ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1471 หลักฐาน
ตอนที่ 1471 หลักฐาน
ฉู่หลิวเยว่สบตาเขา แล้วยิ้มเยาะหนึ่งที
“ประมุขเจียง ท่านหมายถึงเรื่องอันใดหรือ”
เจียงเห่อเทียนมองนางที่ทำทีไม่รู้ไม่ชี้ หากแต่มิได้รีบร้อนอันใด
เขาหันมองไปรอบๆ พลางประสานหมัดโค้งคำนับให้ทุกคน
ผู้ที่นั่งอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนทรงคุณวุฒิกว่าเขา
“เรียนท่านทั้งหลาย ทุกท่านรู้หรือไม่ ฉู่เยว่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกท่านในตอนนี้ แท้จริงแล้วคือซั่งกวนเยว่ พระชายาแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์!”
เหล่าผู้คนพลันตกอยู่ในความโกลาหล
หากเป็นเพียงการคาดเดาคงไม่รู้สึกอะไร แต่พอได้ยินกับหูตัวเองเช่นนี้ กลับรู้สึกต่างไปในทันที
ถ้าจะบอกว่าตกใจและสับสนคงไม่ผิดกระไร
อย่างไรเสีย พวกเขาก็คิดว่าคนนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ผู้นั้นที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วช่วงชิงตำแหน่งพระชายาได้สำเร็จ ล้วนมีจุดที่หน้าสงสัยอยู่ไม่น้อย
และตอนนี้เจียงเห่อเทียนก็บอกว่าฉู่เยว่ผู้ที่ก่อเรื่องมากมาย จนทั่วทั้งอาณาเสิ่นซวี่ปั่นป่วนเพราะเขา คือซั่งกวนเยว่ แล้วจะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร?
เจียงเห่อเทียนจ้องมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาเยาะเย้ย
“ซั่งกวนเยว่ เจ้าปลอมตัวหลอกทุกคน และล้อเล่นกับเสียงปรมมือชื่นชมของพวกเขา ข้าว่าดูออกจะ… ไม่เหมาะสมเท่าใดกระมัง?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเยาะในใจ
อย่างไรเจียงเห่อเทียนก็ยังเป็นขิงแก่เผ็ดร้อน[1]อยู่ในยังค่ำ เพียงลั่นวาจาง่ายๆ ไม่กี่คำ ก็ทำให้นางกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับผู้คนในที่ประชุมเสียแล้ว
ผู้ที่เข้าร่วมการหารือในวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญของอาณาจักรเสิ่นซวี่
ถ้าพวกเข้ารู้ตัวว่าถูกหลอก จะไม่บันดาลโทสะจนอาละวาดเลยหรือไร?
และไม่ใช่ว่าอ้างด้วยเหตุผลอะไร พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยนางไปแน่นอน!
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ยังคงสงบนิ่ง หากแต่ในใจกลับปั่นป่วนราวพายุ
การที่เจียงเห่อเทียนกล้าโผล่หน้าออกมาเช่นนั้น แสดงว่าเขาต้องเตรียมการไว้อย่างดี
แต่เขารู้อะไรมา แล้วใช้อะไรเป็นหลักฐาน?
ถ้าไม่มีหลักฐานที่หนาแน่นรัดกุม เขาคงไม่กล้าเอาหน้ามารับศอกเช่นนี้
“ในเมื่อประมุขเจียงบอกมีหลักฐาน เช่นนั้นก็โปรดแสดงมันให้ทุกคนเห็นก่อนเถิด?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มพลางเลิกคิ้วขึ้น
เจียงเห่อเทียนหัวเราะเยาะ
ดูสิว่าเจ้าจะยิ้มเช่นนั้นได้อีกนานแค่ไหนเชียว!
“ท่านพ่อ…”
เจียงจื่อหยวนที่เห็นเจียงเห่อเทียนยืนอยู่เบื้องหน้า รู้สึกราวกับเห็นแสงสุดท้ายของชีวิต พลันรีบตะโกนเรียก และตะเกียกตะกายจะไปที่นั่นให้ได้
เพียงแต่เสียงของนางในยามนี้ช่างอ่อนแรง ใบหน้าดำคล้ำ เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด แลดูน่าสมเพชเวทนานัก
เจียงเห่อเทียนเบนสายตาไปมอง เมื่อเห็นสภาพของนาง หัวใจของเขาพลันสั่นสะท้าน!
เขาพุ่งเข้าไปพยุงร่างของเจียงจื่อหยวนทันที ในใจทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้น
“จื่อหยวน ไม่ต้องห่วง พ่อจะไม่ยอมให้ใครรังแกเจ้าอีกแล้ว!”
เขาจะแก้แค้นให้นางเอง!
ซั่งกวนเยว่จะต้องชดใช้อย่างสาสม!
ก่อนห้านี้เขาได้ข่าวว่าเจียงจื่อหยวนจะมาที่นี่พร้อมประมุขไป๋หลีฉุน
ถึงตอนนี้จะค่อยไม่สบายใจนัก แต่ก็คิดว่าไป๋หลีฉุนดูแลและปกป้องเจียงจื่อหยวนได้อยู่แล้ว และจะไม่ปล่อยให้นางต้องทนทุกข์ทรมานแน่นอน
แต่ใครจะรู้ว่า…
ทว่ายามนี้เขาไม่มีเวลามาเท้าความหาต้นสายปลายเหตุ ดังนั้นจึงต้องระงับความคิดเหล่านั้นไว้ แล้วค่อยจัดการในภายหลัง
เจียงเห่อเทียนพยายามระงับความปั่นปวนในใจ และตบไหล่ของเจียงจื่อหยวนเบาๆ
“จื่อหยวน ไปพักด้านข้างก่อนเถอะ ที่เหลือให้พ่อจัดการเอง”
เมื่อเห็นสีหน้ามั่นอกมั่นใจของเจียงเห่อเทียน เจียงจื่อหยวนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วถอยออกไปด้วยการพยุงของไป๋หลีฉุน
ตรงกลางจัตุรัส เหลือเพียงฉู่หลิวเยว่และเจียงเห่อเทียน ที่กำลังยืนประจันหน้ากันจากระยะไกล
“ซั่งกวนเยว่ เจ้าต้องการหลักฐานหรือ? ข้าจะแสดงให้ดูเอง!”
เมื่อเจียงเห่อเทียนพูดจบ เขาก็หันไปมองชือรุ่ยเออร์ที่อยู่ด้านข้าง
“ได้ยินมาว่าคุณหนูรองของเฟยซิงเหมิน ได้ทำสัญญากับอินทรีสามตาไปเมื่อไม่นานมานี้?”
ชือรุ่ยเออร์ยืดตัวตรง
“แล้วอย่างไร? นั่นคือของขวัญจากบิดาข้า”
เจียงเห่อเทียนยิ้มให้นาง
“คุณหนูรองอย่าเพิ่งเข้าใจผิด แค่เพียงอยากขอยืมอินทรีสามตาของเจ้าสักประเดี๋ยว แล้วจะคืนมันให้เจ้า”
ชือรุ่ยเออร์ขมวดคิ้ว
แปลกมาก จู่ๆ เขาถึงมายืมอินทรีสามตาของนาง?
นางสังหรณ์ใจแปลกๆ พลางเอ่ยปฏิเสธออกไป
“นั่นคือสัตว์อสูรในพันธะสัญญาของข้า สามารถขอยืมกันเช่นนี้ได้เลยหรือ?”
เจียงเห่อเทียนไม่แปลกใจที่เห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของนาง และพูดต่อว่า
“คุณหนูรอง ข้ารู้ว่าซั่งกวนเยว่ โอ้ ไม่สิ ควรจะพูดว่า ฉู่เยว่ เคยช่วยเจ้าในบุพกาลชายแดนเหนือไว้ครั้งหนึ่ง เป็นธรรมดาที่เจ้าจะเข้าข้างนาง แต่เรื่องราวในตอนนี้หนักหนา สาหัสสากันยิ่ง คุณหนูรองผู้ตรงไปตรงมาและสง่าผ่าเผยอย่างเจ้า ย่อมเข้าใจสถานการณ์โดยรวมดี และคงมิใช่คนตระหนี่กับผู้อื่นในยามนี้หรอกกระมัง?”
ชือรุ่ยเออร์ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
ใบหน้าของนางเย็นชาลงเล็กน้อย
“แล้วถ้าคุณหนูอย่างข้าไม่ยินยอมล่ะ?”
เจียงเห่อเทียนพลันยิ้มเยาะเบาๆ
“คุณหนูรอง หาก้จาเป็นสหายของนางจริง ยามนี้ยิ่งต้องยินยอม หากการยืมอสูรช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้นางได้ ย่อมดีกว่ามิใช่หรือ?”
ชือรุ่ยเออร์เริ่มไม่แน่ใจ และหันไปมองที่ฉู่หลิวเยว่เล็กน้อย
ความจริงแล้วตอนนี้นางยังตกใจหาย
ถ้าฉู่เยว่คือซั่งกวนเยว่จริงๆ ล่ะก็…
ฉู่หลิวเยว่สังเกตเห็นสายตาของนาง และจ้องตากลับไป
ดวงตาของคนทั้งสองสอดประสาน
มุมปากของฉู่หลิวเยว่หยักยกขึ้น แล้วพยักหน้าให้นางด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์พี่หญิงรุ่ยเออร์ ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้แล้ว ฉะนั้นก็… ต้องขอรบกวนท่านด้วย”
พอเห็นว่าเจียงเห่อเทียนยกเรื่องอินทรีสามตาขึ้นมาพูด ในใจนางก็เดาได้แล้วว่าเขาจะทำอะไร
ต้องยอมรับว่าการกระทำของเจียงเห่อเทียนนั้น อยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ
และหากนางไม่ยอมรับการพิสูจน์ ทุกคนจะต้องสงสัยแน่ๆ
ฉะนั้นนางจะต้องผ่านด่านนี้ให้ได้!
ชือรุ่ยเออร์แอบเป็นกังวล แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พยักหน้าตกลง
เสียงร้องอันแหลมคมและทรงพลังดังขึ้น พร้อมกับร่างกำยำใหญ่โตที่ปรากฏขึ้นเหนือหัวของชือรุ่ยเออร์!
มันคืออสูรในพันธสัญญาของชือรุ่ยเออร์ อินทรีสามตา!
ลำตัวสีดำสนิท ปีกสองข้างขนาดใหญ่กางออก จนแทบจะบดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ได้
จงอยปากอันแหลมคมนั้นช่างน่ากลัว ราวกับสามารถฆ่าคนได้อย่างง่ายดาย!
ดวงตาที่เย็นชาและไม่แยแสคู่นั้น คมกริบราวกับมีดที่หลอมจากน้ำแข็ง ทั้งแหลมคมและน่าสะพรึงกลัว!
มันสยายปีกและบินขึ้นไปวนอยู่รอบๆ ฉู่หลิวเยว่กับเจียงเห่อเทียน
สุ้มเสียงรอบด้านเงียบลง
ทุกคนล้วนจับตามองว่าเจียงเห่อเทียนจักพิสูจน์เช่นไร!
เจียงเห่อเทียนเงยหน้ามองอินทรีสามตาตัวนั้น แล้วกวักมือเรียก
“เชิญ…”
อินทรีสามตาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วโฉบลงไป
หนึ่งคนหนึ่งอสูรอยู่ห่างกันเพียงสามก้าว
ดวงหน้าของเจียงเห่อเทียนแย้มยิ้มอย่างสุภาพ
“ขอบคุณ…”
ขณะกล่าวเช่นนั้น ก็มีลำแสงเย็นๆ สายหนึ่งแวบขึ้นมาในมือ!
ฟิ้ว!
เสียงเคลื่อนที่อันรวดเร็วและกระชับทะลุผ่านอากาศ
ตามมาด้วยเสียงเชือดเฉียดจากของมีคมที่ตัดผ่านเนื้อหนังจนได้เลือด!
มีดบินสีเงินบางเฉียบราวปีกจักจั่น บินตรงไปที่ส่วนอกและส่วนท้องของอินทรีสามตาที่อยู่ตรงหน้าเขา!
กี๊!
อนทรีสามตากรีดร้องอย่างเจ็บปวด!
ความจริงมันตระหนักได้ถึงอันตรายเป็นอย่างดี แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นใกล้มาก จนไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้!
มันสะบัดปีกทันควันโดยไม่ยั้งคิด! พลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งทะยานออกไป!
เจียงเห่นเทียนจุกแน่นในทรวงอก ร่างทั้งร่ายกระเด็นลอยไปไกล!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ ทำเอาให้ทุกคนตกอกตกใจกันถ้วนหน้า
ชือรุ่ยเออร์ลุกพรวดขึ้นแล้วตะโกนด้วยโทสะ
“เจียงเห่อเทียน! เจ้าเสียสติไปแล้วรึ!”
เขาขอให้นางเชิญอินทรีสามตาออก ที่แท้ก็เพื่อสังหารมันรึ!
ทว่าต่อมา ฉากที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น
ทันใดนั้น มีดบินก็แปรกลายเป็นแท่งเหล็กจำนวนมากที่มีความหนาเท่ากับนิ้วก้อย แล้วพุ่งเข้าไปตรงอินทรีสามตาไว้อย่างรวดเร็ว!
บนแท่งเหล็กเต็มไปด้วยหนามแหลมคม!
ราวกับสามารถบดขยี้อินทรีสามตาตัวนี้ได้ทุกเมื่อ!
เจียงเห่อเทียนเช็ดเลือดตรงมุมปากออก พลางแสยะยิ้มอย่างน่าขนลุกและอวดดี พลันเบนสานตาไปมองฉู่หลิวเยว่
“เมื่อเห็นพวกของมันถูกทรมานเช่นนี้ อินทรีสามตาของเจ้า ยังจะทนไหวหรือไม่!”
[1] ขิงแก่เผ็ดร้อน เปรียบเปรยผู้ใหญ่สูงอายุสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้รวดเร็วกว่า ดีกว่าเนื่องจากสั่งสมประสบการณ์มามากแล้ว