ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1382 สหายเก่า
ตอนที่ 1382 สหายเก่า
แต่ที่น่าตกใจกว่าฉู่หลิวเยว่ ก็คือคนที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกต่างหาก
ท่ามกลางคนทั้งหมด ส่วนใหญ่กำลังคิดว่าจะอดทนรอต่อไป หรือหาทางบุกเข้าไปแทน
อันที่จริงพวกเขาทุกคนพร้อมลงมือ ทว่าแค่ดูจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาสงบสติอารมณ์ลง และพยายามหาทางออกที่ดีที่สุด
หากแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า ก่อนที่พวกเขาจะทันได้วางแผน กลับมีใครบางคนบุกเข้ามาแล้วชิงลงมือก่อนพวกเขา!
เหนือท้องนภาอันกว้างใหญ่ มีร่างหลายร่างในชุดคลุมสีดำ กำลังโจมตีใส่ทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่าง!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเขย่งปลายเท้า พลันพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“พวกนั้นเป็นใคร!”
อีกฝ่ายคือกลุ่มคนประมาณเจ็ดหรือแปดคน ทุกคนล้วนปิดหน้าปิดตา จนมองไม่เห็นสีหน้าคร่าตาที่แท้จริง
แต่ลมปราณบนกายของพวกเขานั้นทรงพลังมาก แต่ละคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง!
โดยเฉพาะบุรุษที่อยู่เบื้องหน้า ลำตัวของเขาโก่งโค้งลงเล็กน้อยราวกับคนชรา ลมปราณของเขาลึกล้ำแลคลุมเครือ ทำให้มองไม่ออกว่าเขาแข็งแกร่งระดับใด!
หัวใจของผู้อาวุโสฮวาเฟิงพลันจมดิ่ง
อีกฝ่ายกล้าบุกเข้ามาแบบนี้ แสดงว่าต้องเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว!
คนเหล่านี้ไม่สนใจผู้อาวุโสฮวาเฟิง และทำเพียงโจมตีพื้นดินด้านล่าง ราวกับต้องการถล่มทั้งสุสาน!
เปรี๊ยะ!
เกิดรอยแตกขนาดใหญ่ขึ้นบนก้อนหินด้านล่าง
“พวกเจ้า…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหน้าถอดสีทันที แต่ก่อนที่เขาจะได้กล่าวอันใด เขาก็เห็นร่างหนึ่งวิ่งออกมาจากด้านล่าง
ร่างสูงโปร่ง แขนขาเรียวยาว ว่องไวแลปราดเปลี่ยว ซึ่งก็คือฉู่หลิวเยว่!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าให้ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเบาๆ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอยหลังไปสองสามก้าว
ทว่าในใจนั้นยังเปี่ยมไปด้วยด้วยความกังวล เขาจ้องมองทั้งสองฝ่ายที่กำลังเผชิญหน้ากันอย่างไม่ละสาย
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่กลางอากาศ พลางหันหน้ามองฝ่ายโน้นจากระยะไกล
นางกวาดสายตามองพวกเขาอย่างรวดเร็ว พลันตระหนักได้ว่านางไม่รู้จักคนเหล่านี้
ทว่าลมปราณอันเย็นยะเยือกบนกายาของพวกเขานั้น ช่างดูคุ้นเคยเสียเหลือเกิน
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง พลันแค่นยิ้มออกมา
“มิทราบพวกเจ้าชื่อเสียงเรียงนามอันใด ไยจักถ่อมาถึงที่นี่รึ?”
เสียงที่ฟังดูแก่ชราของหัวหน้ากลุ่ม เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
“เจ้านายของข้าต้องการพบเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลางเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ
“แล้วเจ้านายของพวกเจ้า…เป็นใครรึ? ถ้าอยากเจอข้า ก็ต้องแนะนำตัวเองก่อนมิใช่รึไร?”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ถามเรื่องนี้”
ชายชราผู้นั้นไม่สนใจคำพูดของฉู่หลิวเยว่เลยสักนิด
“แค่มากับเราก็พอ มิเช่นนั้นผู้คนที่อยู่ที่นี่ จักต้องถูกชำระตามราคาที่เจ้าเลือก”
น้ำเสียงของชายชราสงบนิ่ง ราวกับเอ่ยถึงเรื่องธรรมดาทั่วไป
หัวคิ้วของฉู่เยว่พลันขมวดมุ่น
ยามนี้สภาพขององค์ไท่จู่กำลังเข้าขั้นวิกฤต หากนางจากไปเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นบ้าง
ทว่าประโยคต่อมาของชายชรา ทำเอาฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว
“วางใจเจิด สหายเก่าของเจ้าเองก็อยู่ที่นี่ พวกเจ้าไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ถึงเวลาไปเยี่ยมเขาเสียที”
ฉู่หลิวเยว่กำหมัดแน่น
“ใครกัน?”
“มู่ชิงเห่อ”
ฉู่หลิวเยว่ตอบรับทันควัน
“ข้าจะไปกับพวกเจ้า!”
“ฉู่เยว่!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงผงะไปแวบหนึ่ง พลันรีบห้ามเขา
“ฉู่เยว่ คิดให้ดีก่อน!”
แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าคนพวกนี้มิใช่คนดี หากไปกับพวกเขา ย่อมพบเจอกับอันตรายมิใช่หรือ?
และเมื่อถึงตอนนั้น หากคิดจะหนีคงยากเสียแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะเบาๆ
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิงขอรับ ครั้งนี้ศิษย์ต้องไปจริงๆ ท่านโปรดวางใจ ศิษย์รู้ตัวดีขอรับ”
เมื่อเห็นเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของเขา ผู้อาวุโสฮวาเฟิงที่กำลังจะอ้าปากแย้ง ก็จำต้องงับปากลง และทำได้เพียงส่ายหัวพลางถอนหายใจ
มู่ชิงเห่อผู้นั้นเป็นใครกัน ทันทีที่ฉู่เยว่ได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป และตกปากรับคำไปกับคนพวกนั้น โดยไม่คำนึงถึงอันตรายใดเลย
ถ้าเกิดอันใดขึ้นกับเขาจริงๆ…
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองชายชราคนนั้น
“ไปกันเถอะ!”
…
ร่างเงาชุดดำหลายคนเข้ามาล้อมรอบฉู่หลิวเยว่ไว้ ก่อนจะพาบินไปยังส่วนลึกของบุพกาลชายเดือนเหนือ
ร่างของพวกเขาหายไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว
กระทั่งแน่ใจว่าพวกเขาหายไปจากครรลองสายตาแล้ว เหล่าผู้คนที่คอยสังเกตการณ์อยู่ จึงพากันเบนสายตาไปมองกลุ่มของผู้อาวุโสฮวาเฟิง ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“เมื่อครู่เป็นคนจากตระกูลใดกัน?”
“ข้าดูไม่ออก…แต่มิได้อ่อนแอเลย โดยเฉพาะคนพูด ท่ามกลางพวกเขาทั้งหมด เกรงว่าคงจะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้”
“แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนจากเหล่าตระกูลขุนนางของอาณาจักรเสิ่นซวี่นา…”
“เหตุใดพวกเขาถึงเรียกฉู่เยว่ออกไป? แถมยังบอกอีกว่าจะพาไปพบสหายเก่า…มู่ชิงเห่อผู้นั้น เป็นใครมาจากไหนกัน?”
ทุกคนล้วนกล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยสับสนระคนใคร่รู้
ชือรุ่ยเออร์หันไปมองผู้อาวุโสฮวาเฟิง และอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามว่า
“ผู้อาวุโสเจ้าคะ พวกเราจะรอดูอยู่เฉยๆ เช่นนี้จริงๆ หรือเจ้าคะ? หากฉู่เยว่เขา…”
ชัดเจนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนั้น!
หากไปแล้วเกิดเรื่องขึ้นกับเขาจริงๆ จะทำอย่างไร?
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหลับตาลง
“แต่ฉู่เยว่…ไม่ให้เราตามไป…เขาน่าจะมีแผนอยู่ในใจแล้ว…”
“แต่พลังของเขาเองก็มีจำกัด อีกทั้งยังตัวคนเดียว เขายังคิดจะทำการใดอีก?”
ชือรุ่ยเออร์มุ่นคิ้ว
ก่อนหน้านี้ฉู่เยว่เคยช่วยนางไว้ นางจึงรู้สึกซาบซึ้งมาก และไม่เคยอยากให้อันใดเกิดขึ้นกับเขา
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกำลังจะเอ่ยตอบ แต่จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่าง พลันยกมือขึ้นแล้วหยิบตราหยกออกมา
มันคือตราหยกของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน
ดวงไฟที่กะพริบอยู่บนนั้น พลันระเบิดแตกตัวออกมาเป็นกลุ่มแสงพราวพราว!
พร้อมกับคลื่นสัญญาณการติดต่ออันทรงพลังที่พวยพุ่งออกมาจากตรงกลาง!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงตกใจระคนยินดียิ่ง
“ปั๋วกำลังตามหาพวกเราอยู่!”
ผู้อาวุโสหลายยังคงเป็นกังวลอยู่มาก
“จริงหรือ? คงไม่ผิดพลาดเหมือนครั้งก่อนหรอกใช่หรือไม่?”
ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยสิ้นหวังมาแล้ว!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกระชับตราหยกในมือแน่นขึ้น
“ไม่! ครั้งนี้ของจริงแน่! เพราะตราหยกนี่จะส่งสัญญาณก็ต่อเมื่อนายของมันกำลังประสบภัยอันตราย เกรงว่าสถานการณ์ทางฝั่งปั๋วเหยี่ยน คงไม่สู้ดีนัก”
ครั้นสิ้นประโยคนี้ ทุกคนที่ฟังอยู่พลันหันมองหน้ากันและเงียบเสียงลง
“เช่นนั้นพวกเรา…”
ด้านหนึ่งก็ฉู่เยว่ อีกด้านก็ปั๋วเหยี่ยน…
ยากที่จะตัดสินใจได้
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกำหมัดแน่น และครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็กัดฟันอดทนแล้วตัดสินใจ
“ไปหาพวกของปั๋วเหยียนก่อน!”
ส่วนฉู่เยว่นั้น…
ในเมื่อเขากล้าไป เขาก็ต้องพาตัวเองกลับมาได้!
นอกจากนี้ เหล่าผู้คนที่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อครู่นั้นทรงพลังยิ่ง พวกเขาจำต้องไปรวมตัวกับคนอื่นๆ ในสำนักวิชาเสียก่อน ถึงจะมีโอกาสชนะคนพวกนั้น
หากดันทุรังไปช่วยฉู่เยว่ตอนนี้ ย่อมไม่มีประโยชน์
หลังจากตัดสินใจแล้ว ผู้คนจากสำนักหลิงเซียวก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว และจากไปพร้อมกันมิลังเล!
จินตี้และคนอื่นๆ มองภาพนั้นอย่างตกตะลึง
นี่พวกเขา…จากไปเช่นนี้เลยรึ?
คราแรกก็ฉู่เยว่ถูกลักพาตัว จากนั้นพวกคนจากสำนักหลิงเซียวก็อพยพออกไป
นี่พวกเขาไม่คิดอยู่เฝ้าที่นี่ต่อแล้วจริงๆ หรือ?
เขาหันไปมองสุสานขนาดใหญ่อย่างลืมตัว แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าค่ายกลสีเงินนั่นยังคงอยู่!
เขากัดฟันกรอด แล้วหันไปมองคนที่เหลือ
“ทุกท่าน หากผู้ใดต้องการเข้าไป ก็จงก้าวออกมาด้านหน้า! พวกเราต้องร่วมด้วยช่วยกัน! ถ้าเจอสมบัติข้างในนั้น เราก็ค่อยมาแบ่งกันอย่างเท่าเทียม! ทุกท่านว่าเช่นไร?”