ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1516 ต่อสู้กับสวรรค์
ตอนที่ 1516 ต่อสู้กับสวรรค์
…………….
“ไม่เจียมตนเอง!”
โหมวเหยายืนอยู่กลางอากาศแล้วแค่นหัวเราะออกมายังอดไม่ได้
เขาทั้งตกใจและประหลาดใจ
มันใช้พลังแห่งสายเลือดเพื่อฆ่าซั่งกวนเยว่อย่างไม่เสียดาย!
แต่คิดไม่ถึงว่าตอนที่เขากำลังจะลงมือ นางกลับอันเชิญทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์มา!
เมื่อมองไปยังการเคลื่อนไหวที่น่าหวาดกลัวเหนือน่านฟ้า แววตาของโหมวเหยาก็มีประกายเย็นชาปรากฏ
ต่อให้มันแข็งแกร่งกว่านี้ มันก็ยังต้องเดินอยู่ใต้ท้องฟ้า
ทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ฟาดลงมาดั่งเช่นวันนี้ มันไม่สามารถต้านทานได้ ทำได้เพียงยืนมองอยู่ด้านข้างเท่านั้น
แม้ว่าเดิมทีมันจะควบคุมพลังแห่งสวรรค์และโลกเอาไว้ แต่ภายในตอนนี้มันก็หลุดพ้นจากการพันธนาการของเขาแล้ว และไปรวมตัวอยู่กับทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้น
แต่ว่ามันก็ไม่ได้สำคัญอันใด
พลังทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับมัน มีแต่จะแข็งแกร่งกว่า!
ซั่งกวนเยว่เหมือนกับลูกธนูที่สุดแรงบิน ไม่ต้องพูดถึงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทองเหล่านั้น เพียงแค่ทัณฑ์สวรรค์สายเดียว เกรงว่าจะไม่สามารถต้านทานได้แล้ว!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้โหมวเหยาก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก หลังจากชื่นชมสีหน้าของซั่งกวนจิ้งและคนอื่นๆ อยู่สักพัก จากนั้นเขาก็เริ่มรอคอยอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์
แม้ว่ากระบวนท่าที่สาม เขาจะออกไปเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น แต่ขอเพียงผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่เขาต้องการ เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้มันรู้สึกประหลาดใจ นั่นก็คือหรงซิว
ตั้งแต่เมื่อครู่นี้ คนอื่นล้วนกำลังเป็นห่วงซั่งกวนเยว่ ซั่งกวนจิ้งและคนอื่นๆ แทบอยากจะเข้ามาแบกรับเรื่องนี้ด้วยตนเองอย่างอดทนไม่ไหว
มีเพียงหรงซิวคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
และเขายังคงหลับตาตามเดิม
เปลวไฟสีทองที่ปลายนิ้วชี้ยังคงสุกสว่าง ลุกโชน โชติช่วงเช่นเดิม
ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
ลำแสงจางๆ สะท้อนเข้าที่ใบหน้าของหรงซิว ครึ่งหนึ่งสว่างครึ่งหนึ่งมืดมิด
ใบหน้าดูชั่วร้ายแต่ราบเรียบ
โหมวเหยามองอยู่สักพักแต่ไม่สามารถคาดเดาอันใดได้ ดังนั้นจึงถอนสายตากลับมา
หรงซิวยืนนิ่งอยู่กลางอากาศราวกับถูกแช่แข็ง
ลมพายุรอบข้างหมุนพัดขึ้น ทำให้เสื้อผ้าของเขาปลิวไสว ส่งเสียงดังพึ่บพั่บ
ท่ามกลางเปลวไฟที่อยู่บริเวณปลายนิ้วชี้ คล้ายมีแสงสีดำปรากฏขึ้น แต่ก็คล้ายไม่มี!
…
เปรี้ยง! ทัณฑ์สวรรค์สายแรกแฝงไปด้วยลมปราณที่น่าตกใจ และผ่าลงที่กลางตาน้ำอย่างรุนแรง!
ในตอนนั้นเองน้ำแร่ก็สาดกระเซ็นไปทั่ว!
ทั่วทั้งฟ้าดินมีความเงียบเข้าปกคลุม
สายตาของคนแทบจะทุกคน หันมองทางนั้นเป็นตาเดียว
เสียงในจัตุรัสชิงหมิงเริ่มดังขึ้นจากการกระซิบกระซาบ
“ทัณฑ์… ทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาแล้ว ถ้าไม่ตายก็คงพิการละมั้ง? ก่อนหน้านี้นางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เดิมทีเหลือเพียงลมหายใจรวยริน จะได้รับการโจมตีนี้ได้อย่างใด?”
“ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น!”
“แต่ว่าน่าเสียดายจริงๆ นางมีพรสวรรค์สูงมาก! อีกทั้งยังทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์สองตัว! ถ้าวันนี้ไม่เกิดเรื่องขึ้นละก็ อนาคตของนางจะต้องสดใสแน่นอน! เฮ้อ…”
“แต่นางจะรอดได้อย่างใด นางดันอัญเชิญทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์มาอย่างกะทันหัน! หรือว่านางอยากจะสู้อย่างเต็มกำลัง? ท้ายที่สุดแล้วหากนางสามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพได้ ไม่แน่ว่านางอาจจะรับการโจมตีกระบวนท่าที่สามของโหมวเหยาได้ก็ได้…”
“แต่นางเพิ่งจะอยู่ระดับเก้าขั้นกลาง! หากเป็นระดับเก้าขั้นสูงสุด ก็ยังจะพอเข้าใจได้ แต่ก้าวข้ามขั้นใหญ่ขนาดนี้ และจะทะลวงด่านไปสู่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพเลยหรือ? เด็กอายุสามขวบก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้!”
“แต่ถึงอยู่ในระดับเก้าขั้นสูงสุดก็ไม่มีประโยชน์ ไท่ซวีเฟิ่งหลงใช้พลังแห่งสายเลือดแล้ว พลังแห่งสวรรค์และโลกถูกเขาควบคุมเอาไว้จนสิ้น นอกเสียจากจะสามารถทะลวงด่านผู้แข็งแกร่งระดับเทพได้จริงๆ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างก็สูญเปล่า”
“อาจจะเป็นเพราะถูกบีบบังคับจนไม่เหลือหนทางแล้วละมั้ง…”
ท่าทางของทุกคนต่างกันออกไป แต่จุดจบของเรื่องนี้พวกเขาก็เข้าใจในความหมายเดียวกัน
… ครั้งนี้ชีวิตของซั่งกวนเยว่จบแล้วจริงๆ!
…
ทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาในตาน้ำ หลังจากการโจมตีที่ดุเดือด ความสงบก็ค่อยๆ กลับคืนมา
เมื่อเห็นว่าผิวน้ำกลับมาสงบอีกครั้ง ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน
นี่มัน…
นางล่ะ?
ไม่ว่านางจะได้รับบาดเจ็บหรือ… เหตุใดถึงไม่มีการเคลื่อนไหวอันใดขึ้นมาเลยล่ะ?
เมื่อมองไปแล้วก็เห็นว่า ทัณฑ์สวรรค์เหมือนถูกตาน้ำกินลงไปจนหมดสิ้น
ผู้อาวุโสวั่นเจิงรีบหยิบตราหยกของตนเองขึ้นมาดู
ในตอนแรกเขาเคยให้ฉู่หลิวเยว่ใส่ลมปราณเอาไว้ในตราหยกแผ่นนี้ เพื่อจะได้สะดวกต่อการติดต่อนาง ตอนนี้กลายเป็นวิธีเดียวที่สามารถทราบความเป็นความตายของนางได้
ขอเพียงมีลมปราณสักสายเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็จะสามารถระงับความไม่สบายใจที่อยู่ภายใน และรอคอยต่อไปได้
แต่เมื่อเป็นช่วงเวลาเช่นนี้ เขาไม่สามารถรอคอยได้นานนัก
เพราะทัณฑ์สวรรค์สายที่สองกำลังจะผ่าตามลงมาติดๆ!
หลังจากนั้นคือ สายที่สาม! สายที่สี่!
…
จนกระทั่ง… ทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาหลายครั้ง!
เมื่อมองจากที่ระยะไกล ก็ทำให้คนรู้สึกสงสัยอย่างยิ่ง ภายในตาน้ำเล็กๆ แห่งนั้น จะสามารถรับทัณฑ์สวรรค์จำนวนมากขนาดนั้นได้อย่างใด และยังไม่มีวี่แววที่จะพังทลายเลยแม้แต่น้อย!
ก้อนหินที่อยู่ด้านข้างตาน้ำ มีรอยขีดข่วนอยู่หลายรอย แต่มันกลับไม่เคยแตก
ในทางตรงกันข้ามพื้นดินที่อยู่บริเวณโดยรอบ เหมือนกับไม่สามารถทนรับแรงระเบิดจากพลังที่น่าหวาดกลัวเหล่านี้ได้อีกแล้ว จนปรากฏรอยแตกร้าว
รอยแตกร้าวเหมือนกับใยแมงมุม ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก!
ซั่งกวนจิ้งรู้สึกปวดใจจนทนไม่ไหว และในตอนนั้นก็ไม่สามารถอดทนได้อีก เขาจึงเงยหน้าขึ้น
ทะเลอัสนีบาตที่อยู่เหนือน่านฟ้า ยังคงมีแสงแสบตาอยู่เช่นเดิม และจำนวนทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่ในนั้นเหมือนจะไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย
…และเห็นได้ชัดว่ามันมีจำนวนมากกว่าเก่าเสียอีก!
ซั่งกวนจิ้งได้กลิ่นคาวสนิมเหล็กในปากของเขา
ถ้าเป็นในเวลาปกติ ฉู่หลิวเยว่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับครึ่งเทพ และทดลองทะลวงสู่ระดับเทพขั้นสูง การที่อัญเชิญทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาเช่นนี้ได้จะต้องทำให้ทุกคนตกใจ และยินดีอย่างบ้าคลั่งแน่นอน
เพราะนั่นหมายความว่าประสิทธิภาพของการบำเพ็ญเพียรของนางนั้นไม่มีขีดจำกัด!
โดยเฉพาะ… ทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทอง!
เขาเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วมาหลายปี สิ่งนี้เขาได้ยินในตำนานเท่านั้น
ผู้ที่สามารถอัญเชิญทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทองมีแต่อัจฉริยะชั้นนำของโลกใบนี้!
แต่ตอนนี้… นางเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับเก้าขั้นกลางเท่านั้น!
…
เมื่อเวลาหมุนผ่านไป เสียงซุบซิบวุ่นวายก็ค่อยๆ จางหาย
ทัณฑ์สวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนผ่าลงมาที่ตาน้ำ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบมันไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลย
แต่นี่มันก็ชัดเจนจนไม่ต้องพูดแล้วไม่ใช่หรือ!
โหมวเหยาหัวเราะเยาะเย้ย
“ซั่งกวนจิ้ง ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นคนหัวขาวส่งคนหัวดำ…”
พรึ่บ!
เขายังไม่ทันได้พูดจบประโยค!
ภายในตาน้ำก็มีเงาสายหนึ่งพุ่งตัวออกมา!
…………….