ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1371 ทำลายตนเอง
ตอนที่ 1371 ทำลายตนเอง
ชือรุ่ยเออร์ถึงกับทึ่มทื่อไปชั่วขณะ
นางมาก็เพื่อหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์เองแท้ๆ ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะถูกเจ้าสิ่งนั้นโจมตีโดยไร้เค้าลางเช่นนี้!
เริ่มแรกนางยังคิดอยู่เลยว่าตัวเองได้รับเลือกจากหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์เข้าแล้ว ทว่าไม่นานความเจ็บปวดอันรุนแรงทำให้นางตื่นขึ้นในฉับพลัน… เห็นได้ชัดเลยว่าของสิ่งนี้ต้องการเอาชีวิตนาง!
หลังจากรู้สึกตัว นางก็รีบก้าวถอยหลังอย่างสิ้นสติ ด้วยคิดอยากสะบัดของสิ่งนี้ออกจากตัว!
ทว่าไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น?
เพียงชั่วพริบตา ร่างของนางก็ปรากฏรอยไหม้หลายระดับบนผิวหลายจุดเข้าเสียแล้ว!
“คุณหนูรอง!”
คนจากเฟยซิงเหมินเห็นดังนั้นก็รู้ได้ทันทีถึงภยันตราย จึงรีบทะยานไปยังเบื้องหน้าเร็วรี่ หมายจะช่วยชือรุ่ยเออร์ออกมา
ทว่าเปลวเพลิงโปร่งใสแผดเผารุนแรง พวกเขาแค่จะเข้าใกล้ก็ยังทำไม่ได้ นับประสาอันใดกับเรื่องอื่นกัน?
กี๊!
อินทรีสามตาสยายปีกกว้างออก คลี่แผ่ไปสกัดกั้นอยู่เบื้องหน้าของชือรุ่ยเออร์
ทว่าเปลวเพลิงโปร่งใสนั่นกลับรวมตัวกลายเป็นแส้เพลิง ก่อนจะสะบัดเอาตัวมันออกไปอย่างว่องไว!
หลังจากนั้นมันก็เพิ่มความเร็วจนน่าตื่นตะลึง พุ่งตรงไปยังตัวชือรุ่ยเออร์!
หัวคิ้วของฉู่หลิวเยว่ขมวดเป็นปมแน่น
ชือรุ่ยเออร์หาได้ทำสิ่งใดอันเป็นการดึงดูดสายตาไม่ เหตุใดจึงได้ถูกเพ่งเล็งไม่หยุดหย่อนเช่นนี้?
ในตอนที่ฉู่หลิวเยว่กำลังก้าวไปข้างหน้าหมายจะยื่นมือเข้าช่วย พลันได้ยินเสียงแปลกประหลาดของอันใดบางอย่างแว่วขึ้นมาจากผืนดินที่อยู่ด้านใต้
นางก้มศีรษะลงมอง นัยน์ตาพลันหดแคบลง!
นางพบว่าภายในหลุมลึกที่เละเทะยุ่งเหยิง มีบางสิ่งบางอย่างโผล่พรวดออกมา
นั่นก็คือรากไม้รากหนึ่ง ทั่วทั้งรากเคลือบสีดำสนิท มีความหนาเทียบเท่าเพียงแขนทารก ทว่ากลับบรรจุไว้ซึ่งลมปราณอันเฟื่องฟูจนน่าตื่นตะลึง
มันเจาะทะลุผ่านพื้นด้านล่างขึ้นมา ก่อนจะเริ่มแผ่ขยายไปตามผืนดินอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าพื้นที่ใดที่มันเลื้อยผ่าน หิมะที่ทับถมกันก็จะละลายเหือดหายอย่างรวดเร็ว
หยาดน้ำหิมะบางส่วนถูกมันดูดซับเข้าไป บางส่วนหรือก็ซึมลงพื้นดิน
มันเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเร็วที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่า
หลังจากนั้น ก็มีรากที่สอง รากที่สามโผล่ขึ้นมาด้วย!
ต้นไม้ต้นหนึ่งพลันงอกเงยขึ้นมาจากตรงกลาง
บริเวณโดยรอบทั้งหมดล้วนเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ต้นไม้ต้นนั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก มีเพียงราก ลำต้นและกิ่งก้านเท่านั้นที่มีสีดำสนิท แต่ใบไม้กลับมิได้ดำตามไปด้วย
หากมิใช่เพราะเห็นกับตาว่ามันงอกเงยเติบโตขึ้นมา เกรงว่าผู้คนจะคิดไปว่านั่นคงเป็นแค่หยกดำที่แกะสลักจนเปลี่ยนรูปร่างไปเท่านั้น
ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกได้ถึงลมปราณอันบางเบาสายหนึ่ง ที่แสนจะคุ้นเคยขึ้นมาในทันใด
สองตาของนางจ้องเขม็งไปยังต้นไม้ต้นนั้น พลันรู้สึกว่าตนเคยเห็นต้นไม้ต้นนี้จากที่ใดสักที่
ในช่วงเวลาสั้นๆ ต้นไม้ต้นนี้ก็เติบโตจนสูงไล่เลี่ยกันกับต้นไม้ปกติแล้ว
ทว่ามันมิได้หยุดอยู่ตรงนี้แต่อย่างใด กลับกันยังคงเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง
กิ่งก้านแตกสาขาออกไปเรื่อยๆ รากของต้นหรือก็ขยายฝังรากลึก
ทุกที่ที่มันขยายรากผ่าน หิมะที่ทับถมกันก็ละลาย เกิดเป็นภาพฉากอันอบอุ่นราวกับอยู่ในช่วงใบไม้ผลิ
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนผิดแผกแปลกประหลาดยิ่ง ผู้คนที่เฝ้าจับจ้องอยู่ต่างก็เผยสีหน้าตื่นตกใจอย่างอดไม่ได้ และทยอยพากันถอยหลังไปทีละคนสองคน
“อ๊า…”
ชือรุ่ยเออร์ที่ถูกเหวี่ยงลงกับพื้นพ่นลมหายใจออกมาอย่างเจ็บปวด!
ฉู่หลิวเยว่ทอดสายตาจ้องเขม็ง บนร่างของชือรุ่ยเออร์เกิดบาดแผลมากมายนับไม่ถ้วน คราบเลือดเปรอะเปื้อนทั่วร่าง สภาพกระเซอะกระเซิงยิ่ง
นางถูกเปลวเพลิงโปร่งใสนั่นล้อมเอาไว้ แม้จะพยายามเสี่ยงชีวิตดิ้นรนเอาตัวรอด ก็ยังคงไร้หนทางดับเพลิงเหล่านี้ลง นางทำได้แค่ทนรับความเจ็บปวดอันแสนสาหัสเท่านั้น
พวกผู้อาวุโสคิ้วขาวต่างก็ร้อนใจดุจโดนไฟลน ทว่ากลับมิสามารถรุดหน้าเข้าไปช่วยเหลือนางได้
ชัดเจนแล้วว่าหม้อน้ำโปร่งแสงนั่นต้องการเอาชีวิตนาง!
“สรุปแล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับชือรุ่ยเออร์กันแน่? นางถึงได้ถูกหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ไล่ฆ่าเช่นนี้?”
ผู้คนต่างก็สับสนงุนงงกันทั่วถ้วน
ในตอนที่ฉู่หลิวเยว่กำลังจะรุดหน้าไป หางตาพลันเหลือบไปเห็นแสงสีทองม่วงผ่านวาบเข้ามาสู่สายตาเสียก่อน
ใจของนางกระตุกวูบ รีบเสสายตามองตามสิ่งนั้นไป
ก่อนจะพบว่าบนลำต้นสีดำสนิทงอกใบไม้เล็กๆ ออกมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด
ใบไม้ใบนั้นมีสีทองม่วง บางราวปีกจักจั่น ใสกระจ่างดุจหยก ยามต้องแสงอาทิตย์สาดส่องก็จะสะท้อนแสงสว่างจางๆ ออกมา
นี่มัน…
ใบโพธิ์สีทองม่วง!
ฉู่หลิวเยว่คุ้นเคยกับของสิ่งนี้มากเสียยิ่งกว่าอันใดดี!
ในตอนนั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งใบโพธิ์สีทองม่วงสักใบหนึ่ง นางต้องเปลืองแรงไปไม่น้อยเลยทีเดียว!
คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเห็นมันในที่แบบนี้!
หากงอกใบไม้เช่นนี้ออกมาได้ เช่นนั้นต้นไม้ต้นนี้…
ความคิดไร้สาระและออกจะบ้าดีเดือดพลันแวบเข้ามาในสมองของฉู่หลิวเยว่!
นี่ก็คือต้นโพธิ์สีทองม่วงในตำนานนั่นเอง!
…
ในเมื่อมันมางอกเงยอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็แสดงว่าเผ่าอินทรีสามตาเองก็คงอยู่ใกล้ๆ นี้ด้วย!
ฉู่หลิวเยว่รีบกวาดสายตามองดูโดยรอบอย่างรวดเร็ว
ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่า
ไร้ซึ่งกระทั่งเงาครึ่งร่างของอินทรีสามตา
ทว่าในใจของนางยังคงรู้สึกราวกับถูกอันใดบางอย่างบีบรัดไว้แน่น
ตอนนี้ไม่เจอ ไม่ได้แปลว่าพวกมันจะไม่อยู่ที่นี่!
นางพลันคิดอันใดได้ จึงเอ่ยถามในใจไปว่า
“ปีนั้นที่เจ้าถูกผนึกไว้ในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ เผ่าอินทรีสามตารู้เรื่องด้วยสินะ?”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ สุ้มเสียงทุ้มต่ำติดจะเฉยชาก็แว่วดังขึ้นมาในที่สุด
“ข้าเองก็ไม่รู้”
ในตอนที่เกิดเรื่องกับมันครานั้น ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน มันไม่ทันได้บอกคนในเผ่าด้วยซ้ำว่าไปพบเจออันใดมากันแน่
พันปีต่อมา มันถูกขังอยู่ในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ ถูกผนึกทับไว้ใต้ดิน ซ้ำยังสะบั้นความสัมพันธ์กับเผ่าของตนไปจนหมดสิ้น
ดังนั้นมันเองก็ไม่แน่ใจว่าเผ่าพันธุ์ของมันรู้เรื่องนี้หรือไม่
“แต่ต้นไม้นี่เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าข้าจริงๆ ละแวกนี้ต้องมีอินทรีสามตาตัวอื่นเป็นแน่…”
แซ่ก!
มันยังพูดไม่ทันจบ อินทรีสามตาจำนวนหนึ่งพลันบินทะยานออกมาจากต้นโพธิ์สีทองม่วงต้นนั้น!
เงามืดสีดำกระจายกันไปมืดฟ้ามัวดิน ชั่วพริบตาก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งผืนฟ้าเอาไว้ได้!
จิตสังหารรุนแรงชวนให้สันหลังเย็นวาบปะทะเข้าหน้าอย่างจัง!
จากนั้น พวกมันก็พร้อมใจกันบินพุ่งไปทางชือรุ่ยเออร์!
ดูท่าแล้ว ชัดเจนเลยว่าพวกมันต้องการปลิดชีวิตของนางเสีย!
เมื่อคนจากเฟยซิงเหมินเห็นดังนี้แล้ว แม้ในใจจะรู้สึกหวาดกลัวขนาดไหน ทว่าก็ทำได้แค่กัดฟันทนเท่านั้น!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเองก็ใจแทบกระดอนออกมาจากอก
“เร็วเข้า! ช่วยรุ่ยเออร์กลับมาให้ได้!”
ลำพังหากพึ่งพาแค่คนเหล่านี้ของเฟยซิงเหมิน ย่อมมิอาจเป็นคู่ปรับของอินทรีสามตาพวกนั้นได้!
ทว่า ในตอนที่ผู้อาวุโสทุกท่านกำลังจะรุดหน้าไปนั่นเอง ด้านหลังพลันแว่วเสียงห้ามปรามเสียงหนึ่งขึ้นมา
“ท่านผู้อาวุโสโปรดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนเถิด!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหันศีรษะผินหน้ามาอย่างเย็นชา
“เจียงจื่อหยวน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะเข้ามาสอดมือได้ตามใจชอบ! เจ้า…”
“ผู้อาวุโส ข้าทำก็เพราะหวังดีต่อทุกคนนะเจ้าคะ!”
เจียงจื่อหยวนรีบก้าวมายังข้างหน้า พลางเอ่ยอย่างรวดเร็วว่า
“อินทรีสามตานิสัยยโสโอหัง แทบจะไม่ทำพันธสัญญากับเผ่ามนุษย์เลยด้วยซ้ำ การที่พวกมันเพ่งเล็งที่ศิษย์พี่หญิงชือรุ่ยเออร์เช่นนี้ได้ เห็นได้ชัดเลยว่า เป็นเพราะก่อนหน้านี้นางได้ใช้กำลังบังคับให้อินทรีสามตาตัวนั้นทำพันธะด้วย หรือท่านลืมไปแล้วหรือว่าอินทรีสามตาตัวนั้นมาได้อย่างใด?”
ตัวชือรุ่ยเออร์เองก็เคยพูดไว้ว่าเป็นบิดาของนางลงแรงไปมากมายเพื่อจับมันมาด้วยตัวเอง
อีกทั้งครานั้นอินทรีสามตาตัวนั้นยังไม่โตเต็มวัยเลยด้วยซ้ำ
เลี้ยงมานานนม ก่อนจะทำพันธสัญญากับชือรุ่ยเออร์ได้ในท้ายที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ถือเป็นความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวงของเผ่าอินทรีสามตา!
พวกมันย่อมไม่ปล่อยชือรุ่ยเออร์ไปแน่!
“หากพวกเรารุดหน้าเข้าไปช่วยตอนนี้แล้วล่ะก็ นอกจากจะไร้หนทางเอาชนะอินทรีสามตาพวกนั้นไม่ได้ไม่พอ อาจไปกระตุ้นให้พวกมันโมโห แล้วทำให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่กว่าเก่านะเจ้าคะ!”
สีหน้าของผู้อาวุโสฮวาเฟิงเปลี่ยนไปโดยพลัน
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าควรทำอย่างใดเล่า?”
เจียงจื่อหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วปรายตามองชือรุ่ยเออร์ที่แทบจะไม่ไหวอยู่รอมร่อ
“ศิษย์มองว่าใครผูกกระดิ่งให้เสือ ก็ต้องแก้เอง หากวางแผนตามสถานการณ์ตรงหน้า มีแต่ต้องให้ศิษย์พี่หญิงชือรุ่ยเออร์ตัดพันธะกับอินทรีสามตาตัวนั้นออกเสีย แล้วพยายามสงบศึกกับฝั่งตรงข้ามให้ได้…”
“เมื่อมนุษย์ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรแล้วจะไม่สามารถตัดพันธะออกได้ เว้นเสียแต่ว่าสัตว์อสูรจะสิ้นชีวิตลง วิธีนี้ของเจ้ามันไม่ได้ผลหรอก”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเอ่ยปัดอย่างรวดเร็ว
ทว่าประกายตาของเจียงจื่อหยวนกลับทอแสงจางๆ
“ผู้อาวุโสเจ้าคะ ท่านเองก็รู้แจ้งแก่ใจว่ามันทำได้”
“เพียงแค่… ศิษย์พี่หญิงชือรุ่ยเออร์ยินยอมทำลายหยวนตันของตัวเอง ก็ได้ผลแล้วไม่ใช่หรือ?”