ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1489 ออกหน้าให้เยว่เออร์
ตอนที่ 1489 ออกหน้าให้เยว่เออร์
บริเวณโดยรอบเงียบสงบขึ้นมาโดยทันที แม้กระทั่งเสียงเข็มตกยังได้ยิน
ทุกคนตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้อย่างมาก
ลง ลงมือแล้ว!?
แบบนี้มันกะทันหันเกินไปหรือไม่?
ชายคนนี้เป็นคนที่มาจากตระกูลชั้นผู้นำ แม้ว่าตอนนี้เขาจะตกต่ำลงไปเสียหน่อย และเทียบกับพระราชวังเมฆาสวรรค์ไม่ได้เลย เฟยซิงเหมิน แต่ชื่อของตระกูลชั้นผู้นำก็ยังคงอยู่ ทุกคนล้วนไว้หน้าเขาอยู่หลายส่วน
แต่ใครจะรู้เล่าว่าเมื่อชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้น ความเห็นแตกกันอย่างสิ้นเชิง!
“เจ้า!”
พวกเขาโดนชายคนนั้นทุบจนมึนอย่างเห็นได้ชัด
เขาไอออกมาหลายครั้ง ก่อนจะพ่นฟันที่หักหลายซี่ออกมา ฟันนั้นมีคราบเลือดผสมอยู่ ท่าทางดูจนตรอกอย่างมาก
“ประมุข!”
คนที่ติดตามชายผู้นั้นเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงรีบพุ่งตัวเข้ามาแล้วรีบพยุงตัวอีกฝ่ายขึ้น
“ท่านประมุข ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
เยี่ยหลิงหรานแทบอยากจะกระทืบคนที่ไร้แววเหล่านี้ให้ตาย!
เขาดูเหมือนไม่เป็นอันใดอย่างนั้นหรือ?
แต่ว่าตอนนี้ ถ้าไม่มีคนเหล่านี้พยุงให้ลุกขึ้นยืน เกรงว่าเขาอาจจะไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง
การโจมตีเมื่อครู่นี้ มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก จนทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัว!
อีกทั้งพลังนี้ก็ยังแข็งแกร่ง! และลงมืออย่างโหดเหี้ยม!
ใบหน้าของเขาชาไปแล้วครึ่งซีก ทุกส่วนของร่างกายเหมือนถูกบดขยี้อย่างรุนแรง! มันเจ็บปวดจนทนไม่ไหว!
ทุกครั้งที่สูดลมหายใจเข้า บริเวณหน้าอกก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
เหมือนว่ากระดูกจะหัก อวัยวะภายในแหลกละเอียด!
มือที่สั่นสะท้านของเขาชี้ไปทางองค์ปฐมกษัตริย์
แต่เมื่อสบสายตาเข้ากับแววตาเย็นชา หัวใจของเขาก็สั่นไหว เขาหดนิ้วแล้วลดมือลง
มีเพียงความโกรธที่อยู่บนใบหน้าเท่านั้น ที่ยังคงเดิม
“เพียงแค่คำพูดไม่เข้าหูก็ลอบทำร้ายกัน แบบนี้มันจะเกินไปแล้ว!”
องค์ปฐมกษัตริย์หัวเราะออกมาโดยตรง
“อันใดนะ? ลอบทำร้าย?”
“ต้องเป็นการลอบทำร้ายอยู่แล้ว!” ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ใบหน้าแดงขาวสลับกัน “เดิมทีทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสันติ แต่เจ้ากลับลงมืออย่างกะทันหัน ต้องนับว่าเป็นการลอบทำร้ายอยู่แล้ว! แม้ว่าจะเป็นคนของซั่งกวนเยว่ แต่ก็ควรดูแลให้ดี ไม่ควรกระทำเช่นนี้ แบบนี้จะเหิมเกริมกันเกินไปแล้ว!”
องค์ปฐมกษัตริย์หรี่ตามองแล้วแค่นหัวเราะออกมา
“ตอนที่ข้านั้นลงมือ ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ล้วนมองเห็นได้อย่างชัดเจน อีกทั้ง… ข้ายังยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าด้วย หรือว่าเจ้าตาบอดจึงมองไม่เห็น?”
“เจ้า…”
เยี่ยหลิงหรานคิดไม่ถึงเลยว่า นอกจากคนพวกนี้จะมีฝีมือแข็งแกร่งแล้ว หน้ายังหนาเหมือนกับกำแพงเมืองอีกด้วย
เขากระอักเลือดออกมา ในใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขากลับถูกทุบตีเช่นนี้ มันน่าขายหน้ามากจริงๆ !
“มีคนมากมายอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ พวกเราต่างพูดจากันด้วยความสันติ! ไม่มีใครลงมือตามอำเภอใจ! แต่เจ้า…”
“นั่นมันก็เป็นเรื่องของพวกเจ้าแล้ว เกี่ยวอันใดกับข้าด้วยเล่า?”
องค์ปฐมกษัตริย์พูดตัดบทอย่างหมดความอดทน เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองไปรอบๆ
สายตาของเขาเย็นชาราวกับคมมีด!
“พวกเจ้าไม่ได้ลงมือกับเยว่เออร์โดยตรง แต่ถือว่าไม่ได้กลั่นแกล้งนางหรือ? พวกเจ้าเป็นคนที่มาจากตระกูลชั้นผู้นำ ไม่ว่าอย่างใดก็เป็นคนที่มีคนนับหน้าถือตา แต่ตอนนี้กลับมาบีบบังคับแม่นางคนหนึ่งอายุสิบกว่าปีให้ตอบคำถามเนี่ยนะ พวกเจ้าไม่ละอาย แต่ข้าละอายใจจนหน้าแดงแทนพวกเจ้าแล้ว!”
คำพูดหนึ่งประโยค ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่บริเวณนั้นหน้าเปลี่ยนสี
อย่างใดก็ตามพวกเขาไม่สามารถโต้เถียงได้เลย
องค์ปฐมกษัตริย์เหลือบสายตามองเยี่ยหลิงหรานอย่างเย็นชา
“ไม่มีความสามารถก็ไม่ต้องพูดออกมา! เช่นนี้มันน่าขายหน้า!”
หน้าของเยี่ยหลิงหรานหยุดชะงัก ดวงตากลายเป็นสีดำขลับ จนเกือบจะเป็นลมล้มพับลงไป
“เจ้า…เจ้า…เจ้าเป็นใครกัน กล้าพูดจากำเริบเสิบสานเช่นนี้หรือ!”
แม้ว่าคำพูดของเขาจะดูดุร้าย แต่ภายในใจกับอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีฐานะอย่างใด แต่ฝีมือของเขาก็ได้ประจักษ์แล้ว
หากเขาพูดไม่เข้าหูอีกครั้งหนึ่งอีกฝ่ายต้องลงมืออย่างแน่นอน…
องค์ปฐมกษัตริย์หัวเราะเสียงเบา
“เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติที่จะถามคำถามนี้กับข้า!”
เยี่ยหลิงหรานกลืนเลือดเก่าที่อยู่ในปากลงไป ใบหน้าซีดขาว ร่างกายสั่นสะท้าน
แต่องค์ปฐมกษัตริย์กลับไม่สนใจ เขาเบนศีรษะหันไปมองอีกข้าง
“เจ้าเป็นคนของสำนักปีกสุวรรณหรือ?”
แน่นอนว่าเขากำลังถามจินตี้
จินตี้ที่โดนเรียกชื่ออย่างกะทันหัน ก็ตกใจจนหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
เขาอ้าปากขึ้นท่าทางดูอ่อนแรง
“…ถูก ถูกต้อง!”
เมื่อครู่นี้เยี่ยหลิงหรานถูกชายผู้นี้ตีจนมีสภาพกลายเป็นเช่นนั้น แม้กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะโต้ตอบยังไม่มี ดังนั้นเขาจึงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก!
ตอนนี้ชายผู้นี้ได้หันมามองทางเขาแล้ว…
“เจ้าคิดจะทำอันใด?”
จินตี้กำหมัดแน่นขึ้น
องค์ปฐมกษัตริย์เอียงศีรษะมอง ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันตัวกลับไปถามฉู่หลิวเยว่ว่า
“ครั้งที่แล้วตอนที่เจ้าอยู่บุพกาลชายแดนเหนือ คนผู้นี้มักจะสร้างความลำบากให้กับเจ้าอยู่เสมอใช่หรือไม่?”
แม้ว่าตอนนั้นเขาจะอยู่ในห้วงนิทรา แต่เขาก็สามารถสัมผัสเรื่องราวที่อยู่ภายนอกและภายในหุบเขาได้เล็กน้อย
ดังนั้นเขาจึงจำจินตี้ได้…และจำได้แม่นเสียด้วย
เมื่อได้ยินองค์ปฐมกษัตริย์พูดเช่นนั้น จินตี้ก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาอย่างมาก
หรือว่าตอนที่อยู่บุพกาลชายแดนเหนือ คนผู้นี้ก็จ้องเล่นงานเขาแล้ว?
เช่นนั้น…
“เป็นเขานั่นแหละ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ จากนั้นมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสจินตี้ใส่ใจกับเรื่องราวของข้าอยู่เสมอ”
จินตี้สะดุ้งขึ้นมาในทันที!
“ซั่งกวนเยว่ เจ้าพูดจาเรื่อยเปื่อยอันใดกัน?”
ที่นางพูดเช่นนี้เพราะตั้งใจสร้างความเกลียดชังให้กับเขาใช่หรือไม่?
“หา? ข้าไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อยเสียหน่อย”
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่บริสุทธิ์ไร้ความผิด
“ตั้งแต่คราวกระบี่ชื่อเซียว จนถึงหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ เจ้า…บางทีอาจจะพูดได้ว่าสำนักปีกสุวรรณ ต่างมา ‘เข้าร่วม’ อย่างกระตือรือร้นไม่ใช่หรือ?”
เข้าร่วม?
เกรงว่าจะเป็นการตั้งใจเข้ามาก่อกวนเสียมากกว่า!
นังหนูคนนี้ เมื่อเห็นองค์ปฐมกษัตริย์ก็ใจกล้าขึ้นมาทันที
และเหมือนจะชำนาญในการกลั่นแกล้งคนมากยิ่งขึ้น…
“ข้า…ข้า…ข้าก็แค่…”
“เจ้ามานี่สิ”
เดิมทีจินตี้อยากจะโต้เถียงอีกสักสองประโยค แต่ยังไม่ทันได้พูดให้ชัดเจน ก็ได้ยินชายคนนั้นเรียกให้เขาเดินเข้าไป
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“ท่านมีเรื่องอันใดจะพูด ก็พูดออกมาได้เลย”
เขาไม่เดินเข้าไปหรอก!
ถ้าเดินเข้าไปก็เท่ากับรนหาที่ตายให้ตนเองไม่ใช่หรือ?
กระบวนท่าที่เขาแสดงเมื่อครู่นี้ ถ้าให้นำคนของสำนักปีกสุวรรณที่มาในครั้งนี้มาสู้พร้อมกัน ก็เกรงว่ายังจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
แล้วเขาจะไปตรงนั้นอยู่เหตุใด?
สีหน้าของปฐมกษัตริย์ราบเรียบขึ้นหลายส่วน น้ำเสียงก็เย็นลงเช่นกัน
“ข้าบอกว่าให้เจ้ามาตรงนี้ เจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างใด?”
คำพูดของเขานั้นเต็มไปด้วยแรงกดดัน!
เหมือนกับมีค้อนหนักอึ้งมากระแทกเข้าที่หัวใจ จินตี้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
เขากัดฟันกรอด
“ความจริงแล้วทุกคนเพียงแค่ไม่อยากทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันขึ้น ความเข้าใจผิดที่เกิดมาก่อนหน้านี้ ก็ได้รับการแก้ไขแล้วไม่ใช่หรือ? พวกเรา…”
องค์ปฐมกษัตริย์หมดความอดทนในการฟังคำพูดไร้สาระ เขายกมือขึ้นมาอย่างกะทันหัน! มือข้างหนึ่งเหมือนกำลังบีบความว่างเปล่า!
พรึ่บ!
จินตี้รู้สึกเพียงแค่พลังอันแข็งแกร่งกำลังพุ่งเข้ามา แต่วินาทีต่อมา ร่างกายของเขาก็ลอยตัวไปด้านหน้าอย่างไม่สามารถควบคุมได้!
ลมหนาวพัดโชยเหมือนกับคมมีด เหมือนใบหน้าถูกกรีดเป็นแผล!
เขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบรับ เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ลำคอทันที!
“อึก…”
จินตี้ร้องออกมาเสียงสั้นด้วยความเจ็บปวด หลังจากนั้นก็ไม่สามารถพูดอันใดออกมาได้เลย
องค์ปฐมกษัตริย์จับหลังคอของเขาด้วยมือข้างเดียว แล้วถามขึ้นด้วยเสียงเย็นยะเยือก
“เจ้าคิดว่าข้าโง่เหมือนเจ้าหรือ?”
จินตี้อยากจะพูด แต่พูดอันใดไม่ออกเลยแม้แต่ครึ่งคำ
ใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว เส้นเลือดสีเขียวปูดโปนขึ้นมาตรงหน้าผาก
มีแต่ร่างกายของเขาเท่านั้นที่กำลังดิ้นรนด้วยความสิ้นหวัง แต่น่าเสียดายที่พลังขององค์ปฐมกษัตริย์นั้นแข็งแกร่งมั่นคงดุจหินผา ความพยายามของเขาจึงไร้ผล
มือข้างหนึ่งขององค์ปฐมกษัตริย์กำลังบีบคอเขาอยู่ และในขณะเดียวกันนั้นก็มองไปรอบข้าง
“วันนี้พวกเจ้าทุกคนฟังให้ดี บุพกาลชายแดนเหนือ มรดกทั้งหมดที่อยู่ในหุบเขา ล้วนเป็นของตระกูลซั่งกวนทั้งหมด! ไม่ว่าใครอยากจะมาแย่งกับเยว่เออร์… นี่จะเป็นจุดจบของคนผู้นั้น!”
กร๊อบ!