ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1478 หลักฐาน
ตอนที่ 1478 หลักฐาน
แค่ประโยคอันแสนเรียบง่าย ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนเพียงแค่ประโยคเดียว
แต่มันกลับเป็นตัวตัดสินและชี้ชะตาเป็นตายของสองคนนี้ไว้แล้ว!
ความตายอันแสนเงียบงัน
จากนั้น เจียงจื่อหยวนก็พึมพำออกมาราวไม่เชื่อ
“องค์ชาย? ท่านกล่าวว่าอย่างไรนะ?”
หรงซิวค่อยๆ ชายตาขึ้นมอง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตอันเยือกเย็น
“กระไรกัน ตอนนี้หูของเจ้าไม่ค่อยดีแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของเจียงจื่อหยวนซีดเผือด ร่างกายของนางสั่นไหว ทั้งขาและเข่าอ่อนแรงลง ราวกับว่าเพียงอีกนิดเดียว นางคงหมดสติจนล้มลงไปกับพื้นแล้ว
ไป๋หลีฉุนตะโกนขึ้นมาทันที
“โอรสสวรรค์! การตัดสินใจเจ้านับว่ายังเร็วไปนัก! แม้เจ้าจะมิได้ใส่ใจชีวิตของสองพ่อลูกนี้ แต่เจ้าก็ควรจะนึกถึงเซียนสุ่ยหลิงด้วยมิใช่หรือ? พวกเขา…”
“แม้แต่เจียงเห่อเทียนเองยังมิได้แยแสอันใดเลย แล้วไยตัวข้าจะต้องเสียเวลาพิจารณาเรื่องนี้ด้วยล่ะ?”
หรงซิวพูดขัดจังหวะไป๋หลีฉุน ด้วยท่าทีเฉยเมยไม่แยแส
ไป๋หลีฉุนถึงกับสำลักออกมาเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้จากหรงซิว พลันรู้สึกกังวลใจขึ้นมาทีละนิด
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่!
“ท่านประมุข ท่านเพิ่งจะออกด่าน ดังนั้นข้าเกรงว่าอาจจะยังมีบางสิ่งที่ท่านนั้นยังไม่รู้ เช่นนั้น วันนี้ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังเอง อีกทั้งยังดีต่อพวกเขา ที่ได้กระจ่างแจ้งว่าเหตุใดพวกเขาถึงต้องตาย”
หรงซิวมองไปที่เจียงเห่อเทียนและกล่าว พร้อมกดยิ้มเล็กน้อย
ความกดดันที่มองไม่เห็นพลันแหลกสลายไป!
เจียงเห่อเทียนสบสายตาอันโฉบเฉี่ยวคู่นั้น ที่ดูลึกล้ำราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ตอนนี้เขารู้สึกราวกับร่างของตนเปลือยเปล่าจนหมดสิ้น และสามารถมองเห็นอะไรต่างๆ ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง!
“เจียงเห่อเทียน ในฐานะประมุขของตระกูลเจียงแห่งเซียนสุ่ยหลิง เจ้าควรจงรักภักดีต่อพระราชวังเมฆาสวรรค์ แต่จิตใจเจ้ากลับชั่วช้า สมคบคิดกับผู้อื่นเพื่อหวังลอบสังหารพระชายาด้วยหลักฐานอันชี้ชัดเหล่านี้! เมื่อก่อนข้าเห็นว่าตระกูลเจียงแห่งเซียนสุ่ยหลิงนั้น ได้ติดตามพระราชวังเมฆาสวรรค์มานานหลายปีแล้ว ซึ่งทางพระราชวังเองก็ได้เมตตาต่อพวกเจ้าเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมอบพระราชอำนาจพิเศษแก่พวกเจ้าไม่น้อยเลย กระทั่งในตอนนี้ พวกเจ้านั้นก่ออาชญากรรมไว้มากมาย เห็นทีพระราชวังเมฆาสวรรค์จะไม่มีที่ยื่นให้สำหรับคนบาปอย่างพวกเจ้าอีกแล้ว!”
เจียงเห่อเทียนรู้สึกร้อนรุ่มไม่เป็นสุข แต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้
เกรงว่าหรงซิวนั้นคิดที่จะอยากกำจัดพวกเขาไปเสียตั้งนานแล้ว! คำกล่าวอ้างที่จะพูดในวันนี้ ถึงแม้ว่าจะฟังดูทรงเกียรติสง่าผ่าเผย แต่ความจริงแล้ว มันล้วนเป็นเพียงข้ออ้างทั้งนั้น!
เขากัดฟันแน่น
“ในเมื่อองค์ชายกล่าวถึงหลักฐาน เช่นนั้นได้โปรดนำออกมาเผยให้เห็นอย่างที่ได้กล่าวไว้เถิด อันตัวข้าเจียงเห่อเทียน มิเคยทำเรื่องอันใดที่ต้องรู้สึกผิดต่อพระราชวังเมฆาสวรรค์เลยสักครา! ข้า…”
ในขณะที่เขากำลังจะโต้เถียงเพื่อหักล้างคำกล่าวอ้างต่างๆ กลับเห็นหรงซิวหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาในทันใด
เมื่อเขาเห็นซองจดหมายที่คุ้นเคยฉบับนั้น หัวใจของเจียงเห่อเทียนกลับสั่นไหวในฉับพลัน เสียงของเขาพลันหยุดชะงัก
หรงซิวหยิบจดหมายขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มแฝงนัย
“เจียงเห่อเทียน เจ้ายังจำจดหมายฉบับนี้ได้หรือไม่?”
เจียงเห่อเทียนหันมองไปทางอื่น
“ขะ…ข้าไม่รู้ ข้าไม่เคยเห็นจดหมายฉบับนี้มาก่อน!”
“เจ้ายังไม่ได้เปิดดูเนื้อหาเลยแม้แต่น้อย เหตุใดจึงรู้ได้ว่าเจ้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน?”
หยดเหงื่ออันเยือกเย็นค่อยๆ ผุด ‘ซว่า’ ออกมาบนหน้าผากของเจียงเห่อเทียน
“ขะ…ข้าแค่คิดว่าซองจดหมายนี้ดูแปลกตา ดังนั้น…ข้าจึงคิดว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน…”
หรงซิวเม้มริมฝีปากเล็กน้อย และค่อยๆ เปิดผนึกจดหมายฉบับนั้น แล้วหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาอย่างระมัดระวัง
มันเป็นแผ่นกระดาษสีเหลืองอ่อนบางๆ เนื้อผิวค่อนข้างหยาบเล็กน้อย
เมื่อแสงอาทิตย์ได้สาดส่องเข้ามา สะท้อนให้เห็นแสงสีทองระเรื่อ ที่ค่อยๆ เปล่งประกายออกมาทีละนิด
ตัวอักษรสีดำบนนั้นค่อยๆ หลั่งไหลราวกับสายน้ำที่มีชีวิตชีวา สร้างความตื่นตาให้แก่ผู้คนไม่น้อยเลยทีเดียว
“หากเจ้าจำจดหมายไม่ได้ เช่นนั้นกระดาษเซียนเฉ่าพันปี[1] อันเป็นเอกลักษณ์ของเซียนสุ่ยหลิงนี้ เจ้าคงจะยังจำได้อยู่กระมัง”
กระดาษเซียนเฉ่าพันปี เป็นกระดาษที่ทำจากหญ้าเทวาสวรรค์ เนื่องด้วยคุณภาพสูง จึงทำให้กระดาษเซวียนจื่อชนิดนี้ สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานนับพันปี โดยไม่เสื่อมสภาพเลยแม้แต่น้อย
อีกทั้งมีเพียงไม่กี่แห่ง ที่สามารถพบเจอหญ้าเทวาสวรรค์นี้ได้
เซียนสุ่ยหลิง ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อุดมไปด้วยหญ้าเทวาสวรรค์
นี่ก็ถือเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบสำหรับพวกเขาเลยก็ว่าได้
โดยปกติแล้ว คนทั่วไปนั้นไม่สามารถที่จะครอบครองกระดาษเซียนเฉ่าพันปีนี้ได้
แม้แต่เซียนสุ่ยหลิงเอง ก็มีเพียงแค่สายเลือดโดยตรงของตระกูลเจียงเท่านั้น ที่จะสามารถใช้กระดาษอันล้ำค่านี้ได้
“กระดาษเซียนเฉ่าพันปี มักจะถูกแจกออกไปกลายเป็นของขวัญในทุกๆ ปี รวมกันแล้วก็ดูจะมากโข เช่นนั้นแล้วกระดาษแผ่นนี้ ไม่สามารถที่จะชี้นำหรือบ่งบอกอะไรได้เลย…”
เจียงเห่อเทียนยังคงโต้แย้งเพื่อปกป้องตัวเองอยู่ แต่เสียงของเขาดูอ่อนลง ใบหน้าของเขากลับซีดเผือดกว่าเดิม
ใครๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติในตัวเขา
หรงซิวหัวเราะเบาๆ
“จริงสิ! แค่กระดาษเซียนเฉ่าพันปีหนึ่งแผ่น อาจบอกอะไรมิได้มากนัก แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ…ข้อความที่อยู่บนนั้นที่เป็นลายมือของเจ้าเอง ประมุขเจียง!”
“เป็นไปไม่ได้!”
เจียงเห่อเทียนขึ้นเสียงอย่างดุเดือน ราวถูกเหยียบย่ำไปโดนจุดที่เจ็บปวด!
“มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ในความเป็นจริง เมื่อเขาเห็นซองจดหมายฉบับนั้น เขาก็จำได้ทันทีว่านั่นเป็นจดหมายที่เขาใช้ส่งสารให้ถานไถเฉิน
แต่ทว่าสิ่งนี้กลับตกไปอยู่ในมือของหรงซิวได้อย่างไรกัน?
เขาระมัดระวังเป็นอย่างมากในการตอบจดหมาย สิ่งที่เขียนลงไปนั้นล้วนผ่านการไตร่ตรองมาแล้วไม่น้อย
ข้อความตัวอักษรบนกระดาษเซียนเฉ่าพันปีนี้จะหายไปหลังจากที่ถูกเปิดอ่าน!
แม้จะถูกใครพบเจอหรือได้รับจดหมายฉบับนี้ พวกเขาจะไม่มีทางที่สังเกตเห็นเนื้อหาเหล่านั้นได้
แต่หรงซิวกลับบอกว่ายังมีตัวอักษรที่เป็นลายมือของเขาอยู่บนนั้น…คงจะเป็นเรื่องโป้ปดมดเท็จอย่างแน่นอน!
ราวคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หรงซิวสะบัดข้อมือเบาๆ แล้วกระดาษแผ่นนั้นก็ปลิวไปอยู่เบื้องหน้าเจียงเห่อเทียน
“ดูมันให้ชัดๆ อีกทีสิ มีอักษรตัวใดบนกระดาษแผ่นนี้ ที่เจ้าไม่ได้เป็นคนเขียนรึ!”
เดิมทีเจียงเห่อเทียนไม่เชื่อเรื่องความชั่วร้าย แต่เมื่อเขาเห็นจดหมายที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นั้น เขาก็รู้สึกเหมือนราวกับกำลังร่วงตกลงไปถ้ำน้ำแข็งทันที!
ทุกบรรทัด ทุกถ้อยคำ ชัดเจนทุกตัวอักษร!
นี่คือจดหมายที่เขาเขียนตอบถานไถเฉินจริงๆ!
และอยู่ในสภาพสมบูรณ์ด้วย!
“ในจดหมายฉบับนี้ เจ้าบอกว่า พระราชวังเมฆาสวรรค์ไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ในเมื่อความสัมพันธ์ขาดสะบั้น เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุอันใดที่ต้องลังเลใจอีก การประชุมในวันนี้ เจ้าวางแผนเดินทางมาด้วยตัวเอง และคิดจะดึงเยว่เออร์ให้ร่วงลงจากตำแหน่งพระชายาต่อหน้าทุกคน และหากมีโอกาส ก็จะกำจัดให้เสียสิ้น!”
“นอกจากนี้ เจ้ายังกล่าวอีกว่า หากเยว่เออร์ปฏิเสธที่จะยอมรับตัวตนของนาง เจ้ายังจะให้นางแสดงหลักฐานออกมาเพื่อพิสูจน์ตัวอีก…ช่างมุทะลุเสียจริง”
คำพูดของหรงซิวนั้นค่อนข้างเรียบช้า ราวกับว่าเขากำลังนำเรื่องราวที่ถูกเล่าขานมาเล่าให้ฟัง
แต่ดูเหมือนว่าทุกถ้อยคำที่เขาเอ่ยออกมานั้น ราวกับค้อนอันหนักอึ้งที่กำลังร่วงลงมากระแทกหัวใจของเจียงเห่อเทียน!
ทำให้เขาพ่ายแพ้ย่อยยับ!
จิตใจของเจียงเห่อเทียนตกอยู่ในสภาวะสับสน คุกรุ่นไปด้วยความกังวลที่วุ่นวาย ราวกับด้ายเกี่ยวพันกันจนยุ่งเหยิงไปหมด
เขาไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้ จะปานปลายมาได้ถึงเพียงนี้
จดหมายนี้ มันควรอยู่ในมือของถานไถเฉิน!
อีกทั้ง หลังจากที่เขาอ่านมัน ตัวอักษรและข้อความต่างๆ มันควรจะเลือนหายไปเสียตั้งนานแล้ว เหตุใดมันจึงยังถูกเก็บรักษาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์เช่นนี้!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ในตอนนี้กลับกลายเป็นหรงซิวที่เป็นคนนำจดหมายฉบับนี้ออกมา!
เขาทำผิดพลาดตรงไหนกัน?
ทันใดนั้น หัวใจของเจียงเห่อเทียนก็แทบจมดิ่งลง ในเมื่อจดหมายฉบับนี้ตกไปอยู่ในมือของหรงซิว เช่นนั้นถานไถเฉินก็…
“หากเจ้าไม่ยอมรับ ข้าสามารถเชิญบุคคลผู้นี้มาพบปะกับเจ้าได้เช่นกัน”
หรงซิวกล่าวพร้อมยักคิ้วขึ้น และยิ้มให้เล็กน้อย
ทุกคำพูดของเขาเบาบางดุจปุยเมฆที่กำลังล่องลอยอยู่กลางนภา แต่กลับแหลมคมและเยือกเย็นดั่งมีดเหมันต์ทมิฬ!
เจียงเห่อเทียนไม่มีความสงสัยแคลงใจใดใด ต่อคำพูดของหรงซิวเลยแม้แต่น้อย
เขาบอกว่าคนผู้นั้นอยู่ในกำมือของเขา มันก็คงต้องเป็นเช่นนั้น!
มิเช่นนั้น จดหมายฉบับนี้คงไม่มีทางตกไปอยู่ในมือของเขาได้หรอกกระมัง!
“ข้าและพระชายานั้นถือเป็นหนึ่งเดียว การที่เจ้าหมายปองร้ายนางนั้น ไม่ต่างจากการทรยศหักหลังเพื่อก่อกบฏ! พวกเจ้าสองพ่อลูกสมรู้ร่วมคิดกันทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ พวกเจ้าควรถูกประหารไปเสียตั้งนานแล้ว ยังจะมาแก้ต่างอันใดอีก?”
หรงซิวกล่าวพร้อมนำจดหมายฉบับนั้นกลับมา
ทันใดนั้นก็ยกสะบัดมืออีกข้างขึ้น ปรากฏเปลวไฟสีทองอร่ามที่กำลังลุกโชนอยู่บนปลายนิ้วอันเรียวยาวของเขา
“ถึงเวลาแล้ว ในเมื่อพวกเจ้าไม่สามารถเจรจากันไม่สำเร็จ เช่นนั้นข้าจะตัดสินใจแทนเอง!”
ชิ้ง!
เปลวไฟสีทองพุ่งออกมา! กลายเป็นกรงขนาดใหญ่กักขังเจียงเห่อเทียนเอาไว้ในทันที!
เปลวเพลิงนั้นลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จนทำให้ร่างกายของเขาครึ่งหนึ่งที่ดูโปร่งใส ค่อยๆ บิดเบี้ยวในชั่วพริบตา!
[1] กระดาษเซวียนจื่อ หรือ ซวนจื่อคล้ายๆกระดาษไว้เขียนอักษรพู่กันจีน