ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1384 กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ
ตอนที่ 1384 กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ
“ซั่งกวนเยว่ ข้ากับเจ้าต่างฉาดเป็นกรด ไยจักต้องเล่นแง่พูดวกวนไปมาอยู่ที่นี่ให้เสียเวาลากัน?”
อีกฝ่ายหัวเราะขบขัน หากแต่แฝงไปด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็น
“เจ้าคงไม่คิดว่า เจ้าเก่งพอจนสามารถซ่อนสิ่งนั้นจากสายตาผู้คน ได้โดยสมบูรณ์หรอกใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ตอบ
นางมั่นใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงไข่มุกธารา
เพียงแต่ นางแค่ไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร
ก่อนที่จะมาที่นี่ นางเคยสงสัยว่าอีกฝ่ายคือจิตวิญญาณของคนที่เคยสิงสู่ร่างของซั่งกวนหว่าน แต่พอเขาเปิดปากพูด นางก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่
“อย่างไรเสีย กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ[1]ของเจ้านั้น ถือว่าดีไม่น้อยเลย แต่เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า ถึงสิ่งนั้นจะอยู่กับเจ้า แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ถูกตรวจสอบ สุดท้ายแล้ว ก็ไม่ต่างจากเสียเวลาเปล่า”
ฉู่หลิวเยว่ผงะอย่างตกใจ
กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบรึ?
หมายความเช่นไรกัน?
หรือจะหมายถึง… เรื่องที่นางเกิดใหม่?
แต่ชัดเจนว่าตอนนั้นนางถูกคนทำร้าย…
ทันใดนั้น ก็มีบางอย่างแวบขึ้นมาหัวของนาง!
นางหันศีรษะไปมองมู่ชิงเห่อที่อยู่ด้านข้างทันควัน!
มู่ชิงเห่อคุกเข่าลงบนพื้น พลางก้มศีรษะลงต่ำ จนมองไม่เห็นสีหน้าของเขา
และเห็นเพียงมือที่กำหมดแน่น ราวบ่งบอกว่ายามนี้จิตใจของเขาฟุ้งซ่านเพียงใด
ภาพเหตุการณ์นับไม่ถ้วน ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
ย้อนกลับไปตอนนั้น…
สรุกแล้วการตายของนาง…
ชิ้ง!
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีแส้ยาวสีโลหิตพุ่งออกมาจากกระจกสัมฤทธิ์ แล้วมุ่งหน้าตรงไปทางฉู่หลิวเยว่!
ฉู่หลิวเยว่ขยับตัวไปด้านหลังทันที!
ทว่าถึงนางจะเร็ว แต่แส้โลหิตนั้นเร็วยิ่งกว่า!
มันพุ่งไปดักหน้าฉู่หลิวเยว่ในพริบตา!
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น พลันวาดค่ายกลสีแดงเพลิงขว้างหน้าไว้!
ซี่…ซี่!
กลิ่นคาวเลือดอันมิน่าภิรมย์ฟุ้งกระจาย จนแทบสะอิดสะเอียน
ราวกับสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่น่าหวาดหวั่น แส้โลหิตเส้นนั้นพลันละลายหายไปอย่างรวดเร็ว!
“กษายะหางวายุ!”
ในที่สุด น้ำเสียงในกระจกสัมฤทธิ์ก็เปลี่ยนไป กลายเป็นแส้เสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจระคนเหลือเชื่อ!
จากนั้นเขาก็แค่นหัวเราะหนึ่งที
“เหอะ คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากไม่ได้เจอกันนาน ถึงความแข็งแกร่งของเจ้าจะหายไป แต่กลับยังโชคดีไม่เปลี่ยน!”
เขาระรัวคำพูดออกมามากมาย ฉู่หลิวเยว่พยายามเรียบเรียงแล้ววิเคราะห์ในใจซ้ำไปซ้ำมา
บุรุษผู้นี้…
เคยพบพานกับนางมาก่อนหรือ!
และเหมือนว่าเขาจะรู้มานานแล้วด้วย ว่าไข่มุกธาราเม็ดนั้นสถิตอยู่ในกายของนาง!
ฟิ้ว!
แส้โลหิตอีกเส้นพุ่งออกมา!
ครั้งนี้พลังปราณที่บรรจุอยู่ในนั้น แข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด!
ค่ายกลของฉู่หลิวเยว่แตกเป็นรู
แส้โลหิตนั้นมีความยืดหยุ่นแลมีไหวพริบ พลันกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว! แล้วฟาดฟันใส่ฉู่หลิวเยว่อย่างแรง!
ในใจของของฉู่หลิวเยว่กู่ร้องราวกับเสียงระฆัง!
ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย น่าจะเหนือกว่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงแน่ๆ!
ถ้าโดนการโจมตีเมื่อครู่เข้าโดยตรง เกรงว่ามันคงพรากชีวิตครึ่งหนึ่งของนางไปแล้ว!
ขณะเดียวกัน เรือนร่างของฉู่เยว่พลันเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง!
พร้อมกับโล่สีดำที่ปรากฏขึ้นในมือซ้ายของนาง!
เปรี๊ยง!
แส้โลหิตฟาดโดนโล่สีดำเข้าอย่างแรง!
ลมปราณแลความดันโลหิตของฉู่หลิวเยว่พุ่งกระฉูด พลันกระอักเลือดออกมาเต็มปาก!
พลังปราณอันน่าหวาดกลัวกระแทกอัดใส่ร่างของนาง จนกระเด็นลอยไปอย่างคุมไม่อยู่!
ตูม!
นางลอยไปกระแทกกับกำแพงด้านหลังอย่างแรง และล้มลงกับพื้น แผ่นหลังบางปวดร้าวราวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ!
ความเจ็บปวดสาหัสแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย
ใบหน้านวลซีดลงทันที!
มู่ชิงเห่อคุกเข่าลงกับพื้น และก้มหัวลงต่ำยิ่งพลางกำหมัดแน่นกว่าเดิม
“น่าเสียดายจริงๆ สิ่งนั้นยอมรับเจ้าเป็นนายแล้ว ถ้าอยากเอามันออกมาจากเจ้า คงต้องใช้ความพยายามกันหน่อย…”
ขณะกล่าวเช่นนั้น แส้โลหิตก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นมีดเล่มยาว! แล้วแทงไปที่ช่องท้องส่วนล่างของฉู่หลิวเยว่!
แต่ทันใดนั้น กลับมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นบนอากาศด้านหน้าฉู่หลิวเยว่
มีดยาวสีชาดถูกสกัดกั้นไว้อย่างเงียบเชียบ!
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงแล้วเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็นร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากห้วงมิติตรงกลาง!
วันนี้เขาสวมชุดคลุมผ้าแพรสีดำ บนกายของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างน่าประหลาดใจ
ท่วงท่าราวกับบุรุษผู้สูงส่งแลทรงเกียรติ แต่ตัวเขานั้นหาได้แยแสไม่!
แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือชายเสื้อผ้าเปื้อนเลือดของเขา
โลหิตหยดแล้วหยดเล่า หยดลงพื้นขณะที่ร่างนั้นสาวเท้าเดินไปรอบๆ
ราวกับว่าเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมา
กลิ่นคาวเลือดปกคลุมหนาแน่น จนแทบหายใจไม่ออก
แต่หัวใจของฉู่หลิวเยว่กลับสงบลงในพลัน
ประหนึ่งว่าหากมีคนผู้นี้อยู่เคียงข้าง เขาย่อมสามารถปกป้องนางจากภัยพิบัติทุกอย่างได้ โดยที่นางไม่ต้องกังวลอะไรเลย
เขายกมือขึ้นควบคุมมวลสารในอากาศ
ตูม!
มีดโลหิตเล่มยาวที่ดุร้ายเล่มนั้นระเบิดเป็นจุล พลันแตกสลายไปจนหมด!
“หรงซิว!”
ชายในกระจกสัมฤทธิ์กรีดร้องด้วยความตกใจ
“ไยเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่!?”
หรงซิวยิ้มเยาะเบาๆ
“นางอยู่ที่นี่ ข้ามาที่นี่แล้วมันแปลกตรงไหน แต่เหมือนว่าเจ้า…จะดูผิดหวังนะ?”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง พลางหัวเราะเย้ยหยัน
“คุณนี่มัน รับมือยากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก”
“คนของเจ้าต่างหาก ที่อ่อนแอเกินไป”
หรงซิวพูดอย่างใจเย็น ราวกลับกลุ่มเมฆที่พัดผ่านไปตามสายลมเอื่อยๆ
แต่คนฟังกลับจุกจนพูดไม่ออก
ฉู่หลิวเยว่กำลังจะอ้าปาก แต่จู่ๆ นางก็รู้สึกถึงคลื่นความผันผวนในจุดตันเถียน!
แกรก!
เสียงแตกเล็กๆ ดังชัดเจนในรูหู!
มันคือรอยแตกร้าวอีกเส้น ที่ปรากฏขึ้นบนเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำ!
ราวกับมีบางอย่างกำลังจะพุ่งออกมา!
หรงซิวหันกลับไปมองทันที
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามองเขาด้วยความตกใจ
ทั้งสองคนสบตากัน
แวบหนึ่ง ความคิดถึงแลคะนึงหาอันไร้ที่สิ้นสุด พุ่งขึ้นมาในหัวใจของพวกเขา
พวกเขาไม่ได้เจอกันแค่ช่วงหนึ่ง แต่ฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกว่ามันผ่านไปนานเหลือเกิน
นางพยายามขยับริมฝีปาก แต่สุ้มเสียงเหล่านั้นกลับเบาหวิว เสียจนดูราวจะหายไปกับสายลมได้ทุกเมื่อ
“หรงซิว…”
ครั้นสิ้นเสียง ภาพความทรงจำนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของนาง!
นางหลับตาลง และล้มลงกับพื้น
“เยว่เออร์!”
คิ้วกระบี่ของหรงซิวขมวดฉับ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปอุ้มอีกคนไว้ในอ้อมแขนด้วยความเร็วดั่งแสง!
[1]กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ เป็นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการรักษาไว้ซึ่งตามแบบแผนการจัดแนวรบในรูปแบบเดิม ให้แลดูสง่าและน่าเกรงขาม เป็นการหลอกล่อไม่ให้ศัตรูเกิดความสงสัย ไม่กล้าผลีผลามนำกำลังทหารบุกเข้าโจมตี เมื่อรักษาแนวรบไว้เป็นตั้งมั่นแล้วจึงแสร้งถอยทัพอย่างปกปิด