ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1497 เตรียมตัวก่อการร้าย
ตอนที่ 1497 เตรียมตัวก่อการร้าย
“วิธีนี้ใช้การได้”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเห็นด้วย
ก่อนหน้านี้ซั่งกวนเยว่เคยทดสอบเพียงแค่เซียนหมอ แม้จะรู้ว่านางมีพรสวรรค์ในด้านอื่นด้วย แต่ก็ไม่เคยทดสอบมาก่อน
“นางไม่ได้ทดสอบมาเป็นเวลานานแล้วพอดีเลย ด้วยวิธีการนี้ก็สามารถเห็นได้ถึงระดับฝีมือของนางในตอนนี้”
หลายเดือนก่อนหน้านี้ที่นางเพิ่งเข้ามาในสำนักครั้งแรก ฝีมือของนางในทุกด้านค่อนข้างจะธรรมดา
แต่หลังจากที่ฝึกฝนไปช่วงหนึ่งแล้ว ระดับของนางก็เพิ่มขึ้นสูงไม่น้อย นี่ก็ถึงเวลาที่จะทดสอบอีกครั้งหนึ่งแล้ว
หรงซิวครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็พยักหน้า
“ได้”
…
เขาจิ่วเหิง
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่เดินออกมาจากในห้อง นางก็เห็นว่าผู้อาวุโสเหวินซีกำลังรอนางอยู่พอดี
“ผู้อาวุโสเหวินซี ท่านมาที่นี่ได้อย่างใดหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และรีบเดินเข้าไปหาทันที
ผู้อาวุโสเหวินซีเหลือบสายตามองเข้าไปในห้อง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกโล่งใจแล้วพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
“องค์ไท่จู่กำลังพักผ่อนอยู่ ท่านมาหาเขามีเรื่องอันใดหรือ?”
ผู้อาวุโสเหวินซีรีบส่ายหน้าทันควัน
“ไม่ๆ ข้ามาหาเจ้าต่างหาก”
เขากวักมือเรียกฉู่หลิวเยว่
“เจ้าออกมาด้านนอกก่อน”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองด้วยความลังเล ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย และเปิดม่านพลังออก และบินพุ่งตัวออกไป
“ผู้อาวุโสเหวินซีมีเรื่องอันใดหรือ?”
ผู้อาวุโสเหวินซีถูมือไปมา จริงแล้วภายในใจเขารู้สึกผิดเล็กน้อย
“เรื่องนี้… ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด แต่พวกเราล้วนคิดว่า ช่วงนี้ฝีมือของเจ้าพัฒนาขึ้นมาก ถ้าเจ้าสะดวกละก็ เจ้าจะ… เข้าร่วมงานประลองชิงอวิ๋นได้หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
“เจ้าอย่าเข้าใจผิด! พวกเราก็แค่อยากรู้ว่าตอนนี้ฝีมือของเจ้าอยู่ในระดับไหนแล้ว แล้วอีกอย่างศิษย์คนอื่นที่อยู่ในสำนักก็สามารถนำเจ้าเป็นแบบอย่างได้ และเพิ่มความมุ่งมั่นให้มากขึ้น”
ผู้อาวุโสเหวินซีรีบอธิบาย
ฉู่หลิวเยว่จ้องเขาอยู่ครู่หนึ่ง นางครุ่นคิดภายในใจอย่างรวดเร็ว
นางน่าจะรู้อยู่แล้วว่า ในครั้งนี้ผู้อาวุโสเหวินซีมาที่นี่เหตุใดกันแน่?
หลังจากนางนิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง นางก็พยักหน้าออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นพวกเราไปกันตอนนี้เลยเถิด”
“ตอนนี้?” รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบสายตาหันไปมองด้านใน “แล้วผู้อาวุโสซั่งกวน…”
“เพียงแค่การทดสอบจัดอันดับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดเสียหน่อย องค์ไท่จู่เดินทางมาไกล มีอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อย ช่วงเวลานี้ให้เขาได้พักผ่อนได้พอดี… ข้าเองก็อยากรู้ว่า ตอนนี้ข้าสามารถอยู่ในอันดับใด”
ผู้อาวุโสเหวินซีรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“เช่นนั้น… เจ้าก็ตามข้ามา”
…
เมื่อฉู่หลิวเยว่มาถึงจัตุรัสชิงหมิง นางก็เห็นว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว
หรงซิวที่ถูกเรียกมาก่อนหน้านี้ ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
อาจจะเป็นเพราะมีคำสั่งพิเศษมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นที่แห่งนี้ในตอนนี้จึงไม่มีคนอื่นอยู่เลย
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปด้วยสีหน้าปกติ พร้อมคำนับผู้อาวุโสทั้งหลาย
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหัวเราะออกมา
“นังหนูเจ้ามาแล้วหรือ ข้าไม่ได้รบกวนเจ้ากับผู้อาวุโสซั่งกวนใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“เปล่าเจ้าค่ะ องค์ไท่จู่กำลังพักผ่อนอยู่พอดี”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว…”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพยักหน้าแล้วรีบอธิบายขึ้นมาว่า
“ความจริงแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เร่งด่วนอันใด ท้ายที่สุดแล้วเจ้าก็เพิ่งผ่านเรื่องราวมามากมาย…”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“การจัดอันดับไม่ใช่เรื่องรบกวนอันใด อีกทั้งข้าเองก็รู้สึกสงสัยอยู่พอดี ดังนั้นจึงได้มาที่นี่”
เมื่อเห็นว่าท่าทางของฉู่หลิวเยว่ตรงไปตรงมาและใจกว้าง ผู้อาวุโสหลายคนก็ลังเลไปเล็กน้อย
หรือว่า…
นี่พวกเขาคิดผิดไปจริงๆ หรือ?
“เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงแล้ว มาเริ่มกันเลยเถอะ!”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนครุ่นคิด
“ตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับเก้าขั้นกลางแล้วใช่หรือไม่ นับว่าฝีมือของเจ้าก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เหตุใดถึงไม่ลองทดสอบจอมยุทธ์ก่อนเล่า?”
ก่อน?
ฉู่หลิวเยว่จับใจความสำคัญ และในชั่วพริบตาเดียวเขาก็เข้าใจได้ในทันที
ที่แท้มีการทดสอบมากกว่าหนึ่งรายการ…
นางยิ้มออกมา แล้วเดินไปที่รายชื่อจอมยุทธ์อย่างใจเย็น
ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ต่างหันมามอง
แม้ว่าพวกเขาจะมีสีหน้าปกติ แต่แววตาของพวกเขามีระลอกคลื่นพวยพุ่งขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่สงบสุขในจิตใจ
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น แล้ววางบนกำแพงหินสีดำ
มือขาว เรียว และเพรียวของนาง ตัดกับกำแพงหินสีดำอย่างเห็นได้ชัด
สีทั้งสองตัดกันอย่างสุดขั้ว แต่มันกลับสวยงามราวกับภาพวาด
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้า
ผู้อาวุโสหลายคนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็สามารถสัมผัสได้ว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่นาง
นางหันไปสบตากับหรงซิว
ดวงตาหงส์ลึกล้ำยากเกินหยั่งถึง
แค่มองเพียงครู่เดียวก็สามารถทำให้ผู้คนตกลงไปในหลุม ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง และถลำลึกเข้าไป
“นี่เป็นเพียงแค่การทดสอบเท่านั้น ไม่ต้องตื่นเต้น ทำให้ดีที่สุดก็พอ”
ริมฝีปากของหรงซิวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นแรง ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลง
จากนั้นนางก็ถอนสายตาออกมา แล้วมองไปทางกำแพงที่อยู่ด้านหน้าตนเอง
หนึ่งเค่อต่อมา นางก็โคจรพลังภายใน พลังเหล่านั้นจึงพวยพุ่งออกมา!
พรึ่บ!
เสียงหนึ่งดังขึ้นมา อันดับของชิงอวิ๋นก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว!
บนกำแพงหินสีดำ มีลำแสงสว่างจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายออก ก่อนจะควบรวมเป็นชื่อหนึ่งอย่างรวดเร็ว!
อันดับของจอมยุทธ์ปรากฏขึ้น!
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในตำแหน่งที่สูงที่สุด ความมืดสนิทเข้าปกคลุม ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว!
แกร๊ก!
การเคลื่อนไหวนั้นเล็กน้อยมาก เหมือนกับมีอันใดบางอย่างต้องการทะลวงออกมาจากด้านใน
แต่เมื่อมองจากภายนอกแล้วไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
ดังนั้นผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ จึงไม่ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยเหล่านี้
แต่อย่างใดก็ตาม ฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่สัมผัสอยู่ที่กำแพงหินนั้น
ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเล็กน้อยมากขนาดไหน นางก็สามารถมองเห็นได้ในทันที!
นางเงยหน้าขึ้นไปมองแทบจะในทันที
แต่มีแรงกระตุ้นพุ่งเข้ามาที่หัวใจอย่างรวดเร็ว
นางยังคงไม่พูดอันใดออกมา และทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น
พลังดั้งเดิมของนางยังคงพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
แกร๊กๆ!
เสียงนั้นดังถี่ขึ้น อีกทั้งยังเหมือนว่าจะดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
เสียงหัวใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนจะเต้นตามจังหวะของเสียงนั้น แต่ชั่วพริบตาเดียวเสียงหัวใจของนางก็ดังระรัว!
ผู้อาวุโสหลายคนต่างมองหน้ากัน พวกเขาล้วนมองเห็นสายตาสงสัยและไม่เข้าใจของอีกฝ่าย
หลังจากผ่านไปสักพัก ชื่อของซั่งกวนเยว่ก็ยังไม่ปรากฏบนกำแพงหินนั้น!
ระดับเก้าขั้นกลาง ในหมู่ของศิษย์สำนักหลิงเซียวไม่นับว่าสูงอันใด ท้ายที่สุดแล้วคนที่สามารถเข้ามายังสำนักหลิงเซียวได้ อย่างน้อยต้องอยู่ในจอมยุทธ์ระดับเก้าเป็นอย่างต่ำ
ศิษย์ระดับเก้าขั้นกลางทั่วไป อาจจะไม่ได้อยู่ในหางแถวของกำแพงหินนี้ด้วยซ้ำ
พลังการต่อสู้ของนางเหนือกว่าผู้บำเพ็ญเพียรในระดับเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด
ขอเพียงนางใส่พลังทดสอบอย่างสุดแรง นางจะต้องอยู่ในรายชื่อนี้อย่างแน่นอน!
แต่ตอนนี้… เหตุใดมันถึงยังไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่ล่ะ?
ผู้อาวุโสวั่นเจิงมองขึ้นไปยังตำแหน่งสูงสุด แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา
ที่แห่งนั้นเคยมีชื่อชื่อหนึ่งอยู่ และมันส่องสว่างสดใสเหนือใคร
แต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงความดำมืด
ถ้าหาก…
ผู้อาวุโสคนอื่นก็มองตามสายตาของเขาด้วยเช่นกัน สีหน้าของแต่ละคนแตกต่างกัน นัยน์ตามีความซับซ้อน
มีเพียงหรงซิวคนเดียวเท่านั้น ที่ยังมีสีหน้าราบเรียบและสงบนิ่ง
ราวกับว่า… ภายในใจของเขาไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย
แกร๊กๆ!
ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่างอย่างชัดเจน มีอันใดบางอย่างพยายามจะทะลวงผนึกนั้นออกมา!
อีกทั้งนางก็คุ้นเคยกับพลังเหล่านั้นเป็นอย่างมาก!
เหมือนมีอันใดบางอย่างมาบีบรัดหัวใจของนางจนแน่น!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่า…
ตู้ม!
เสียงหนึ่งดังสนั่น มันดังลั่นมาจากระยะไกล!
เสียงนั้นดังกึกก้องกัมปนาท ทำให้ทุกคนตกใจจนรีบหันกลับไปมอง!
ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น
วินาทีต่อมา นางก็เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ
“เกิดเรื่องขึ้นที่เขาหมื่นเมรัยแล้ว!”