ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1510 เกล็ดมังกรสังหาร
ตอนที่ 1510 เกล็ดมังกรสังหาร
…………….
แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่ทันได้มองเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านี้
การโจมตีของเขาโหดเหี้ยมอย่างมาก ตรงหน้าของนางกลายเป็นสีดำสนิท แทบจะมองอันใดไม่เห็น
อวัยวะภายในเหมือนถูกบีบมากองรวมกันด้วยพลังที่มองไม่เห็น โดยไม่รู้ว่าพวกมันจะระเบิดขึ้นมาเมื่อไร!
เจ็บ!
เจ็บมาก!
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอด ส่งเสียงคำรามเพียงในหูของนางเอง
และทันใดนั้นเองภายในสมองของนางก็รู้สึกสับสนมึนงง
แต่สติสัมปชัญญะส่วนสุดท้ายของนาง ยังคงผูกติดกับโล่สีดำอันนั้นแน่น!
นางรู้ว่านี่คือฟางเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิตนางได้!
บรรยากาศรอบข้างเงียบไปในทันที
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจอันใดมากมายขนาดนั้น หลังจากที่นางสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย นางก็รีบหันกลับไปมองแขนซ้ายของตนเองอย่างรวดเร็ว
บนเกราะสีทองแดงปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นหลายรอย
ครึ่งแขนของนางมีรอยขีดข่วนเล็กๆ จำนวนมาก อีกทั้งยังมีเลือดไหลซิบๆ ออกมาด้วย
นี่เป็นเพราะพลังที่นางต้องต้านทานเมื่อครู่นี้รุนแรงและน่าหวาดกลัวมากเกินไป
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงช่วยกำจัดพลังส่วนใหญ่ออกไปแล้ว แต่พลังที่เหลือเหล่านี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่กายเนื้อของฉู่หลิวเยว่จะต้านทานได้
เหมือนว่ากระดูกของนางจะหักไป
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอด และหยิบโอสถจากแหวนเฉียนคุนออกมากินด้วยความรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็เปลี่ยนมือข้างที่ถือโล่
หากโดนโจมตีอีกครั้ง เกรงว่านางจะไม่สามารถรักษามือข้างนี้เอาไว้ได้แล้ว
ภายในริมฝีปากมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเข้มข้น ทำให้ฉู่หลิวเยว่หายใจไม่ออกและรู้สึกคลื่นไส้
นางกระอักเลือดออกมาหนึ่งครั้ง แล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะพูดอย่างช้าๆ ชัดๆ ว่า
“กระบวนท่าที่หนึ่ง ข้ารับเอาไว้ได้แล้ว! ผู้อาวุโสโหมวเหยา เชิญ!”
…
โหมวเหยามองมาที่นางด้วยความประหลาดใจ
ถ้าพูดให้ถูกต้องก็คือ เขากำลังมองโล่สีดำที่อยู่ตรงหน้าของนาง
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ามันอีกแล้ว ว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้แข็งแกร่งมากขนาดไหน!
อินทรีสามตากับหงส์ทองคำ ยังถูกเขาสะบัดออกไปได้อย่างง่ายดาย จนไม่มีแรงตอบโต้
แม้ว่าเขาจะสูญเสียพลังบางส่วนไปก่อนหน้านี้ แต่การฆ่าซั่งกวนเยว่นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก!
นางเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับเก้าขั้นกลางเท่านั้น!
แต่ในตอนนี้ ไม่เพียงนางจะยังไม่ตาย แต่ยังคงมีแรงเหลือที่จะยืนหยัดต่อไป!
และต้องการคำแนะนำจากกระบวนท่าที่สอง!
ในตอนแรกโหมวเหยารู้สึกว่ามันไร้สาระอย่างยิ่ง แต่หลังจากนั้นเขาก็มีความตกใจและสงสัยขึ้นมา!
เห็นได้ชัดว่าโล่สีดำอันนั้นมีปัญหา!
ขณะที่เขามองไปก็เห็นว่าโล่นี้เป็นเพียงแค่โล่เก่าๆ สึกๆ เท่านั้น ตอนนั้นเองใบหน้าของเขาก็มืดดำอย่างมาก
ด้านบนนั้นไม่มีลวดลายหรือสัญลักษณ์พิเศษ มีเพียงรอยดาบรอยกระบี่ที่ทิ้งเอาไว้เท่านั้น
ดูเหมือนว่ามันมีอายุแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น แต่รายละเอียดอื่นๆ โหมวเหยาจ้องมองอยู่นาน แต่ก็ยังไม่สามารถรู้ได้อยู่ดี
สิ่งนี้ทำให้มันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธ แต่หลายพันปีที่ผ่านมา มันเคยเห็นสมบัติและสิ่งของที่ไม่ธรรมดามาหลายชิ้น จึงสามารถมองออกได้เช่นกัน
แต่มันกลับดูไม่ออกเลยว่าโล่ชิ้นนี้มีที่มาที่ไปอย่างใด
…
กลุ่มคนที่อยู่รอบข้าง หลังจากเงียบไปสักพักหนึ่งแล้ว ก็ระเบิดความตื่นเต้นออกมา
“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่? คาดไม่ถึงว่าซั่งกวนเยว่จะสามารถรับการโจมตีกระบวนท่าที่หนึ่งของไท่ซวีเฟิ่งหลงได้!”
“แม้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บ แต่นางก็ยังคงสติเอาไว้ได้ ถ้าพูดอย่างชัดเจนก็หมายถึง นางสามารถรับการโจมตีได้แล้ว!”
“พระเจ้า… นางอยู่ระดับเก้าขั้นกลางจริงๆ ใช่หรือไม่? เหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้?”
“… ข้ากลับรู้สึกว่า ไม่ใช่นางที่แข็งแกร่ง แต่เป็นไพ่ไม้ตายของนางต่างหากที่แข็งแกร่ง! อินทรีสามตากับหงส์ทองคำตัวนั้น ช่วยขัดขวางพลังเป็นจำนวนไม่น้อย พลังที่ตกอยู่กับนางนั้นเหมือนว่าจะเหลือไม่เท่าไรแล้วละมั้ง…”
“เหอะ! เจ้าคิดว่าคนที่ลงมือคือใคร? ! เขาคือบุคคลสำคัญที่อยู่ในเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงนะ! การโจมตีนี้ หากเปลี่ยนเป็นเจ้าหรือข้า เกรงว่าจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีลอยไปตั้งนานแล้ว!”
“ข้า ข้าเองก็อยากจะพูดเช่นนั้น… นอกจากนี้ ความจริงแล้วสิ่งที่ข้าพูดนั้นถูกต้อง! ดังนั้นข้าว่าที่ซั่งกวนเยว่สามารถรับกระบวนท่านี้ได้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเพราะอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวนั้นคอยช่วยเหลือนางอยู่! แล้วก็โล่สีดำของนางนั้น คาดไม่ถึงว่าจะยังไม่แตก เกรงว่ามันจะต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน…”
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ถือว่านางสามารถรับกระบวนท่านี้ไปได้ แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ… เหลืออีกสองกระบวนท่า ควรจะทำอย่างใดดี!”
คนที่มีตาสามารถมองออกว่า อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวนั้นบาดเจ็บสาหัส และน่าจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้ว
ไม่มีพวกมันคอยช่วยเหลือ เกรงว่าซั่งกวนเยว่จะ…
…
“ดูไม่ออกเลยว่าเจ้ายังมีของวิเศษเช่นนี้ มิน่าล่ะเจ้าถึงมีความมั่นใจมาก”
โหมวเหยาพูดออกมาเสียงทุ้มต่ำ
“แต่ว่าน่าเสียดาย ตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับเก้าขั้นกลางเท่านั้น ไม่มีพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ พลังดั้งเดิมของเจ้าก็ถูกอาณาเขตเซียนเทพสะกดมันเอาไว้ ไม่สามารถโคจรได้ ต่อให้ต้องมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ แต่ก็ไม่สามารถแสดงพลังได้ พลังของมันจึงใช้ได้เพียงหนึ่งถึงสองส่วนจากสิบเท่านั้น”
โหมวเหยารู้สึกว่าไม่ควรประเมินโล่สีดำของฉู่หลิวเยว่นั้นต่ำเกินไป
แต่สำหรับม่านพลังสุดท้าย ก็ไม่ได้มีผลกระทบอันใดมากนัก
แม้ว่าโล่สีดำอันนั้นจะสามารถรับการโจมตีของมันได้ แต่หากพลังในร่างกายของนางแข็งแกร่งไม่มากพอ แม้กระทั่งเศษซากพลังที่เหลือนางก็ไม่สามารถต้านทานได้
และนี่การโจมตีเพียงครั้งเดียว
“ไม่มีการช่วยเหลือจากคนอื่นแล้ว ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะกำเริบเสิบสานได้ถึงเมื่อใด!”
โหมวเหยาพูดขึ้น ทันใดนั้นในร่างกายของเขาก็ระเบิดแสงสว่างออกมา!
“เกล็ดมังกรสังหาร!”
พรึ่บๆ!
ทันใดนั้นเกล็ดหลายแผ่นก็พุ่งออกไปอย่างพร้อมเพรียง! กลางอากาศมีลำแสงสว่างวาบผ่านไป ก่อนจะพุ่งตรงไปทางฉู่หลิวเยว่!
ทันใดนั้นเองร่างของนางก็ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดจำนวนมากอย่างมืดฟ้ามัวดิน!
หากมองไปเหนือท้องฟ้า ลำแสงสีม่วงทองเป็นจุดเล็กๆ ราวดวงดาราดาษดื่น สุกสกาวแหละงดงาม
แต่อย่างใดก็ตามจิตสังหารที่แฝงมาด้วยนั้นเข้มข้นจนทำให้ทุกคนต้องก้าวถอยหลังไป ภายในใจเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
ไม่ว่าเกล็ดเหล่านั้นจะผ่านไปที่ใด มิติจะถูกผ่าออก! เต็มไปด้วยแรงกดดัน!
หากโดนเกล็ดที่แหลมคมเหล่านั้นเข้า เกรงว่ากล้ามเนื้อจะฉีกขาดได้อย่างง่ายดาย!
ยิ่งไปกว่านั้นมันมีจำนวนมากขนาดนี้!
ซึ่งไม่ต่างไปจากทัณฑ์เลาะกระดูก!
ทุกคนที่ได้เห็นมันต่างรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ในครั้งนี้… โหมวเหยาเอาจริงแล้ว!
ก่อนหน้านี้โหมวเหยาไม่เคยเห็นฉู่หลิวเยว่อยู่ในสายตาเลย จึงโจมตีไปอย่างส่งๆ!
ใครจะรู้เล่าว่านางสามารถรับการโจมตีได้จริงๆ!
โหมวเหยารู้สึกอัปยศอดสูอย่างมาก ดังนั้นกระบวนท่าที่สอง จึงใช้ความคิดและฝีมือให้มากยิ่งขึ้น!
“ควรจะจบลงได้แล้ว!”
หลังจากเสียงตะโกนอันดังลั่น เงาร่างของฉู่หลิวเยว่ก็ถูกเกล็ดเหล่านั้นล้อมเอาไว้อย่างหนาแน่น!
…………….