ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1365 เผชิญหน้า
ตอนที่ 1365 เผชิญหน้า
เจียงจื่อหยวนสั่นสะท้านราวตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
“ท่านอาจารย์!?”
นางจ้องเขม็งไปทางผู้อาวุโสตันชิงอย่างไม่เชื่อสายตา แข้งขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่
ตัดความสัมพันธ์อาจารย์ศิษย์หรือ…
แล้วนางจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างใด!?
ถ้าข่าวนี้แพร่กระจายออกไป คนอื่นจะคิดอย่างใดกับนาง?
สาเหตุที่ทำให้นางเชิดหน้าชูคออยู่ทุกวันนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะนางคือศิษย์ของสำนักหลิงเซียว และเป็นศิษย์รักของผู้อาวุโสตันชิง!
หากไร้ซึ่งการสนับสนุนจากคนผู้นี้…
“ข้าพูดไปชัดเจนแล้ว ข้าจะไม่ทนกับคำว่า ‘อาจารย์’ ของเจ้าอีกแล้ว จากนี้เจ้าก็ไปขอเป็นศิษย์กับอาจารย์ท่านอื่นก็แล้วกัน”
ผู้อาวุโสตันชิงกลับมิได้สนใจปฏิกิริยาของนาง เขากำหนดขอบเขตไว้อย่างชัดเจนแล้ว
ครั้นพูดจบ เขาก็หันกลับแล้วเดินไปหาสถานที่พักผ่อน
เจียงจื่อหยวนรีบวิ่งไปขวางหน้าเขาไว้ทันที
“อาจารย์เจ้าคะ ศิษย์สำนึกผิดแล้ว ได้โปรดให้โอกาสศิษย์อีกครั้งด้วยเถิด!”
เจียงจื่อหยวนกล่าว พลางหลั่งน้ำตาออกมาไม่ขาดสาย
“อย่างน้อยก็เห็นแก่ไม่กี่ปีมานี้ ที่ศิษย์…”
ผู้อาวุโสตันชิงเงยหน้าขึ้นทันควัน พลางจ้องหน้านางด้วยสายตาเย็นชา
ลึกลงไปในดวงตาของชายชรา แฝงไปด้วยความอดทนทนอดกลั้นและการเตือนกลายๆ
เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาต่างหาก เขาถึงเลือกตัดความสัมพันธ์กับนาง แทนการจะป่าวกระกาศความชั่วร้ายของนางให้คนทั้งสำนักได้รู้!
มิเช่นนั้น…
นางคงโดนไล่ออกจากสำนักหลิงเซียวไปแล้ว!
เจียงจื่อหยวนรู้จักเขาดีกว่าใคร และรู้ทันทีว่าหากนางยังเซ้าซี้เขาต่อไปเช่นนี้ ผู้อาวุโสตันชิงคงได้หักหน้านางต่อหน้าสาธารณชนเป็นแน่!
นางจึงรีบกลืนคำพูดทีเหลือกลับไปทันที
ผู้อาวุโสตันชิงมองผ่านนางไปเฉยๆ ราวไม่แยแส บนใบหน้าของเขา ไม่มีความห่วงใยหลงเหลืออยู่เลยสักนิด
ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบ
ทุกสายตาจับจ้องไปทางเจียงจื่อหยวน
แผ่นหลังของเจียงจื่อหยวนร้อนผ่าว นางอยากจะมุดหน้าแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด!
ให้ฝากตัวเป็นศิษย์กับคนอื่นหรือ… มันง่ายอย่างที่พูดซะที่ไหนกัน!
แค่ถูกผู้อาวุโสตันชิงทอดทิ้งต่อหน้าทุกคน ชื่อเสียงของนางก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว!
และแบบนี้จะมีผู้อาวุโสจากสำนักท่านใด ที่ยังยินดีต้อนรับนางอีก!
การอยู่ที่สำนักหลิงเซียวโดยไร้อาจารย์…
ก็ไม่ต่างจากการถูกไล่ออกเลย!
นางต้องคิดหาวิธีอื่น…
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเดินไปหยุดอยู่ข้างกายผู้อาวุโสตันชิง เดิมทีเขาอยากจะพูดอันใดสองสามอย่าง แต่พอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่าย เขาจึงยอมแพ้
ดูๆ แล้วว่า…
น่าจะเป็นเพราะเจียงจื่อหยวนทำเรื่องที่ไม่สมควรลงไป
แต่ตันชิงยังให้เกียรตินางเป็นครั้งสุดท้าย โดยการไม่ปริปากถึงสาเหตุของการตัดความสัมพันธ์
ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจียงจื่อหยวนไปทำอันใดมา ถึงได้ทำให้ตันชิงผู้ที่ทั้งรักใคร่แลชื่นชมนางมาตลอด ตัดสินใจทำเช่นนี้…
ไม่นานคนจากสำนักวิชาอื่น ก็ค่อยๆ ขยับเขยื้อนเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้
และยามนี้ ในที่สุดผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนอื่นๆ ก็มองเห็นสถานการณ์โดยรอบได้ชัดเจน
บริเวณตรงกลางของพื้นที่แห่งนี้ มีภูเขาทรงกลมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นจุดศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยหุบเข้าทั้งเก้า ที่แตกแขนงกันออกไปคนละทิศละทาง
และในแต่ละหุบเขา จะมีโครงกระดูกมังกรฝังอยู่หนึ่งชิ้น
และถ้าเดาไม่ผิด ในหุบเขาเหล่านี้จะต้องมีประตูกลซ่อนอยู่ทุกหุบเขา
ประตูบานแรกที่พวกเขาเห็น อาจเป็นหนึ่งในประตูทั้งหมด
ทุกกลุ่มต่างใช้หุบเขาเหล่านี้เป็นเส้นแบ่งเขต และเผชิญหน้ากันจากระยะไกล
พวกเขาล้วนเป็นคนจากตระกูลอันดับหนึ่ง และสำนักวิชาชั้นนำของอาณาจักรเสิ่นซวี่
แต่ละกลุ่มมีสมาชิกมากน้อยคละกันไป แต่ส่วนใหญ่ล้วนได้รับบาดเจ็บกันทั้งสิ้น
ทุกอย่างเงียบสงบ
ไม่มีใครอยากออกตัวชิงลงมือก่อนใคร
ทุกฝ่ายล้วนตกอยู่ในสภาพเข้าตาจน
หลายคนเบนสายตามองไปยังกลางหุบเขา
เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างอยู่ที่นั่น
อันใดบางอย่างตกลงบนหน้าผากของพวกเขา
ชือรุ่ยเออร์ยกมือขึ้นแล้วแตะมัน สัมผัสเย็นๆ แล่นปราดไปทั่วปลายนิ้ว
“หิมะตกแล้ว”
หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาอย่างหนัก
กรรร์!
เสียงมังกรคำรามอันทรงพลังดังมาจากทุกทิศทาง!
ราวกับอยากหลุดออกไปจากหุบเขา!
แต่เหมือนจะมีบางอย่างมัดตรึงร่างของพวกมันไว้อย่างหนาแน่น ราวพันธนาการไม่ให้มันหลุดออกไป!
ทุกคนล้วนมองกระดูกมังกรเหล่านี้ดิ้นรนและกวัดแกว่งไปมาอย่างดุเดือด
แนวเขากลางหุบเขาสั่นสะเทือน ก้อนหินขนาดใหญ่พังทลายลง!
แลดูสับสนอลหม่านไปหมด
“เหมือนว่าในนั้น จะมีอันใดบางอย่างคอยควบคุมกระดูกมังกรเหล่านี้อยู่…”
ชือรุ่ยเออร์กล่าวเชิงไม่มั่นใจ
“ไม่สิ พูดให้ถูกก็คือ มีพลังบางอย่างพันธนาการพวกมันไว้ที่นี่…”
สีหน้าของผู้อาวุโสฮวาเฟิงเคร่งขรึมขึ้นทันตา
เผ่ามังกรไม่อนุญาตให้ฝั่งศพนอกอาณาเขตของพวกมัน ทว่าตอนนี้กับมีโครงกระดูกอยู่ที่นี่เก้าชิ้น
เขาไม่เชื่อว่าเผ่ามังกรจะละทิ้งกระดูกมังกรเหล่านี้
นอกเสียจากว่า… เผ่ามังกรเองก็เอามันกลับไปไม่ได้!
ซึ่งสิ่งที่ทรงพลังถึงขั้นทำเช่นนี้ได้…
นอกจากหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์แล้ว จะเป็นอันใดได้อีก?
ขณะเดียวกัน ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งขึ้นมาจากหุบเขาใกล้เคียง
พวกเขามองดูมันอย่างระแวดระวัง
พวกเขาคือคนจากเขาหลิงอวิ้น
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง”
หัวหน้ากลุ่มก้าวไปข้างหน้า ราวมิแปลกใจที่เห็นพวกเขาย้อนกลับมาเช่นนี้
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงขมวดคิ้ว
“เป็นอย่างใดบ้าง?”
อีกฝ่ายส่ายหน้าไปมา
“เดิมทีพวกข้ารออยู่เงียบๆ แต่ครั้นเห็นกระดูกมังกรผุดขึ้นจากพื้นดินกันระนาว พวกข้าก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ แล้วรีบหนีขึ้นมาด้านบน”
และด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงคิดว่าเหล่าผู้คนที่กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วสารทิศ จะต้องสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนี้ และมุ่งหน้ามาที่นี่อย่างแน่นอน
“ประตูยังปิดสนิท พวกข้าเองก็ไม่รู้ว่าฉู่เยว่เป็นอย่างใด ต้องขออภัยจริงๆ”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงโบกมือพัลวัน
“อย่างใดก็ต้องขอบคุณพวกเจ้ามาก”
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ถึงพวกเขาจะอยู่เฝ้าเอง ก็ทำอันใดไม่ได้อยู่ดีมิใช่หรือ?
จินตี้มองผู้อาวุโสฮวาเฟิง สลับกับคนอื่นๆ ซ้ำไปซ้ำมา พลันหรี่ตาลง
“อันใดกัน หมายความว่า… มีคนจากสำนักหลิงเซียวติดอยู่ด้านล่างหรือ?”
หลายคนตกใจแล้วหันมามองพวกเขาอย่างพร้อมเพรียง
บรรยากาศรอบด้านเริ่มตึงเครียดขึ้นมา!
“ก่อนหน้านี้พวกข้าเดินเตร็ดเตร่อยู่ในหุบเขาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก่อนจะไปถึงที่นั้น ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เดิมทีข้าคิดว่าทุกคนล้วนตกอยู่ในสถาการณ์เดียวกัน แต่คาดไม่ถึงว่า… จะมีคนถูกนำตัวไปแล้ว?”
“เหอะ อันที่จริงพวกข้าไปถึงหน้าประตูแล้ว แต่น่าเสียดายที่ทางข้าสูญเสียคนไปมาก แถมยังเปิดประตูบานนั้นไม่ได้ ดูๆ แล้ว สำนักหลิงเซียวคงจะไม่ธรรมดาจริงๆ…”
“ตอนนี้ทุกคนล้วนอยู่ข้างนอก และมีเพียงคนจากสำนักหลิงเซียวที่ยังติดอยู่ข้างใน… หากโอกาสมาถึง คงได้ตกเป็นของคนผู้นั้นแน่ๆ ช่างน่าอิจฉาเสียจริง…”
ผู้คนจากทั่วสารทิศต่างพูดคุยกันอย่างออกอรรถรสและไม่ให้เกียรติคนฟังเลยสักนิด
สีหน้าของผู้อาวุโสฮวาเฟิง พลันทำหน้าตาดุดันขึ้นมาทันที
หลังจากที่ฉู่เยว่ถูกลากเข้าไปในประตูบานนั้น พวกเขาล้วนอกสั่นขวัญแขวนกันไปตลอดทาง และกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา
แต่แล้วเหตุใดตอนนี้ คนเหล่านี้ถึงกล่าวหาว่าฉู่เยว่ได้เปรียบกว่าคนอื่นกัน?
เดิมทีเขาอยากจะสั่งสอนพวกนั้น แต่พอมองไปรอบๆ แล้ว นอกจากคนของเฟยซิงเหมินและภูเขาหลิงอวิ้นแล้ว ก็ยังมีอีกเจ็ดสำนักวิชาที่รวมตัวกันอยู่ใกล้ๆ
และพวกเขาเป็นพันธมิตรกันล่ะก็…
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามรักษาระดับเสียงของตนให้นิ่งที่สุด
“ทุกคน การที่ฉู่เยว่ติดอยู่ข้างในนั้นเพียงเป็นอุบัติเหตุ ตอนนี้พวกเราเองก็ไม่รู้สถานการณ์ด้านใน ได้โปรด…”
“แม้แต่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยังไม่รู้ เช่นนั้นพวกข้าก็ต้องรีบหาวิธีเข้าไปข้างมิใช่หรือ?
จินตี้ขัดจังหวะเขา และพูดอย่างยี้ยวน
เขากวาดสายตามองผู้คนที่ยืนอยู่รายล้อม
“ที่นี่มีประตูทั้งหมดเก้าบาน แต่ถ้าให้พังทีละบานคงจะยากเกินไป ข้าคิดว่า เหตุใดพวกเราถึงไม่เลือกประตูสักบาน แล้วช่วยกันพังมันเสียล่ะ พวกท่านว่าอย่างใด?”