ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1522 ตอบโต้
ตอนที่ 1522 ตอบโต้
…………….
โหมวเหยาที่อยู่ตรงกลาง ถูกม่านเพลิงผืนนั้นกลืนหายเข้าไปในบัดดล!
เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุของดวงไฟที่กำลังลุกไหม้สุกสกาวเหล่านั้น ในใจของโหมวเหยาพลันรู้สึกไม่สู้ดี และรีบสะบัดหางเพื่อดับไฟพัลวัน
แต่นี่คือเพลิงที่ถูกอาณาเขตเซียนเทพของฉู่หลิวเยว่แปรสภาพแล้ว สิ่งที่เผาไหม้นั้นไม่ใช่ไฟ หากแต่เป็นพลังปราณอันทรงพลัง!
อีกทั้งยังมีประกายไฟมากมายที่กระจัดกระจายอย่างหนาแน่นโดยรอบ ทำให้โหมวเหยามิอาจหลบเลี่ยงพวกมันได้เลย!
ประกายไฟตกลงบนเกร็ดของมันและทิ้งรอยดำไว้อย่างรวดเร็ว!
โหมวเหยาทั้งโกรธเกรี้ยวและรำคาญ อาณาเขตเซียนเทพนี้ช่างพิลึกพิลั่น! แม้แต่เกล็ดของมันยังถูกเผา!
แต่ไม่นาน โหมวเหยาก็ไม่มีเวลาให้คิดเรื่องนี้แล้ว
นั่นเพราะมันพบว่าทั้งร่างของตัวเอง ได้ถูกเปลวเพลิงล้อมไว้ทั้งตัวแล้ว!
ไม่มีทางหนีอีกต่อไป!
…
โหมวเหยาถูกขังไว้ในทะเลเพลิง ผู้คนด้านนอกแทบจะมองไม่เห็นเหตุการณ์ภายใน โหมวเหยากวัดแกว่งหางของมันและดิ้นรนอย่างดุเดือด ราวกับต้องการหลบหนีเสียให้ได้ แต่น่าเสียดายที่ทุกทิศทางล้วนถูกปิดกั้น ต่อให้มันคิดอยากจะออกไปเพียงใด ก็สายเกินไปแล้ว
และยิ่งเวลาล่วงเลยไป ทะเลเพลิงก็ยิ่งหดตัวลงทีละน้อย
หมายรัดร่างของโหมวเหยาไว้! ไม่ให้หลุดรอดไปได้!
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของนาง
นานแล้วที่นางไม่ได้ใช้อาณาเขตเซียนเทพของตัวเอง และกลัวว่านางจะไม่ชินกับการทำงานของมัน
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้ว
บวกกับการที่นางเพิ่งทำลายทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทอง และทะลวงจนกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงเมื่อครู่ก่อน ทำให้ตอนนี้อาการบาดเจ็บภายในและภายนอกร่างกายของนาง กำลังฟื้นตัวด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
และนั่นทำให้นางสบายใจขึ้นไม่น้อย
นางผ่านช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสียงตายมาเนิ่นนาน ระหว่างทางนั้นมีแต่ความเจ็บปวดอันไร้ความปรานี โชคดีที่ในที่สุดความยากลำบากทั้งหมดที่ฝ่าฟันมานั้น กำลังจะได้รับรางวัลของมัน
ทุกสิ่งที่เป็นของนาง… กลับคืนมาอีกครั้ง!
…
ทุกคนจ้องมองภาพนั้นด้วยความตะลึงพรึงเพลิด และมีบางคนตกใจจนยังดึงสติกลับมาไม่ได้
นี่… ซั่งกวนเยว่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้งั้นหรือ!?
นางไม่เพียงแต่ฉวยกระบวนท่าที่สามของโหมวเหยามาใช้เท่านั้น แต่ยังโจมตีอีกฝ่ายกลับด้วย!
เมื่อมองดูร่างขนาดใหญ่ที่กำลังดิ้นรนอย่างเจ็บปวดในทะเลเพลิง หลายคนที่มองอยู่ก็พลันตากระตุกเบาๆ
ครั้นลองคิดดูว่าไม่นานมานี้ บุคคลผู้นี้ได้แสดงท่าทีหยิ่งผยองและต้องการปลิดชีพซั่งกวนเยว่
แต่เพียงพริบตา เขากลับตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้…
คิดแล้วก็ช่างหน้าขันจริงๆ!
ผิดจากก่อนหน้าที่ทุกคนต่างคิดว่าฉู่หลิวเยว่คงถึงฆาตเสียแล้ว!
ทว่าตอนนี้ เด็กสาวผู้นั้นยังคงยืนหยัดอยู่ตรงนั้น เพียงแต่… ทะลวงจากระดับเก้าขั้นกลางแบบไม่หยุดพัก จนขึ้นสู้ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงได้!
โดยรวมแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภาพที่มิอาจละสายตาได้ ถึงจะเห็นมันด้วยตาเนื้อตัวเอง แต่ก็มีหลายคนที่ยังตกใจไม่หาย
แม้แต่พวกของมู่หงอวี่และหลินจือเฟยในยามนี้ ก็ยังทำหน้าตาตื่นตกใจกันให้ทั่ว
เห็นได้ชัดว่าสิ่งต่างๆ นั้นพัฒนาจนเกินความคาดหมายของพวกเขา
ท่ามกลางความเงียบงัน ใครบางคนโพล่งขึ้นมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้
“… ยามมองไปที่อาณาเขตเซียนเทพของซั่งกวนเยว่ ไยข้าจักรู้สึกคุ้นตาเช่นนี้กันนะ?”
หลัวซือซือหันศีรษะไปมองด้วยความฉงน
หลัวเยี่ยนหลินจ้องมองทะเลเพลิงสีแดงเหลือบเงินบนท้องนภาอย่างไม่ละสายตา พลันขมวดคิ้วฉับ
ทันใดนั้น ก็เหมือนว่าเขาจะนึกถึงอันใดบางอย่าง ก่อนจะถามว่า
“ซือซือ เจ้าว่านางชื่อซั่งกวนเยว่หรือ?”
หลัวซือซือพยักหน้าหงึกหงัก
“ใช่แล้ว! ตอนนั้นที่เมืองฝางโจว นางเป็นคนบอกความจริงและยอมรับมันต่อหน้าทุกคนด้วยตัวเอง ว่ากันว่านางเป็นลูกหลานที่บรรพบุรุษตระกูลซั่งกวนรักใคร่ยิ่งนัก และตอนที่อยู่ในบุพกาลชายแดนเหนือ นางก็…”
“เขียนด้วยเยว่ตัวใดหรือ?”
หลัวเยี่ยนหมิงถามอีกครั้ง
หลัวซือซือแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็ยังส่ายหัวตอบเขาไป
“เรื่องนั้นพวกข้าไม่รู้”
นางบอกเพียงนามของตน แต่มิได้บอกว่าตัวอักษรใด คนนอกจึงมิอาจรู้ได้
“พี่สี่เจ้าคะ เรื่องนี้สำคัญมากเลยหรือ?”
หลัวซือซือชะงักไปนิด ก่อนจะถามอย่างลังเล
แต่หลัวเยี่ยนหมิงมิได้พูดอันใดต่อ
เขาเอี้ยวตัวกลับไปมองเพียงเสี้ยวหนึ่ง และเงยหน้าขึ้นมอง
ที่หอระฆังบูรพกษัตริย์ กำแพงหินนิลยังคงมืดสนิท
เขาจ้องมองผนังด้านบนอยู่นานพักใหญ่ แล้วค่อยดึงสายตากลับมา
…
ฉู่หลิวเยว่ลดสายตามองต่ำ
พลังปราณสายหนึ่ง พุ่งออกมาจากฝ่ามือของนาง
ถวนจื่อและจื่อเฉินที่ก่อนหน้านี้โดนซัดร่วงลงกับพื้น และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้นานนับหลายเพลา ในยามที่ฉู่หลิวเยว่บุกทะลวงขั้นพลังปราณ ร่างกายของพวกมันเองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย อาการบาดเจ็บตามตัวพลันฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของฉู่หลิวเยว่ อสูรทั้งสองก็ยืดตัวขึ้นแล้วบินมาอยู่ด้านหน้าฉู่หลิวเยว่
ถวนจื่อผงกหัวขึ้นมา พลางกระพือปีกเข้าใกล้มากขึ้น
แต่แค่กางปีกได้ครึ่งทาง ปีกนั่นก็ร่วงหล่นลงมาอีก
ตอนนั้นเองที่ฉู่หลิวเยว่เห็นว่าปีกของมันหักไปครึ่งหนึ่ง และมีรอยขีดข่วนยาวกระจายไปทั่วตัวมัน
เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดจนน่าตกใจ
หงส์ทองคำคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล ความแข็งแกร่งทางกายภาพของมันทรงพลังยิ่งกว่าอื่นใด
การจะทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้ นอกจากไท่ซวีเฟิ่งหลงแล้ว ก็ไม่น่ามีสิ่งใดทำได้อีก
ร่องรอยความเย็นชาแวบผ่านดวงตาของฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดบาดแผลของถวนจื่อเบาๆ
พลังอันอ่อนโยนและมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของถวนจื่อ
มันฝืนตัวเอียงศีรษะถูไถหลังมือของฉู่หลิวเยว่อย่างพออกพอใจ ดวงตาเรียวรีสุกใส
แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็ยังแสดงท่าทีสดใสออกมาอยู่เสมอ
ยามเห็นฉู่หลิวเยว่ทะลวงขึ้นสู่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงได้ในตอนนี้ ในใจของมันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง จนลืมเหตุการณ์เลวร้ายก่อนหน้านี้ไปเสียหมด และไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองเลยสักนิด
ฉู่หลิวเยว่พลันโล่งอก เมื่อเห็นว่าถึงมันจะเคลื่อนไหวลำบาก แต่ก็ยังดูมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น
หลังจากรักษาบาดแผลของถวนจื่ออย่างละเอียดดีแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็หันไปมองจื่อเฉินที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
อาการบาดเจ็บของมันสาหัสกว่าถวนจื่อมาก
แม้ในปัจจุบันความแข็งแกร่งของมันกับถวนจื่อจะไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าใด แต่เพราะในตัวของมันมีกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงฝังอยู่สองชิ้น โหมวเหยาจึงโจมตีใส่มันรุนแรงกว่าปกติหลายเท่า
อีกอย่าง พลังแห่งสายเลือดของจื่อเฉินนั้นยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล ฉะนั้นมันจึงยังสัมผัสได้ถึงเจ็บปวดอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
ปีกทั้งสองข้างหัก ส่วนอื่นของร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย พลังวิญญาณของมันอ่อนแรง ลมหายใจแผ่วลงเรื่อยๆ ราวใกล้ตาย
หากมิใช่เพราะการทะลวงของฉู่หลิวเยว่ ก็เกรงว่ามันคงมิอาจยื้อชีวิตได้นานเพียงนี้
โชคดีที่กระดูกปีกของไท่ซวีเฟิ่งหลงที่ฝังอยู่ในกายมันสองชิ้น ไม่ได้รับความเสียหายอันใด
ฉู่หลิวเยว่คิดในใจ
มิเช่นนั้นคงต้องหาคู่ใหม่ และนั่นคงลำบากมาก
หลังจากได้ใช้กระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงแล้ว ต่อให้มองหาสิ่งอื่นมาทดแทน ก็ไม่ถูกใจนางเท่ากระดูกสองชิ้นนี้
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ก่อนจะรีบรักษาบาดแผลให้มันทันที แล้วเรียกมันกลับมา
ด้วยพลังในการรักษาของนาง ทำให้อสูรทั้งสองฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิมมาก
หลังจากตรวจดูสภาพของทั้งสองตัวแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เบนสายตาไปมองไปอีกทางหนึ่ง
พรึบ!
หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์พุ่งผ่านอากาศจนเกิดเส้นโค้งที่สวยงามสมบูรณ์ และกลับมาหานางอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่สัมผัสสิ่งของในมืออยู่สักพัก และสุดท้ายก็เลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อน
หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็มองขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง
ขณะนี้ ร่างกายของโหมวเหยาเต็มไปด้วยรอยแผล มันถูกโจมตีและเจ็บปวดทรมานเจ็บปวดจนมิอาจสาธยายได้
บางครั้ง ทุกคนก็แอบได้ยินเสียงคำรามอันเจ็บปวดของมังกรดังขึ้นเป็นระลอก
ที่ด้านนอกค่ายกล ทายาทรุ่นเยาว์เหล่านั้นของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงมองไม่เห็นภาพนี้ เนิ่นนานกว่าพวกมันจึงเรียกสติกลับมาได้
พวกมันทั้งตกใจ ตื่นตระหนก และโกรธเกรี้ยว!
“ซั่งกวนเยว่! เจ้าอยากลองดีกับเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงของเราจริงๆ ใช่หรือไม่!?”
…………….