ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1496 อันดับ
ตอนที่ 1496 อันดับ
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ดูเหมือนว่าหรงซิวจะพูดได้ถูกต้อง
เรื่องเช่นนี้ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่ถือว่าเป็นคนที่ชอบก่อเรื่องอย่างมากแล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับองค์ปฐมกษัตริย์ เรื่องของนางก็เล็กมากจนไม่ควรค่าแก่การพูดถึง!
จะนำเอากระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงมาหลอมเป็นอาวุธ… องค์ปฐมกษัตริย์กำลังคิดอันใดอยู่กันแน่?
เหมือนว่าเขาถูกฉู่หลิวเยว่จ้องมองจนทำอันใดไม่ถูก องค์ปฐมกษัตริย์จึงรีบโบกมือ แล้วอธิบายขึ้นว่า
“ความจริงแล้วข้าไม่ได้ตั้งใจนะ! ตอนนั้นแค่คิดว่ากระดูกนั้นไม่เลวเท่านั้นเอง อาจจะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์สักตัว แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงนี่นา! หากข้ารู้ ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่นอน”
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นหนึ่งในสองเผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลที่ยิ่งใหญ่
ต่อให้เขาจะบ้าคลั่งขนาดไหน แต่ก็ไม่มีทางฆ่าตัวตายเช่นนี้แน่นอน!
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองเขา
ปฐมกษัตริย์เบนสายตาออกไปอย่างรู้สึกผิด
“ความจริงแล้วมัน มัน…คือซากกระดูกที่เจ้าเจอในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง…”
หนังตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกขึ้นมา
“ท่านยินยอมที่จะสู้จนตัวตาย ดีกว่าส่งคืนซากเหล่านี้ให้พวกมันงั้นหรือ?”
ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นกระดูกของเผ่าพวกมัน ทำเช่นนี้… เหมือนว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมละมั้ง…
โดยเฉพาะในตอนนี้ที่นางทำพันธสัญญากับถวนจื่อและจื่อเฉินไปแล้ว ดังนั้นจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้าง
เผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ให้ความสำคัญกับกระดูกของคนในเผ่าตนเองเป็นอย่างมาก โดยทั่วไปแล้วจะไม่ยินยอมให้กระดูกเหล่านี้ตกอยู่ด้านนอก
“ใช่ที่ไหนกันเล่า! หลังจากที่ข้ารู้ว่ามันคือกระดูกของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง ข้าก็คิดว่าจะส่งมันคืนกลับไป แต่พวกมันไม่ฟัง เอะอะก็พูดว่าต้องการจะเอาชีวิตท่าเดียว แล้ว… จะให้ข้าทำอย่างใด?”
ก็ทำได้เพียงต่อสู้น่ะสิ!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
“ในตอนนั้นข้าไม่สามารถทำอันใดได้เลยจริงๆ เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว ข้าแบ่งวิญญาณออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งซ่อนไว้ในจี้หยก ส่วนหนึ่งซ่อนไว้ในอาณาจักรเซียนเทพ และถูกส่งกลับไปยังเทียนลิ่งอย่างเงียบเชียบ และส่วนสุดท้ายก็ทิ้งเอาไว้อยู่ในร่างศักดิ์สิทธิ์ เพื่อใช้ในการต่อสู้”
ตอนนั้นเขาไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดไปได้หรือไม่ จึงทำได้เพียงเลือกใช้วิธีนี้เท่านั้น
และด้วยเหตุนี้ จิตวิญญาณของเขาจึงกระจัดกระจาย อาณาเขตเซียนเทพก็ไม่สมบูรณ์
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมา
“องค์ไท่จู่ ท่าน… โชคดีมาก”
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ คาดไม่ถึงว่ายังจะสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้
แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ เขายังสามารถรวบรวมจิตวิญญาณ ปลุกร่างศักดิ์สิทธิ์ แล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง!
แบบนี้มันฝ่าฝืนกฎสวรรค์มากเกินไปแล้ว!
องค์ปฐมกษัตริย์ทอดถอนหายใจออกมา
“ความจริงแล้วทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเข้ามาในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง และนำจิตวิญญาณของข้าส่วนหนึ่งมาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ และสามารถหาจี้หยกแผ่นนั้นได้ สุดท้ายก็สามารถเดินทางไปถึงบุพกาลชายแดนเหนือ… ข้าก็คงต้องหลับไปอีกพันปี และไม่มีความหมายใด”
พวกเขาเชื่อมโยงกันด้วยสายเลือด ด้วยพลังแห่งความใกล้ชิดทางสายเลือดนี้ ในที่สุดก็ทำให้เขาตื่นขึ้นมาได้
ในตอนแรกเขาไม่มีทางให้ถอย จึงทำได้เพียงสู้อย่างสุดแรงเกิด และเดิมพันด้วยชีวิตของตนเอง!
ยังดีที่พันปีต่อมา ในที่สุดการเดิมพันครั้งนี้เขาก็เป็นฝ่ายชนะ!
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่โค้งขึ้น
“ข้าเองก็โชคดีมากเช่นกัน”
ไม่ว่าจะเป็นอย่างใด องค์ปฐมกษัตริย์สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง
องค์ปฐมกษัตริย์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“แน่นอนว่าเยว่เออร์ของพวกเรานั้นดีที่สุด! วางใจเถอะหลังจากนี้เมื่อมีข้าอยู่ ใครก็ไม่กล้ารังแกเจ้าเด็ดขาด!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างตั้งใจ ภายในใจจึงรู้สึกสงบและไร้ความกังวล
“จริงสิ”
ทันใดนั้นนางก็คิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ ใบหน้ามีความกังวลปรากฏขึ้นมา
“องค์ไท่จู่ ตอนนั้นที่ท่านต่อสู้กับไท่ซวีเฟิ่งหลง บุญคุณความแค้นในครั้งนั้นนับว่าสิ้นสุดลงแล้วใช่หรือไม่? ตอนนี้ท่านฟื้นขึ้นมาแล้ว พวกมันคงจะ… รู้แล้วละมั้ง?”
รอยยิ้มขององค์ปฐมกษัตริย์แข็งค้างไป
หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็ดำดิ่ง ความไม่สบายใจก็พวยพุ่งขึ้นมา
“เหอะๆ”
องค์ปฐมกษัตริย์ยิ้มแย้มอย่างสดใส
“แม้ว่ามังกรเก้าตัวนั้นจะตายแล้ว แต่เผ่ามังกรก็มีประสาทสัมผัสที่แข็งแกร่งต่อซากกระดูกเหล่านั้นมาก ตอนนี้ข้าฟื้นขึ้นมาแล้ว เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงก็น่าจะ… รู้แล้วละมั้ง? จริงสิกระดูกเหล่านั้นเจ้าจะต้องเก็บมันให้ดี และไม่มีใครพบเห็นใช่หรือไม่?”
หนังตาของฉู่หลิวเยว่กระตุก
“ใช่… มั้งเจ้าคะ …”
…
ห่างออกมาหมื่นลี้
เมืองมังกรศักดิ์สิทธิ์
เหนือทะเลสีคราม ม่านพลังสีทองขนาดใหญ่ลักษณะครึ่งวงกลม ลอยอยู่อย่างนิ่งเงียบ แรงกดดันน่าสะพรึงกลัว
ภายในม่านพลังนี้มีหมู่เกาะที่สัดส่วนพอดีกัน
บนเกาะนั้นมีแมกไม้เขียวชอุ่ม เทือกเขาทอดยาวติดต่อกัน
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงคำรามของมังกรดังขึ้นจากศูนย์กลางของหมู่เกาะ!
โฮก…
แต่เสียงก้องดังสะเทือนฟ้า ลมปราณแผ่กระจายปกคลุมทั่ว!
ตอนนั้นเหล่ามังกรก็รู้สึกหวาดกลัว! และทยอยก้มศีรษะลง!
หลังจากนั้นลำแสงสีม่วงทองสายหนึ่งก็ส่องสว่าง พร้อมพุ่งตัวออกจากเกาะไป! ทะยานสู่เส้นขอบฟ้า!
“พันปีแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะยังไม่ตาย!”
ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปอย่างเด็ดขาด!
…
สำนักหลิงเซียว
หอระฆังบูรพกษัตริย์
“…เรื่องมีเท่านี้หรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
หรงซิวพยักหน้า แล้วเหลือบสายตามองไปทางมู่หงอวี่
มู่หงอวี่รีบตอบขึ้นมาในทันทีว่า
“ไม่มีเรื่องอื่นแล้วเจ้าค่ะ ข้ารู้เพียงเท่านี้”
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“หงอวี่ ที่แห่งนี้ไม่มีเรื่องของเจ้าแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
มู่หงอวี่รู้ว่าพวกเขายังมีเรื่องราวที่จะต้องคุยกันต่อ ดังนั้นจึงรีบตอบรับ และเดินจากไปในทันที
หลังจากนางเดินออกไปแล้ว บรรยากาศภายในห้องก็แปลกประหลาดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ผู้คนทั้งหลายหันไปมองทางหรงซิว
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ซั่งกวนเยว่กับนังหนูเยว่เออร์ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจ้องมองมาทางเขา เหมือนกับต้องการมองผ่านความคิดของเขา
“แต่ว่าที่นางสามารถใช้ค่ายกลในม้วนคัมภีร์อักษรเทวาที่เจ้าสำนักคนแรกทิ้งเอาไว้ได้นั้น เจ้าจะอธิบายอย่างใด?”
หรงซิวหลุบสายตาลงต่ำ
“นั่นเป็นเรื่องที่ข้าสอนนางเอง”
“มันจะบังเอิญขนาดนั้นเชียวหรือ?”
ภายในใจของผู้อาวุโสฮวาเฟิงเต็มไปด้วยความสงสัย
ภายในห้องนั้นก็ปกคลุมด้วยความเงียบ
ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็พูดขึ้นมาว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็มีหนทางทางหนึ่งแล้ว”
“ก็ให้ซั่งกวนเยว่ ทดสอบอันดับงานประลองชิงอวิ๋น ในครั้งนี้… ก็ให้ทดสอบทั้งสี่รายการ!”