ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1499 อันตรายร้ายแรง
ตอนที่ 1499 อันตรายร้ายแรง
…………….
ศิษย์และผู้อาวุโสมารวมตัวกันอยู่ที่จัตุรัสชิงหมิงอย่างต่อเนื่อง
คนจำนวนมากยังไม่รู้ว่าที่นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น พวกเขาล้วนมีสีหน้าสับสน
หลังจากคนจำนวนไม่น้อยมองไปยังหรงซิวและฉู่หลิวเยว่แล้ว พวกเจ้าก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
พวกเขารู้จักหรงซิว แต่แม่นางที่อยู่ด้านข้างนั้นเป็นใคร?
ดูแล้วอายุน่าจะประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี แม้เสื้อผ้าจะดูเรียบง่าย แต่ไม่สามารถซ่อนความสง่างามได้เลย
ใบหน้างดงามตรึงใจ ทั้งโดดเด่นและบริสุทธิ์
แค่เพียงนางยืนอยู่ตรงนั้น ความโดดเด่นทั้งหมดก็ถูกรวบรวมเอาไว้ในที่แห่งนั้น
บริเวณรอบข้างก็เหมือนหม่นแสงลงไปอย่างมาก
นอกจากนี้… หรงซิว!
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกุมมือกันอยู่ ท่าทางสนิทสนมชิดเชื้อ พวกเขาทุกคนก็รู้สึกตกตะลึงเหมือนถูกตบหน้า และมึนงงไปในทันที
นี่มัน…
หรงซิวทำตัวใกล้ชิดกับแม่นางคนนั้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
อีกทั้งแม่นางคนนี้ดูแล้วค่อนข้างคุ้นตาเลยทีเดียว?
ฉู่หลิวเยว่เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ผู้อาวุโสหลายท่านก็กำลังลังเลในตัวตนของนางอยู่ เขาไม่ได้สนใจเรื่องราวในสำนักด้วยซ้ำ
เรื่องภายในเมืองฝางโจวก็ยังไม่แพร่กระจายออกมา ดังนั้นที่พวกเขาไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติแล้ว
“หลิวเยว่!”
มู่หงอวี่เพิ่งออกมาจากหอระฆังบูรพกษัตริย์ได้ไม่นาน ก็ถูกเหล่าผู้อาวุโสเรียกมารวมตัวที่นี่แล้ว
แค่นางกวาดสายตามองก็เห็นฉู่หลิวเยว่และหรงซิวที่ยืนอยู่ตรงกลางแล้ว
ช่วยไม่ได้ พวกเขาเหมือนนกกระเรียนที่ยืนอยู่ในฝูงไก่ โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่หลิวเยว่ถูกดึงสติเพราะเสียงเรียกอันกระจ่างใสนี้ นางจึงเงยหน้าขึ้นมองมู่หงอวี่ พร้อมโบกไม้โบกมือให้นาง
คนที่อยู่รอบข้างก็หลีกทางให้ในทันที
มู่หงอวี่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยไร้สิ่งกีดขวาง
นานมากแล้วที่นางไม่ได้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของฉู่หลิวเยว่ อีกก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในเมืองฝางโจวก็ยังไม่ได้สนทนากันดีๆ ดังนั้นในตอนนี้จึงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
เดิมทีนางอยากจะกระโดดเข้าไปกอดฉู่หลิวเยว่โดยตรงด้วยซ้ำ แต่ยังไม่ทันได้ทำเช่นนั้น นางก็สามารถรับรู้ได้ถึงสายตาอันเย็นชาจากด้านข้างที่กวาดสายตามองนาง
มู่หงอวี่กระแอมไอหนึ่งเสียง ก่อนจะยืนอยู่ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่ด้วยความสุภาพ ไม่กล้าลงไม้ลงมือ
“หลิวเยว่ เหตุใดเจ้าไม่พักผ่อนให้ดีก่อนล่ะ?”
แม้กระทั่งเสื้อผ้านางที่อยู่บนร่างกายนางยังไม่มีเวลาเปลี่ยนเลยด้วยซ้ำ
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมา
“ที่นี่มีเรื่องนิดหน่อย ดังนั้นข้าจึงมา”
มู่หงอวี่จึงคิดว่า เมื่อครู่นี้นางก็ได้ยินเสียงดังสนั่นนั้นเช่นกัน นางพยักหน้าแล้ว มองไปทางเขาหมื่นเมรัย
“พวกเราก็เช่นกัน เหล่าผู้อาวุโสรีบให้พวกเรามาอยู่ที่นี่ แต่พวกเราไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
นางเพิ่งเข้าสำนักมาได้ไม่นาน ดังนั้นจึงไม่รู้สถานการณ์ต่างๆ ภายในสำนักอย่างชัดเจน
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
“พวกเรารออยู่ที่นี่ก่อนเถอะ เหล่าผู้อาวุโสน่าจะจัดการได้”
มู่หงอวี่พยักหน้าโดยไม่สงสัย
ส่วนอีกด้านหนึ่ง หลัวซือซือ หลัวเยี่ยนหลิน และคนอื่นๆ ก็ล้วนมาที่นี่ทั้งหมดแล้ว
เมื่อมองเห็นฉู่หลิวเยว่ หลัวเยี่ยนหลินก็สีหน้ามืดครึ้มไปในทันที
ซึ่งเขาต่างจากคนอื่น เขาได้ยินหลัวเยี่ยนหมิงและคนอื่นๆ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าตัวตนของฉู่เยว่ แท้จริงแล้วก็คือ ซั่งกวนเยว่… พระชายาแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ในข่าวลือคนนั้น!
และก็เป็นผู้หญิงของหรงซิว!
หลังจากได้ยินเรื่องเหล่านั้น หลัวเยี่ยนหลินก็รู้สึกแย่อย่างมาก
แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นคนจริงๆ ภายในใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกสับสนยากจะบรรยาย
คาดไม่ถึงว่าน้องสาวของเขาจะชอบแม่นางคนหนึ่ง…
เดิมทีเขาก็คิดดีแล้ว ว่าถ้านางยืนกรานเช่นนั้น เขาก็จะไปถาม “ฉู่เยว่” ผู้นั้นแล้วถามว่านี่หมายความว่าอย่างใด!
โชคดีที่เขายังไม่ได้ทำเช่นนั้น!
ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องขายหน้าแย่แล้ว!
หลัวเยี่ยนหลินรู้สึกโกรธขึ้นมาภายในใจ
แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบมีเพียงแค่น้องสาวของเขาที่คิดไปเองฝ่ายเดียว แต่ทว่า “ฉู่เยว่” ล่ะ?
นางเป็นคนที่มีมารยาทอยู่เสมอ และไม่ได้ผิดอันใดเลย
จะว่าไปแล้วก็ไม่สามารถโทษนางได้
หลัวเยี่ยนหลินทำได้เพียงกล้ำกลืนเลือดลงคออย่างเงียบเชียบ
น้องสาวของเขาจะต้องไปแย่งชิงคนกับหรงซิว… แค่คิดเขาก็สะเทือนอารมณ์แล้ว!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเหลือบสายตามองหลัวซือซือ
ยังดีที่ตอนนี้หลัวซือซือสามารถสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นี่จึงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ
ในทางกลับกันนั้น จัวเซิงกลับถูกคนมากมายรุมถาม ว่าก่อนหน้านี้เกิดอันใดขึ้นที่เมืองฝางโจวกันแน่ และแม่นางที่ดูโดดเด่นคนนั้นเป็นใครกัน
จัวเซิงถูกถามจนต้องผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเกาหัวด้วยความมึนงง
“นาง? นางก็คือฉู่เยว่ไง!”
ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก!
ฉู่หลิวเยว่สามารถสัมผัสสายตาที่มองมาที่นางได้อย่างชัดเจน ซึ่งสายตาเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวลมากขึ้น
ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปทางเขาหมื่นเมรัย
ถ้าไม่ใช่เพราะหรงซิวจับตัวของนางเอาไว้ ป่านนี้นางคงพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างควบคุมไม่ได้แล้ว
อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าทุกคนที่อยู่โดยรอบ ไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายที่ร้ายแรงของเขาหมื่นเมรัย
จัวเซิงรู้สึกรำคาญที่ถูกถามอย่างมาก ดังนั้นจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟังหนึ่งรอบ
และแน่นอนว่าเขาเลือกเล่า ‘เนื้อหาส่วนที่ยอดเยี่ยม’ ที่สุด
ทุกคนได้ยินดังนั้นต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ในใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ความสนใจของทุกคนพุ่งเป้าไปที่ตัวของฉู่หลิวเยว่และหรงซิว
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉู่เยว่คือซั่งกวนเยว่ผู้นั้น! ที่แท้นางก็เป็นพระชายาที่ศิษย์พี่หรงซิวเลือกมาด้วยตนเอง!”
“มิน่าล่ะศิษย์พี่หรงซิวถึงดีต่อนางขนาดนั้น…”
“ไหนบอกว่านางเป็นคนนอกพรมแดนไม่ใช่หรือ? แต่พรสวรรค์เช่นนี้มันน่าตกใจไปแล้ว! แล้วก็ยังมีคนผู้นั้น ปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นบรรพบุรุษของนาง! ด้วยฐานะเช่นนี้ คงไม่มีใครกล้าพูดว่านางไม่เหมาะสมหรอกมั้ง?”
“…หรือว่าจะมีแต่ข้าที่สังเกต ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน นางสามารถทะลวงจากจอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้น มาสู่ระดับเก้าขั้นกลาง…”
“อ่า ข้ารู้สึกมึนแล้ว”
…
ช่วยไม่ได้ แค่พูดลักษณะทั่วไปของคนผู้นี้ออกมาอย่างส่งๆ ก็ทำให้ผู้คนอิจฉาริษยาแล้ว
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้ง ทำตัวให้คุ้นชินก็พอ
แต่ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้
“ถวนจื่อ ตอนที่เจ้าอยู่ในตาน้ำของเขาหมื่นเมรัย เจ้าได้ทิ้งหลักฐานอันใดเอาไว้หรือไม่?”
นางถามถวนจื่อภายในใจ
ถวนจื่อชะงักไป และมีสีหน้าลังเล
“เรื่องนี้… น่าจะ… ไม่มีละมั้ง…”
หนังตาของฉู่หลิวเยว่กระตุก
อย่างใดก็ตามในตอนนี้ ระลอกคลื่นที่ปรากฏออกมาสายหนึ่ง สามารถทำลายม่านพลังของสำนักที่แผ่จากด้านนอกได้!
ในขณะเดียวกัน เสียงคำรามที่ทุ้มต่ำของมังกรก็ปกคลุมทั่วฟ้าดิน!
“ซั่งกวนจิ้ง! ไสหัวออกมา!”
…………….