ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1513 ตัดหนทางถอยก่อ
ตอนที่ 1513 ตัดหนทางถอยก่อน
…………….
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเพียงแค่ว่ากระดูก กล้ามเนื้อ และเลือดในร่างกายของนางถูกบดขยี้เหมือนจะแหลกละเอียด!
ความเจ็บปวดแผ่กระจายไปทั่วร่าง ทำให้ตรงหน้านางมืดดำลงไป!
นางกัดฟันกรอด และโคจรพลังดั้งเดิมภายในร่างกายตนเองอย่างสุดกำลัง เพื่อต้านทานการโจมตีที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและน่าหวาดกลัวนี้
อย่างใดก็ตาม นางก็กำลังอยู่ภายในอาณาเซียนเทพที่อีกฝ่ายควบคุมอย่างสมบูรณ์ เดิมทีก็ได้รับแรงกดดันมากอยู่แล้ว
นางไม่สามารถโคจรพลังดั้งเดิมที่อยู่ภายในร่างกายได้เลยแม้แต่น้อย
อีกทั้งการรับการโจมตีสองกระบวนท่าก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกเต็มกลืนมากแล้ว
ตอนนี้พลังดั้งเดิมภายในร่างกายของนางแห้งขอด จึงไม่สามารถดึงพลังออกมารับมือกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ได้เลย!
ร่างกายของฉู่หลิวเยว่เริ่มสั่นสะท้านเล็กน้อย!
ภายในเวลาเพียงครู่เดียว แต่นางแทบจะไม่สามารถถือกระบี่ชื่อเซียวและโล่สีดำได้อีกแล้ว
นางอาศัยเพียงความแน่วแน่เฮือกสุดท้าย ยึดมั่นและประคองเอาไว้
ในตอนนั้นเองไข่มุกโลหิตสีม่วงทองเม็ดหนึ่ง ลอยออกมาจากกลางหน้าผากของโหมวเหยาอย่างกะทันหัน!
ไข่มุกโลหิตเม็ดนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าของมัน หลังจากนั้นไม่นานก็ควบแน่นกลายเป็นสัญลักษณ์แปลกประหลาดรูปหนึ่ง!
… ซึ่งมันคือสัญลักษณ์ของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง!
สัญลักษณ์นั้นส่องแสงสว่าง บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
ฉู่หลิวเยว่เพียงแค่เหลือบสายตามองเล็กน้อย นางก็รู้สึกว่าดวงตาทั้งคู่นั้นแสบร้อนอย่างยิ่ง!
แรงกดดันที่น่าตกใจนั้น เหมือนว่าจะสามารถแปลงร่างเป็นกระบี่ที่จับต้องได้และแหลมคมอย่างยิ่ง!
ฉู่หลิวเยว่เบือนหน้าออกไปเล็กน้อย เบนสายตาออกไป
บนร่างกายของนางเริ่มมีปากแผลที่แตกออกจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เลือดที่ไหลออกมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของนางจนแดงฉาน
ระหว่างฟ้าดิน คือความว่างเปล่าและความเงียบงัน
อย่างใดก็ตามบรรยากาศที่เงียบเชียบและกดดัน แทบจะทำให้ผู้คนเป็นบ้า!
เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว ฉู่หลิวเยว่ก็กลายเป็นมนุษย์เลือด
ในช่วงเวลาหนึ่งนางรู้สึกคันที่ใบหน้าจึงใช้หลังมือเช็ดอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะเลียมันและพบว่ามีกลิ่นคาวและหวาน
มันคือเลือด
หลังมือของนางก็มีเลือด
สีแดงนั้นสดแสบตา มันกระตุ้นทำให้ขมับของฉู่หลิวเยว่เต้นตุบๆ อย่างบ้าคลั่ง
พลังดั้งเดิมภายในตันเถียนก็ไหลออกไปอย่างต่อเนื่อง
มีเพียงไข่มุกธาราเม็ดนั้นเท่านั้น ที่ลอยอยู่อย่างสงบนิ่ง เหมือนว่าจะแข็งตัวไปแล้ว
จะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้…
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
ในวินาทีต่อมา นางก็เงยหน้าขึ้น แล้วหันไปมองทางโหมวเหยาอีกครั้ง
ระยะห่างสำหรับพวกเขานับว่าไม่ไกลกัน
ดังนั้นโหมวเหยาจึงสามารถสังเกตเห็นสายตาของฉู่หลิวเยว่ได้ในทันที
มันหันไปมองด้วยสายตาแช่แข็ง เดิมทีมันคิดว่าจะได้เห็นสายตาอ้อนวอนร้องขอชีวิตและความสิ้นหวังจากใบหน้าของฉู่หลิวเยว่
แต่ที่ทำให้มันผิดหวังเลยก็คือ สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ราบเรียบเป็นอย่างมาก
ไม่เช็ดเลือดที่เพิ่มขึ้นบนใบหน้าของนางอีกต่อไปแล้ว จึงทำให้นางดูจนตรอกและเศร้าหมองเป็นพิเศษ
ท่ามกลางเลือดจำนวนมากที่ทำให้ผู้คนตกใจ มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ดำขลับราวกับราตรีไม่มีรุ่งอรุณ
แต่สีนั้นเป็นสีที่ดำมืดมากที่สุดในยามราตรี แต่กลับซ่อนประกายดวงดาราที่สุกสกาวเอาไว้ภายใน
ไม่รู้ว่าเหตุใด หัวใจของโหมวเหยาจึงเต้นแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
คนที่จวนเจียนจะตายจะมีสายตาเช่นนี้ได้อย่างใด?
ดังนั้นต้องรีบจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด!
ความคิดนี้ปรากฏขึ้นมาในสมองของมันอย่างรวดเร็ว!
วินาทีถัดมา โหมวเหยาก็ยกหัวมังกรขึ้น แล้วคำรามเสียงก้องฟ้า!
“โฮก…”
พลังฟ้าดินที่อยู่โดยรอบ เหมือนถูกมืออันไร้รูปร่างควบคุมอย่างกะทันหัน มันควบแน่นอย่างรวดเร็วแล้วกลายเป็นแส้ยาวสีม่วงทองจางๆ แล้วสะบัดใส่ทางฉู่หลิวเยว่!
พรึ่บ!
เสียงแหวกอากาศดังแสบแก้วหู!
คาดไม่ถึงว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์จะถูกแส้อันนี้โยนทิ้งออกไปจริงๆ!
หน้าอกของฉู่หลิวเยว่สั่นสะท้าน นางกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ ลมปราณแผ่วบางลงอย่างรวดเร็ว!
พลังดั้งเดิมภายในร่างกายของนางเหลือไม่มากแล้ว จึงไม่สามารถควบคุมหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ได้อีกแล้ว แต่หากคิดจะโคจรพลังอีกครั้ง กลับกลายเป็นเรื่องยากราวกับขึ้นสวรรค์
“แย่แล้ว! พลังดั้งเดิมภายในร่างกายของนางหมดลงแล้ว อีกทั้งพลังสวรรค์และโลกที่อยู่รอบข้าง ก็ถูกโหมวเหยานำไปใช้จนหมด! หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่า…”
สีหน้าของซั่งกวนจิ้งตึงเครียดเป็นอย่างมาก หัวใจเหมือนถูกอันใดมาบีบรัด แม้กระทั่งจะหายใจก็ยังรู้สึกลำบาก
หากสามารถเปลี่ยนกันได้ เขายินยอมที่จะรับความทรมานแทนฉู่หลิวเยว่ทั้งหมด!
เขาเพิ่งจะปลุกร่างศักดิ์สิทธิ์กลับมาได้ไม่นาน หลังจากนั้นก็รีบเดินทางมายังสำนักหลิงเซียวโดยไม่หยุดพัก นั่นคือสภาพร่างกายของเขาจึงไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด
ในทางกลับกันโหมวเหยาฝึกฝนบำเพ็ญเพียรมาหลายปี ออกเพียงกระบวนท่าเดียว แน่นอนว่าแข็งแกร่งกว่าเขาตั้งไม่รู้กี่เท่า!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโหมวเหยาที่ตอนนี้เริ่มโคจรพลังแห่งสายเลือดแล้ว ต่อให้คนด้านนอกอยากจะยื่นมือเข้าไปช่วย เดิมทีก็เป็นเรื่องยากราวกับขึ้นสวรรค์!
ในตอนนั้นทุกคนที่ยืนอยู่บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบ
มู่หงอวี่ดวงตาแดงก่ำ
หลินจือเฟยค่อยๆ กำหมัดแน่นขึ้น
หลัวซือซือหันหน้าไปทางอื่น ใบหน้าเศร้าหมอง
ยังมีบางคนที่หันมองไปทางหรงซิวโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่เป็นตายยากคาดเดา เหตุใดเขาถึงยังไม่ลงมืออีกล่ะ?
…
หรงซิวหลับตาลง
ผู้อาวุโสวั่นเจิงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้น
ในตอนที่เขากำลังจะพูดขึ้น ทันใดนั้นเขากลับเห็นว่ากลางหน้าผากของหรงซิวปรากฏแสงสีทองออกมา!
สัญลักษณ์ที่แปลกประหลาด เกิดการรวมตัวอย่างรวดเร็ว!
เสื้อคลุมของหรงซิวปลิวไสวแม้ไม่มีลม
ลมปราณที่ไร้รูปร่างสายหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเขาอย่างกะทันหัน!
ผู้อาวุโสวั่นเจิงตกใจเป็นอย่างมาก ถอยหลังลงไปสองก้าวอย่างไม่ได้ตั้งตัว
หรงซิวในตอนนี้ เหมือนว่า…จะมีอันใดแปลกไปเล็กน้อย!
อีกทั้งท่ามกลางความคลุมเครือ เหมือนว่าได้ซ่อนความอันตรายเอาไว้ด้วย!
หรงซิวยกมือขึ้น
นิ้วยาวเรียวขาว ข้อนิ้วเห็นได้ชัดเจน
พรึ่บ!
ทันใดนั้นเองเปลวเพลิงสีทองปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วชี้ของเขาอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังกระโดดไปมาเหมือนกับดวงวิญญาณ!
แสงสีดำวูบไหวผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
และในตอนนั้นเอง!
แส้ยาวอันนั้นได้ลอยแหวกผ่านอากาศ ก่อนจะกระทบกับโล่สีดำของฉู่หลิวเยว่อย่างรุนแรง!
ตู้ม!
ฉู่หลิวเยว่ได้รับการโจมตีที่น่าหวาดกลัว!
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงแตกสลายไปในทันที! กลายเป็นแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน พร้อมลอยกระจายออกไปสี่ทิศแปดทาง!
นางกระชับโล่สีดำที่อยู่ในมือแน่น ในตอนนั้นแขนก็รู้สึกชาหนึบ
วินาทีต่อมาร่างกายของนางก็ถูกพลังที่น่ากลัวพัดลอยกระเด็นออกไป! ก่อนจะตกลงที่พื้นอย่างแรง!
ตู้ม!
กร๊อบแกร๊บ…
ฉู่หลิวเยว่ตกลงไปในตาน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง!
น้ำแร่ทะลักทลายโอบล้อมทั้งสี่ด้านของนาง และกลืนกินร่างกายของนางไปในทันที! ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปแล้ว!
ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้นก็ตกตะลึงไปอย่างยิ่ง
หลังจากความเงียบครอบงำอยู่สักพัก เหนือน่านฟ้า ก็มีเมฆทะมึนลอยเข้ามา ทันใดนั้นทัณฑ์สวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น!
ในตอนนั้นเอง ฟ้าดินเกิดการสั่นสะเทือน!
“นี่… นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขมวดคิ้วเป็นปม แล้วมองขึ้นกลางท้องฟ้าด้วยความสับสน
ตู้ม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากอีกฝั่ง!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรีบหันกลับไปมอง และต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เขาเฝิงหมิน… เกิดระเบิดขึ้นหรือ?”
…………….