ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1479 ฆ่าไม่ได้
ตอนที่ 1479 ฆ่าไม่ได้
“อ๊าก…”
เจียงเห่อเทียนส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา
หรงซิวนั้นมีร่างศักดิ์สิทธิ์อยู่สองร่าง ไม่รู้ว่าพลังของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าเจียงเห่อเทียนมากเพียงไหน
และยามนี้ การจัดการกับเจียงเห่อเทียนที่ถูกทำลายจนพิการไปแล้วครึ่งหนึ่ง ย่อมมิใช่เรื่องยากเย็นอะไร
วิญญาณของเขาถูกเผาไหม้ จนทำให้ความเจ็บปวดค่อยๆ ทวีคูณความรุนแรงมากขึ้น เจ็บปวดสาหัสยิ่งกว่าถูกทำลายทางร่างกายเสียอีก!
เจียงเห่อเทียนดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เขาพยายามจะหลบหนี!
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของหรงซิวได้
จนในที่สุด ก็ได้แต่ปล่อยตัวเองให้ถูกเชือดเฉือนแต่โดยดี!
จิตวิญญาณของเขาที่ถูกแผดเผาในเปลวเพลิงสีทองนี้ค่อยๆ อ่อนแอลงเรื่อยๆ
แต่เดิมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและอวดดี ตอนนี้เหลือเพียงแค่ความเจ็บปวดและสิ้นหวังเจ็บปวด!
เจ็บปวดเหลือเกิน!เขาใช้ชีวิตมานานหลายปีและไม่เคยได้รับความเจ็บปวดที่ทรมานขนาดนี้มาก่อน!
เมื่อมองเห็นใบหน้าและรูปร่างอันบิดเบี้ยวของเขา เช่นเดียวกับลมหายใจที่ค่อยๆ อ่อนแรงลงเรื่อยๆ เจียงจื่อหยวนรู้สึกโกรธแค้นจนกัดกินหัวใจ และกระอักเลือดออกมาในที่สุด
นางทั้งร่ำไห้ร้องโฮออกมา พร้อมมุ่งตรงไปยังหรงซิวเพื่อคุกเข่าวิงวอนให้เขาเห็นใจ
“โอรสสวรรค์เจ้าคะ! ได้โปรดปล่อยบิดาข้าไปเถิด! มัน…มันต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ! หลายปีที่ผ่านมา เซียนสุ่ยหลิงภักดีต่อท่านและพระราชวังเมฆาสวรรค์มาโดยตลอด บิดาข้าจะทำเรื่องราวเช่นนั้นได้อย่างใดกัน! มันต้องมีสิ่งใดที่ผิดพลาดไปเป็นแน่!”
นางร่ำร้องและตะโกนออกมาพร้อมก้มคำนับอย่างต่อเนื่อง
หากไป๋หลีฉุนดึงนางเอาไว้ไม่ทัน นางคงจะร้องจนหมดสติจนล้มไปแล้ว
หรงซิวยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เจ้ากำลังสงสัยในตัวข้าอยู่เช่นนั้นหรือ?”
“ไม่…ไม่…ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าเพียงแค่…”
“หลักฐานแสดงให้เห็นอยู่ตรงนี้ และพยานก็อยู่ในมือของข้าด้วยเช่นกัน เดิมทีข้ายังคิดว่า ถ้าหากวันนี้เจียงเห่อเทียนไม่มา ข้าจะให้โอกาสเขาเป็นครั้งสุดท้าย แต่น่าเสียดาย…”
รนหาที่ตายกันเอง แล้วจะมากล่าวโทษคนอื่นได้อย่างไร?
“ยังพอมีเวลา เช่นนั้นก็ร่ำไห้เผื่อตัวเจ้าด้วยแล้วกัน”
หรงซิวกล่าวเสียงเรียบ
คำพูดนั้น แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของเจียงจื่อหยวนทุกถ้อยคำ
รอยฝาดเลือดบนใบหน้าของนางได้จางหายไป ริมฝีปากสั่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งตัวของนางเองก็สั่นเทาไปทั้งร่าง จนไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
นางเพียงคิดว่าบิดาของนางกำลังจะตาย แต่กลับลืมไปว่ารายต่อไปก็คือนาง!
ดูเหมือนน้ำตาของนางจะค่อยๆ เหือดแห้งไปแล้ว
“…องค์ชาย ทั้งตัวข้าและท่านนั้นเคยเป็นรักในวัยเยาว์ ที่อยู่เคียงข้างกันมาตั้งแต่ยังเล็ก แม้แต่ไมตรีจิตที่มีต่อกัน ท่านไม่หลงเหลือความผูกพันอันใดต่อตัวข้าบ้างเลยหรือ?”
นางคุกเข่าลงบนพื้น พลางเงยมองดูหรงซิวอย่างสิ้นหวัง
น้ำตาค่อยๆ เอ่อล้นและหลั่งไหลออกมาชำระคราบเลือดเกรอะกรัง ที่อยู่บนใบหน้าของนางออกไป
ช่างดูช่างน่าสมเพชเสียจริง
นางไม่เคยตระหนักได้ชัดเจนขนาดนี้มาก่อนเลย ในใจของหรงซิวไม่เคยมีนางอยู่เลยจริงๆ แถมยังรังเกียจนางยิ่งนัก!
ในสายตาอันพร่ามัว ภาพของชายผู้นั้นที่คิดว่าจริงมาโดยตลอด กลับกลายเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
ร่างสูงเด่นเป็นสง่า ดูทั้งงดงามทั้งชั่วร้าย ราวกับเทพเทวาและอสูรกายในร่างเดียว
หากเขารักใครสักคน เขาสามารถพลิกแผลงโลกทั้งใบได้ เพียงเพื่อให้นางมีความสุข
ไม่กลัวลมฝน ไม่สนฝุ่นโคลน
จิตใจอันเลือดเย็น ลงมือฆ่าได้อย่างเด็ดเดี่ยว
นางทั้งรักทั้งศรัทธาและติดตามชายผู้นี้มานานหลายปี แต่สุดท้าย กลับกลายเป็นเพียงแค่เรื่องน่าขันเท่านั้น
มิตรภาพงั้นรึ…โปรดปรานงั้นรึ!
ตอนนี้เขาคิดเอาชีวิตนางและบิดาของนางโดยไม่ลังเลเลยสักนิด!
หัวใจของเจียงจื่อหยวนราวกับถูกไฟแผดเผาจนหมดสิ้น หลังจากผ่านความเจ็บปวดแสบร้อนไปแล้ว มันก็ค่อยๆ เหี่ยวเฉาและหดตัวลง
เลือดที่ไหลเวียนบนร่างกายของนางค่อยๆ เย็นลงทีละนิด
คำพูดหล่านั้นที่หรงซิวได้ยิน ช่างไม่ต่างจากการฟังเรื่องตลกไร้สาระเลย
เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามกลับไปว่า
“เจ้าอาศัยอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่มานานนับหลายปี แต่ข้าได้พบเจอเจ้าไม่ถึงสิบครั้ง เช่นนี้ ยังถือว่าเป็นคู่รักวัยเยาว์ได้อีกหรือ?”
คำพูดอันแสนเรียบง่ายนี้ ราวกับตบหน้าเจียงจื่อหยวนจนหูชาไปถึงสองครา!
นางอ้าปากค้าง ดวงตาทั้งสองของนางกลอกขึ้นข้างบน และหมดสติเป็นลมล้มลงไป
“หยวนหยวน!”
ไป๋หลีฉุนรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก
ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่สบถอยู่ในใจ จนป่านนี้แล้วเหตุใดเซียนหมอที่แจ้งไปถึงยังไม่มาอีก
แต่ตอนนี้ เขาไม่มีเวลาจะมาสนใจเรื่องนี้แล้ว
หรงซิวต้องการจะเอาชีวิตนางจริงๆ!
“โอรสสวรรค์! เจ้าเคยนึกถึงผลที่จะตามมาหลังจากนี้บ้างหรือไม่!”
ไป๋หลีฉุนรีบกล่าวออกไป
“หากเซียนสุ่ยหลิงรู้ว่าเจียงเห่อเทียนนั้นได้ตายสิ้น พวกเขาจะไม่นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้เป็นแน่! เจ้า…”
“หากเป็นเรื่องนี้ ท่านประมุขวางใจได้เลย”
“ยามนี้ ผู้คนในเซียนสุ่ยหลิง คงจะยุ่งอยู่กับการเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลคนใหม่ ไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องนี้หรอก แต่ข้าได้แจ้งพวกเขาไว้แล้ว หลังจากที่เรื่องนี้จบสิ้นลง พวกเขาจะส่งคนมาเพื่อนำซากกระดูกกลับไปเอง”
“หากเขาเป็นคนของตระกูลเจียงจริงๆ พวกเขาคงไม่นิ่งเฉยเช่นนี้เป็นแน่ หากแต่ว่า กระทำของเจียงเห่อเทียนในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของตระกูลเจียงนั้นยอมรับมิได้ เช่นนั้นกระดูกของเขาจะมิสามารถนำเข้าไปในสุสานบรรพบุรุษของตระกูลได้อีก”
คงทำได้เพียงแค่นำกลับไปฝังไว้ที่ไหนสักแห่ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋หลีฉุนพลันสับสนไปหมด
หมายความว่าหรงซิวนั้น…ได้เตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แต่แรกแล้ว!
อีกทั้ง…เขายังสนับสนุนให้สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลเจียงได้ขึ้นครองอำนาจด้วยอย่างนั้นหรือ!
เพียงพริบตา เรื่องราวต่างๆ ค่อยๆ เชื่อมต่อกันทีละนิด จนในที่สุดได้กลายเป็นห่วงโซ่ที่สมบูรณ์!
จู่ๆ ไป๋หลีฉุนก็เข้าใจขึ้นมาทันที!
เห็นได้ชัดว่าหรงซิวนั้นรู้เรื่องราวระหว่างเจียงเห่อเทียนและคนต่างถิ่นตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งยังพยายามสกัดกั้นจดหมายฉบับล่าสุดนี้ไว้ด้วย
ดูผิวเผินแล้ว เหมือนว่าเขาจะอาศัยอยู่แต่ภายในสำนักตลอดเวลา ละเว้นในทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น
แต่ความจริงแล้ว เขาแค่รอจับเต่าในไหเพียงเท่านั้น!
แต่ทว่าเจียงเห่อเทียนกลับไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเดินทางมาโดยเปี่ยมไปด้วยความสุข!
จนในที่สุด นอกจากจะดึงซั่งกวนเยว่ลงมาไม่ได้แล้ว เขายังทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานที่ที่ไม่อาจหวนกลับได้อีกครา!
ดูจากภายนอกแล้ว ตระกูลเจียงดูราวสนับสนุนเจียงเห่อเทียน แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่เช่นนั้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผู้คนในตระกูลเจียงหลายคน ที่พยายามจะเข้ามาแทนที่เขา
อาจเป็นเพราะเจียงเห่อเทียนนั้นมีการปราบปรามที่แข็งแกร่งอยู่เสมอ จึงทำให้พวกเขาไม่กล้าหุนหันพลันแล่น
แต่ตอนนี้ ผู้คนเหล่านี้ได้เข้าทางหรงซิวโดยตรง!
หรงซิวคือเท้าหน้าที่สามารถจัดการเจียงเห่อเทียนได้อย่างเหมาะสมและตรงไปตรงมา ส่วนเท้าหลังอย่างพวกเขาก็จะได้ปกครองตระกูลอย่างสันติ และแต่งตั้งผู้นำตระกูลคนต่อไปให้เป็นเรื่องเป็นราว!
และด้วยเหตุนี้ หรงซิวจึงสามารถทำให้เซียนสุ่ยหลิงยอมจำนนต่ออำนาจของเขาอย่างสมบูรณ์ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดใดเลยแม้แต่น้อย ง่ายเหมือนเป่าฝุ่น!
สำหรับเขาแล้ว เจียงเห่อเทียนก็เปรียบเสมือนเนื้อร้าย ที่คอยฉุดรั้งเรื่องราวต่างๆ เอาไว้ให้ต้องเสียหายอยู่เสมอ
แต่ทว่า นับตั้งแต่นี้ต่อไป ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว!
จิตใจของไป๋หลีฉุนสั่นไหวด้วยความตกตะลึงอยู่ตรงนั้นชั่วขณะ
หรงซิว…
ช่างเป็นวิธีที่โหดเหี้ยม! และเป็นความคิดที่ล้ำลึกเสียจริง!
ในเวลานี้ เจียงเห่อเทียนที่ยังพอมีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ก็ได้ยินคำพูดเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
นี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ไปอย่างยับเยิน
จิตวิญญาณของเขาค่อยๆ เลือนราง ไม่มีความคิดที่จะทนต่อสู้อีกต่อไป และในไม่ช้าเขาก็ถูกเปลวเพลิงสีทองกลืนกินร่างไปจนหมดสิ้น!
เขาเกลียดชัง!
เขาอาฆาต!
สุดท้ายแล้ว เขากลับต้องตายด้วยความอาฆาตและคับแค้นใจ!
จนในที่สุดเสียงของการดิ้นร้นก็ค่อยๆ สลายหายไป
เปลวเพลิงสีทองได้กวาดล้างทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าจนหมดสิ้น!
…
เจียงเห่อเทียนจำต้องจบชีวิตเช่นนี้
ด้วยความตายที่แสนเงียบงันผู้คนต่างมีท่าทีสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอันใดดี
อันที่จริง เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างพระราชวังเมฆาสวรรค์และเซียนสุ่ยหลิงนั้น พวกเขาต่างก็พอรู้กันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย
ด้วยความแข็งแกร่งของเซียนสุ่ยหลิง ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เจียงเห่อเทียนมักจะทำตัววางอำนาจบาตรใหญ่ราวกับอยู่สูงเหนือกว่าผู้ใด
แม้แต่ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ เขาเองก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงเรียงนามอยู่ไม่น้อย
ในบางครั้ง เพื่อรักษาเกียรติที่มีต่อพระราชวังเมฆาสวรรค์ เช่นนั้นทุกคนจึงจะต้องยำเกรงต่อตัวเขาด้วยเช่นกัน
และพวกเขารู้ดีว่า ตามอุปนิสัยของหรงซิวนั้น เขาไม่ใช่คนที่อดทนเก็บงำมันไว้ได้ตลอด
จนสุดท้ายแล้ว เหล่าผู้คนก่อนหน้านี้ที่ต้องการจะก่อกบฏ ต่างก็หรงซิวกุดหัวจนหมดสิ้น!
แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ นับว่าเกินกว่าที่พวกเขาได้คาดคิดไว้มาก
เจียงเห่อเทียนได้สิ้นลมแล้ว ต่อไป ก็คงเป็นเจียงจื่อหยวนล่ะสิ?
สายตามากมายจนนับไม่ถ้วน ต่างล้วนจับจ้องมองไปที่เจียงจื่อหยวน
รวมถึงหรงซิวด้วย
ไป๋หลีฉุนดันเจียงจื่อหยวนไปไว้ด้านหลังอย่างปกป้อง แล้วตะโกนด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“โอรสสวรรค์! เจ้าฆ่านางมิได้!”