ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1366 รุมโจมตี
ตอนที่ 1366 รุมโจมตี
ข้อเสนอของจินตี้ ได้รับความเห็นชอบจากทุกคน
แม้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเปรียบเสมือนศัตรู และไม่ค่อยชอบหน้ากันสักเท่าไร แต่ในเมื่อตอนนี้มีคนจากสำนักหลิงเซียวเข้าไปแล้ว ย่อมไม่ยุติธรรมต่อคนที่เหลือ และทำให้พวกเขารวมหัวจมท้ายกันเช่นนี้
เป็นไปได้มากว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ข้างใน แต่ถ้าถูกคนอื่นชิงไปทั้งๆ แบบนี้ จักทำเช่นไร?
ครั้งนี้พวกเขาตั้งใจมาที่นี่ เพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกำหมัดแน่น ใบหน้าของชายชราตึงเครียด
แต่เขาก็รู้ว่าเขาห้ามปรามคนเหล่านี้ไม่ได้
และไม่รู้ว่าตอนนี้พวกปั๋วเหยี่ยนอยู่ที่ใด…
ที่นี่มีเพียงพวกเขากลุ่มเดียว ไม่เหมาะจะเป็นคู่ต่อสู้ของคนเหล่านั้น
ถ้าฉู่เยว่ออกมาได้อย่างปลอดภัย และได้รับโอกาสบางอย่างจริงๆ เกรงว่าคนเหล่านี้คงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่นอน
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง ท่านไม่อยากพาฉู่เยว่ผู้นั้นออกมาหรือ? ไยจักไม่มาร่วมมือกับเรา?”
จินตี้ล้อเลียนเขา
สำหรับนาม “ฉู่เยว่” นี้ อาจมิใช่ชื่อที่คุ้นหูสำหรับคนอื่นๆ แต่มันคือชื่อที่ดังก้องอยู่ในหูของเขาราวกับเสียงฟ้าผ่า
น้อยคนนัก ที่ทำให้สำนักปีกสุวรรณตกอับ แล้วยังมีชีวิตรอดอยู่ดีเช่นนี้
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงชะงักราวลังเล พลางพยักหน้าตอบรับ
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างใด!? ข้าแค่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดจะพังประตูบานใด?”
จินตี้ยิ้มเยาะ
“เช่นนั้นก็… ประตูบานที่ฉู่เยว่เข้าไป? อย่างใดเสีย มันก็เป็นประตูเพียงบานเดียวที่เคยเปิดออกแล้ว”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น
“เจ้าอาจจะไม่ยังรู้ แต่ประตูบานนั้น… ถูกก้อนหินหล่นทับปิดหน้าประตูไว้ ทำให้เราเข้าไปไม่ได้”
“ฮ่าๆ! เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวล! หลังจากเสียงกัมปนาทเมื่อครู่นี้… ประตูอื่นก็คง… น่าจะถูกปิดตายเหมือนกันมิใช่หรือ?”
จินตี้กล่าวและกวาดสายตามองผู้คนรอบตัว
“ทุกท่าน ข้าพูดถูกใช่หรือไม่?”
ไม่มีใครปฏิเสธคำพูดของเขา
“ในเมื่อประตูทุกบานถูกปิดตายแล้ว เช่นนั้น…”
ถึงจะยังพูดไม่จบ แต่พอได้ยินเช่นนี้ ยังจะมีใครไม่เข้าใจอีก?
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหรี่ตาลง
“เชิญเจ้าตามสะดวก…”
…
ดูเหมือนร่างกายฉู่หลิวเยว่กำลังเข้าสู่สภาวะที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน เกินกว่าจะอธิบายได้
ร่างกายของนางดูดกลืนพลังปราณรอบตัวเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และนางยังสัมผัสได้ถึงม่านพลังที่มองไม่เห็นวนเวียนอยู่รอบตัว
ราวกับหากยื่นมือออกไปแตะมัน ม่านพลังนั่นจะแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ และนางก็จะเข้าสู่ขอบเขตของจอมยุทธ์ระดับเก้าอย่างเป็นทางการ!
แต่ลึกๆ ในใจ นางกลับรู้สึกว่ามันยังต้องใช้พลังปราณอีกนิดหน่อย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน และจำไม่ได้นางดูดกลืนพลังปราณไปมากเท่าใด
ภายในจุดตันเถียน ไข่มุกธาราหมุนวนอย่างเงียบเชียบ
ลายเส้นแปดเส้นที่วาดผ่านไข่มุกส่องแสงเรืองรอง หากแต่ไร้ซึ่งเงาของเส้นเก้า
ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่าทุกครั้งที่นางพยายามทะลวงขั้นพลังปราณ นางจะต้องใช้พลังมากกว่าคนอื่น
ดังนั้นนางถึงได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ
แต่คิดไม่ถึงว่าการก้าวผ่านช่องว่างระหว่างระดับแปดและระดับเก้านั้น จะสาหัสสากันถึงเพียงนี้!
โลหิตสีแดงฉานไหลซึมออกมาจากมุมปากของนาง และไหลย้อยลงมาตามผิวเนื้ออันเรียบเนียน เกลี้ยงเกลาเสมือนหยก ก่อนจะหยดลงบนอาภรณ์ของนางเป็นดวงๆ ประหนึ่งดอกเหมยสีเลือดที่กำลังเบ่งบาน
ใบหน้าของนางซีดเซียว แพขนตาหนางอนลู่ลงจนเกิดเงาให้เปลือกตา
พลันมีเสียงดังอึกทึกขึ้นที่ด้านนอก!
พื้นดินสั่นสะเทือน
บนหลุมศพตรงหน้าฉู่เยว่ เกิดประกายแสงแวววาวนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวอยู่ในรอยแตกร้าวสีดำ!
ราวกับมีบางอย่างกำลังจะตื่นขึ้น!
…
ตูม!
เสียงกัมปนาทห่าใหญ่ดังมาจากหุบเขา
ก้อนหินน้อยใหญ่กระเด็นไปคนละทิศละทาง ฝุ่นควันคลุ้งกระจายปลิวไปตามลม
ทว่าหลังประสบปัญหามากมาย ในที่สุดเส้นทางที่ถูกปิดกั้นก็เปิดออก
แม้ช่องทางนั้นจะแคบและมีขนาดเพียงคนสองคนเดินขนาบข้างกัน แต่ก็เพียงพอสำหรับทุกคน
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง ในเมื่อพวกท่านเคยมาที่นี่แล้ว เช่นนั้นท่านก็ให้ท่านนำทางพวกเราดีหรือไม่?”
ทุกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอของจินตี้อีกครั้ง
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงแอบเย้ยหยันในใจ
พูดตรงๆ ก็คือ พวกเจ้ากลัวอันตรายที่รออยู่ด้านหน้าใช่หรือไม่!?
อยากได้สมบัติกันหนักหนา ทว่าไม่อยากเสี่ยง…
ให้ตายอย่างใดก็ไม่มีวันได้มันหรอก!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเดินไปข้างหน้าโดยไม่พูดอันใดสักคำ
ข้างหน้าเขา ประตูบานใหญ่อันร้อนระอุนั้น ยังคงคายความร้อนอันน่าทึ่งออกมาไม่หยุด
ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร พลังปราณในกายของเขาก็ยิ่งเดือดพล่านมากขึ้นเท่านั้น
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกลั้นหายใจ
ตอนนี้เขาแค่หวังว่าฉู่เยว่จะยังปลอดภัยดี…
พื้นที่หน้าประตูถูกกลุ่มคนช่วยกันเก็บกวาดจนโล่ง
หลังจากยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ผู้เฒ่าฮวาเฟิงก็หันกลับไปมองพวกเขา
“ก่อนหน้านี้พวกข้าเคยลองใช้ยุทธวิธีมากมายเปิดประตูมาแล้ว แต่ลำพังพวกข้ามิอาจเปิดมันได้ ดังนั้น… ครานี้ทุกคนควรร่วมมือกัน!”
คนเหล่านั้นเขยิบเข้ามาทีละคน และยืนอยู่ในตำแหน่งของตนเอง
หัวหน้าของแต่สำนักต่างมองหน้ากัน และตกลงปลงใจกันอย่างพร้อมเพรียง
“พวกเรามาช่วยกันเปิดประตูก่อน จากนั้น… ใครใคร่ทำอันใดก็ทำ!”
แม้ในใจของพวกเขาจะอยากเห็นแก่ตัวเพียงใด ทว่ายามนี้ต้องร่วมด้วยช่วยกันเสียก่อน
ฟิ้ว ฟิ้ว!
พลังปราณมากมายหลายสายพุ่งทะยานออกไป!
ทุกคนปล่อยพลังออกมาพร้อมกัน เพื่อเปิดประตูบานนั้นให้ได้!
พลังทั้งหมดประสานกันเป็นหนึ่ง!
ตูม!
ประตูบานใหญ่ไม่ขยับเลยสักนิด
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที
นี่มัน…
ทันใดนั้น ก็มีทัณฑ์สวรรค์สายหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องนภา!
ลำแสงสว่างเจิดจ้าแผ่กระจายเกินครึ่งหนึ่งของผืนผ้า!
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง
ก่อนจะเห็นเมฆดำที่กำลังรวมตัวกันบนท้องฟ้า มืดมิดราวกับราตรีกาล!
สายลมโหมกระหน่ำดุจพายุลูกใหญ่
ทัณฑ์สวรรค์มากมายปรากฏขึ้นจากหลังกลุ่มเมฆ!
มองจากระยะไกล พวกมันดูเหมือนงูสีเงินที่กำลังว่ายอย่างบ้าคลั่ง!
“เกิดนิมิตหมายเช่นนี้… แสดงว่าสมบัตินั่นกำลังจะปรากฏออกมาแล้วใช่หรือไม่!?”
แส้เสียงตื่นตกใจดังระงมไปทั่ว
แรงฟาดฟันที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้…
เกรงว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน คงใกล้จะถือกำเนิดขึ้นแล้วจริงๆ!
แต่กลับมีคนแย้งขึ้นมาทันทีว่า
“ไม่ใช่! พลังงานของสวรรค์และโลกรวมตัวกันเช่นนี้! มีคนกำลังจะทะลวงขั้นพลังต่างหาก!”
การปรากฏตัวของสมบัติศักดิ์สิทธิ์นั้น จะกระตุ้นให้เกิดนิมิตเหนือธรรมชาติ แต่มันจะไม่เรียกรวมพลังปราณของสวรรค์และโลกมากมายเช่นนี้
…และมีแค่ตอนที่กำลังจะทะลวงขั้นพลังเท่านั้น!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพลันกระวนกระวายใจ
หรือจะเป็น…
เปรี้ยง!
ทัณฑ์สวรรค์สายหนึ่งฟาดลงอย่างไว! และผ่าลงตรงกลางจุดที่ถูกล้อมรอบไว้ด้วยกระดูกมังกรทั้งเก้า!