมีอันใดไม่กระจ่างอีกหรือ?
… เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหัวเราะเยาะมัน!
ดวงตาของโหมวเหยาแดงก่ำ หัวใจร้อนรุ่มไปด้วยโทสะ!
ไม่ต้องมองก็รู้ว่าตอนนี้มันกำลังอับอายมากแค่ไหน!
เปลวไฟนั่นทิ้งรอยแผลพุพองไว้บนกายมันนับไม่ถ้วน!
เกล็ดที่เดิมทีสวยสดและเงางามถูกเผาจนกลายเป็นสีดำ มีบางส่วนได้รับผลกระทบร้ายแรงยิ่งกว่านั้น ถึงขั้นบิดงอผิดรูปผิดร่างเลยทีเดียว
ไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นเผ่าที่ให้ความสำคัญต่อสภาพร่างกายอย่างมาก ยิ่งกับเกล็ดที่เป็นดั่งเกราะแล้ว ยิ่งให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ!
เกล็ดมังกรที่มันฟูมฟักถนุถนอมเป็นอย่างดี วันนี้… กลับถูกซั่งกวนเยว่ทำลายเสียได้!
โหมวเหยาหันขวับไปมองฉู่หลิวเยว่ทันที
“ซั่งกวนเยว่! เจ้า… เก่งมาก!”
แต่เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่ฟังไม่ออกว่ามันกำลังไม่พอใจ และถามกลับไปเบาๆ ว่า
“ขอบคุณสำหรับคำชม ผู้อาวุโสโหมวเหยา ยามนี้สิ้นสุดการดวลแล้ว และข้าชนะ ดังนั้น… เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ท่านช่วยลบทิ้งไปได้หรือไม่?”
หากไม่พูดเช่นนี้คงจะดีกว่า เพราะเมื่อได้ยินประโยคนี้ โหมวเหยาก็ยิ่งโมโหโกรธาจนตัวสั่น
นี่นางยังมีหน้ามาถามเช่นนี้อีกหรือ!
นางทำร้ายมันเจียนตายเพียงนี้ แต่กลับไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด!
“จากผลการเดิมพันในวันนี้ ความบาดหมางระหว่างซั่งกวนจิ้งและเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงของข้าจักยุติลง! และเจ้า… จะใช้กระดูกอย่างใด จากนี้ไปก็แล้วแต่เจ้าเถอะ!”
เขาพูดทีละคำด้วยน้ำเสียงดุดัน
ทุกคำที่เอื้อนเอ่ย ราวหลุดออกมาจากซี่ไรฟันที่กำลังขบเคี้ยวกันด้วยความรำคาญและความโกรธสุดขีด!
“เรื่องเหล่านี้จบลงแล้ว แต่วันนี้ ที่เกล็ดมังกรบนตัวข้าถูกเผา มิใช่เรื่องที่จะยอมจบง่ายๆ! ซั่งกวนเยว่ ทางที่ดีเจ้าควรรีบคิดว่าจะแก้ไขปัญหานี้! มิฉะนั้น…”
“นี่ไม่ถือว่าเป็นความผิดของข้ากระมัง?”
ฉู่หลิวเยว่ขัดจังหวะโหมวเหยา ริมฝีปากบางหยักยกแย้มยิ้ม แต่แววตากลับนิ่งเฉยและลึกล้ำ ราวกับธารน้ำแข็งที่ไม่เคยละลายมานานนับพันปี
“ทั้งหมดทั้งมวลเมื่อครู่นี้ล้วนมาจากการเดิมพัน ก่อนท่านจะเริ่มท้าดวล ได้กล่าว่าหากข้ารับมือกับสามกระบวนท่าของท่านได้ ข้าจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ท่านไม่ได้บอกว่า… ห้ามข้าตอบโต้เสียหน่อย?”
โหยวเหยาถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง
มันไม่ได้พูดจริงๆ!
แต่นั่นเป็นเพราะมันคิดไม่ถึงว่านางจะยังมีจังหวะได้สู้กลับ!
โหมวเหยาจ้องนางตาเขม็ง พลันเยาะเย้ยเสียงเย็น
“เช่นนั้นก็ถือว่าเจ้าเก่ง แม้แต่อาณาเขตเซียนเทพยังได้รับมาครอบครอง…”
มันหันศรีษะไปมองเมิ้งเหล่าทันควัน
“เมิ้งเซียน พวกเจ้าตามใจนางเกินไปแล้ว แม้แต่อาณาเขตเซียนเทพนี้ ก็ยังยินยอมมอบมันให้นางด้วยความเต็มใจ!”
เมิ้งเหล่าหัวเราะลั่น
“นั่นคืออาณาเขตเซียนเทพของนาง! เหตุใดจะให้นางไม่ได้!”
…………….