ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1469 ซั่งกวนเยว่!
ตอนที่ 1469 ซั่งกวนเยว่!
“หะ…เหตุใดถึงเป็นแบบนี้!”
ไป๋หลีฉุนไม่ใช่เซียนหมอ แต่ก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับยาหมีเซียงพอตัว
เพราะยาเม็ดชนิดนี้ เดิมทีเป็นเจียงจื่อหยวนที่มาขอจากเขา
เมื่อมาถึงพระราชวังเมฆาสวรรค์ นางทั้งโดดเดี่ยวและไม่มีอะไรติดตัวเลยสักอย่าง
แม้แต่ของจำเป็นพื้นฐานก็ไม่มีติดตัว นับประสาอะไรกับยาอาวุวัฒนะระกับสูงแลล้ำค่าอย่างยาหมีเซียง?
โชคดีว่าตอนนั้นไป๋หลีฉุนออกด่านแล้ว
ในฐานะประมุขของพระราชวังเมฆาสวรรค์ หากไป๋หลีฉุนต้องการยาเม็ดนี้ ย่อมเสาะแสวงหามาได้อย่างง่ายดาย
และแน่นอนว่าก่อนมาที่นี่ เขาได้ถามเกี่ยวกับสรรพคุณของมันแล้ว และรู้ว่าผลข้างเคียงของการใช้ยาหมีเซียงนั้นร้ายแรงมาก และต้องรักษาให้ทันภายในเวลาครึ่งก้านธูป มิฉะนั้นจะทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อร่างกายของผู้ฝึกตน
แต่เขาไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้!
ชีพจรดั้งเดิมขาดสะบั้น!
เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้?
เจียงจื่อหยวนคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
ทั่วทั้งกายของนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งภายในและภายนอก เจ็บปวดราวกับถูกบางอย่างกัดแทะ
ทั้งกล้ามเนื้อและโลหิตของนาง และชีพพรดั้งเดิมของนาง!
อาการคันและความเจ็บปวดโรมรันกันจนไม่อาจพรรณนาได้ มันเจ็บจนนางแทบจะทนไม่ไหว!
“ท่านประมุขเจ้าคะ! ช่วยข้า! ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
เจียงจื่อหยวนเอ่ยประโยคนั้นอย่างลำบาก
ตอนนี้นางไม่มีแรงแม้แต่จะพูดให้จบประโยคด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของนาง หัวใจของไป๋หลีฉุนพลันหนักอึ้งจนรับไม่ไหว แล้วรีบหันไปตะโกนเรียก
“ใครก็ได้ช่วยที!”
ทว่าไม่มีใครตอบรับ
ทางฝั่งสำนักหลิงเซียวนั้นมิอาจยื่นมือเข้าช่วย
ส่วนเซียนหมอคนอื่นๆ ในแห่งนี้…
พวกเขาเองก็ไม่ได้โง่
ผู้ใดล้วนมองออกว่า เจียงจื่อหยวนผู้นี้ถูกสำนักหลิงเซียวทอดทิ้งแล้ว หากเข้าไปช่วยนาง เช่นนั้นก็ไม่ต่างจากเป็นปรปักษ์กับสำนักหลิงเซียวหรอกหรือ?
หากทำเพื่อคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง แล้วเกิดผิดใจกับสำนักหลิงเซียว ผู้ในมีปัญญาย่อมรู้ว่าไม่ควรทำ
ส่วนเรื่องให้เกียรติไป๋หลีฉุน…
หรงซิวเองก็อยู่ที่นี่ ขนาดเขายังไม่ช่วย แล้วคนอื่นจะอยากเข้าไปยุ่งหรือ!
เขาตะโกนอยู่สองครั้ง แต่ก็ไร้การเคลื่อนไหวจากกลุ่มคนรอบตัว ตอนนั้นเองที่ไป๋หลีฉุนตระหนักได้ถึงความผิดปกติ และเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ
เพียงมองแวบเดียว เขาก็เข้าใจความคิดของคนเหล่านั้น พลันสั่นสะท้านไปทั้งใจ
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ด้านข้าง พลางมองดูภาพนี้ มุมปากบางหยักยกขึ้น พลางยิ้มเยาะเบาๆ
“ประมุขไป๋หลี บาดแผลบนกายของนาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้ากับถวนจื่อ เช่นนั้นให้ข้าช่วย…”
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ ไป๋หลีฉุนก็หันมามองเขาอย่างดุดัน ดวงตาของชายชราลุกโชนเสมือนเปลวไฟ
“ทำให้นางบาดเจ็บขนาดนี้ ยังไม่พออีกหรือ? เจ้ายังคิดทำสิ่งใดอีก! ไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยอย่างเจ้า จักโหดเหี้ยมเลวทรามถึงเพียงนี้! ชั่วช้าสามานย์นัก…”
ผ้าอาวุโสวั่นเจิงลุกขึ้นชี้หน้าเขา แล้วตะโกนลั่น
“ไป๋หลีฉุน! ระวังคำพูดของเจ้าด้วย!”
กล้าด่าคนของพวกเขาในพื้นที่สำนักหลิงเซียวของพวกเขา ไป๋หลีฉุนผู้นี้ใหญ่โตมาจากไหนกัน!
ถึงเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่พวกเขาหลายคนทางนี้ ก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อยเช่นนั้น!
หรงซิวหลุบสายตาลงต่ำ ปกปิดไอสังหารที่พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา
ไป๋หลีฉุนที่ถูกเอ็ดเสียงดัง พลันได้สติกลับมาอีกครั้ง
เขากัดฟันกรอดจนฟันแทบหัก
เจียงจื่อหยวนพยายามดิ้นรนและครวญครางด้วยความเจ็บปวด เสียงของนางแผ่วลงเรื่องๆ ใบหน้านวลเปลี่ยนจากขาวซีดเป็นสีดำม่วง
ฉู่หลิวเยว่ถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะพับยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอก แล้วมองภาพนั้นจากด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา
อันที่จริง นางไม่ได้คิดจะช่วยเจียงจื่อหยวนจริงๆ หรอก
เพียงแต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองฝางโจว และก่อนหน้านั้นก็มีแค่นางที่ประลองกับเจียงจื่อหยวนสองคน
ถ้ามีใครตายจริงๆ ไป๋หลีฉุนผู้นั้นจะต้องโทษว่าเป็นความผิดของนางแน่นอน
แต่เพราะครั้งนี้เจียงจื่อหยวนใช้ยาหมีเซียง ถึงไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต จากนี้ไปนางจะไม่สามารถกลับเข้าสู่เส้นทางของผู้ฝึกตนได้อีก
เรียกได้ว่าตายร้อยครั้งยังจะง่ายกว่า
การใช้ชีวิตอยู่และสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงจากอัจฉริยะสู่คนไร้ค่า คงจะสนุกไม่น้อยเลย
แต่ดูเหมือนว่าไป๋หลีฉุนจะยอมปล่อยให้เจียงจื่อหยวนตาย มากกว่ารับการช่วยเหลือจากนาง
เช่นนั้นก็ช่วยตัวเองแล้วกัน!
“เจ็บ…ร้อน!”
เจียงจื่อหยวนเจ็บจนระบบไปทั้งศีรษะ ทัศวิสัยของนางเริ่มเลือนราง พลางพึมพำมบางอย่างเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่เชิดหน้าขึ้น แล้วโยนหน้ากากหนังมนุษย์แผ่นนั้นออกไป พลางจัดผมด้านหน้าที่พันกันยุ่งเหยิงให้เข้าที่ แล้วยกมุมปาก
ผลข้างเคียงของการกินยาหมีเซียงนั้นร้ายแรงมาก และต้องรักษาภายในครึ่งก้านธูป
แต่ความจริงแล้ว หากเป็นสถานการณ์ปกติ ยาหมีเซียงจะไม่ได้ออกฤทธิ์ร้ายแรงในทันที
แต่ตอนที่ถวนจื่อพาเจียงจื่อหยวนออกไป มันได้ทิ้งเปลวไฟไว้ในกายของนาง
แม้จะเป็นเปลวไฟขนาดเล็ก แต่ก็มากพอที่จะกระตุ้นพลังปราณในกายของเจียงจื่อหยวนให้ระเบิดออกมา และทำให้ชีพจรดั้งเดิมของฉีกขาดแล้วแตกออกทีละชุ่น!
ฉู่หลิวเยว่เดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่านางคือเจียงจื่อหยวน
เนื่องจากความเป็นศัตรูเก่าและนิสัยที่ค่อนข้างชัดเจนของนาง
ที่เวลาถูกยั่วยุเพียงสองสามครั้ง ก็ตบะแตกทนไม่ไหว
แล้วฉู่เยว่เองก็เองไม่อยากขัดศรัทธาของใครด้วย
เจียงจื่อหยวนพยายามยื่นมือหานาง แต่นางไม่มีเวลาและพลังมากพอที่จะใช้ช่วยเจียงจื่อหยวน
เช่นนั้นก็ปล่อยให้ทุกอย่างจบสิ้นกันวันนี้!
ตัดรากถอนโคนให้หมดสิ้น!
…
เจียงจื่อหยวนสัมผัสได้ว่าประสาทในการรับรู้ของนางเริ่มเลือนราง
ผ่านไปนานเข้า ความเจ็บปวดก็กลายเป็นความด้านชา
นางเป็นเหมือนคนจมน้ำ ที่พยายามดิ้นรน ไขว่คว้าหาความหวังสุดท้ายของชีวิต
เดิมทีนางคิดว่าไป๋หลีฉุนจะช่วยได้ แต่รอแล้วรอเล่า และความเจ็บปวดในกายของนางก็ไม่ได้ลดลงเลย
คลื่นความสิ้นหวังอันหนักหน่วงหลั่งไหลออกมาจากก้นบึ้งของของหัวใจ และค่อยๆ กลืนนางลงไป
“หยวนหยวน! อดทนไว้ก่อน ปู่จะพาเจ้ากลับเดี๋ยวนี้!”
ไป๋หลีฉุนรู้ว่าต่อให้อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้รีบพาเจียงจื่อหยวนกลับไห้ไวเสียดีกว่า
เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง และพยายามพยุงเจียงจื่อหยวนให้ลุกขึ้น
ทว่าอาการบาดเจ็บของเจียงจื่อหยวนรุนแรงเกินไป กระดูกทั่วร่างกายของนางแตกหักนับไม่ถ้วน และไม่ประครองตนลุกขึ้นยืนได้
เพียงขยับตัวเล็กน้อย ก็เจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ
ไป๋หลีฉุนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวางนางลงอีกครั้ง และปลอบโยนนางอย่างแผ่วเบา
“ไม่ต้องห่วง ปู่จะเรียกคนมาเดี๋ยวนี้!”
ขณะกล่าวเช่นนั้น เขาก็หยิบยาอีกเม็ดออกมา แล้วป้อนเข้าปากของเจียงจื่อหยวน
“ยาปราณมังกร ยานั่นที่มีค่ายิ่งกว่ายาหมีเซียงอีก ไป๋หลีฉุนไม่ยอมทิ้งเจียงจื่อหยวนจริงๆ ด้วย…”
“ไม่ยอมทิ้งแล้วอย่างใด? ไม่เห็นหรือว่าสีหน้าของเจียงจื่อหยวนเปลี่ยนเป็นสีอันใดแล้ว? ข้าว่าชีพจรดั้งเดิมของนางใกล้จะถูกทำลายแล้วแน่ๆ ยาปราณมังกรก็แค่ช่วยต่อลมหายใจให้นาง”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ตายไปเลยเสียไม่ดีกว่ารึ!”
…
ตอนนี้พละพลังและความสนใจทั้งหมดของไป๋หลีฉุนอยู่ที่เจียงจื่อหยวน แล้วเขาจะได้ยินที่คนอื่นพูดได้อย่างไร?
ฉู่หลิวเยว่แอบส่ายหัว ในใจพลันนึกขัน
ไป๋หลีฉุนไม่รู้แน่ๆ ว่าร่างกายของเจียงจื่อหยวนได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด
ยาปราณมังกรนั้นสามารถฟื้นฟูและเติมพลังปราณเข้าไปในร่าง ทำให้รู้สึกสดชื่น อบอุ่นและซ่อมแซมร่างกาย
แต่อันดับแรก…คนผู้นั้นจะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงและสมบูรณ์!
ตอนนี้ชีพจรดั้งเดิมของเจียงจื่อหยวนใกล้ขาดสะบั้น นางย่อมมิอาจควบคุมพลังในกายได้ การที่เขาทำเช่นนี้ มิต่างจากการเติมเชื้อเพลิงลงในเลย
นางส่ายหัวไปมา และคร้านเกินกว่าจะดูต่อไป พลันหันหลังกลับและจากไป
ทว่าขณะเดียวกัน น้ำเสียงอันอ่อนแรงและแผ่วเบาของเจียงจื่อหยวน ก็ดังมาจากด้านหลัง
“ซะ…ซั่งกวน…เยว่”
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นระรัว!