ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1364 ตัดความสัมพันธ์
ตอนที่ 1364 ตัดความสัมพันธ์
ไม่ไกลนัก ร่างเงาหลายร่างเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
คนที่วิ่งนำอยู่หน้าสุดคือผู้อาวุโสตันชิง ผู้ซึ่งหายไปจากการติดต่ออยู่นานนม!
ส่วนข้างหลังเขาก็คือเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสคนอื่นๆ จากสำนักหลิงเซียว
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรีบเข้าไปต้อนรับเขาทันที
“ตันชิง!”
เขาพุ่งตัวออกไป และอยู่เบื้องหน้าคนเหล่านั้นในเร็วพลัน
แต่ก่อนที่ถ้อยคำทักทายในลำคอจะได้เอื้อนเอ่ยออกไป เขาก็สังเกตเห็นคราบเลือดเกรอะกรังบนเนื้อตัวของพวกเขา
หนึ่งในนั้น ถึงกับแขนขาดข้างหนึ่งราวถูกบางอย่างฟัน!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม!
“พวกเจ้า…เกิดอันใดขึ้น!?”
บุพกาลชายแดนเหนือนั้นอันตรายนัก แต่คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือ จะถูกเล่นงานจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างใด?!
ใบหน้าของผู้อาวุโสตันชิงซีดเผือด
“ไว้ค่อยคุยกัน พาเขาไปพักฟื้นก่อนเถอะ”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพยักหน้าตามอย่างเคร่งขรึม และสาวเท้าเข้ามารับคนเจ็บ
คนอื่นๆ เองก็รีบร่นเข้ามาพลางช่วยพยุงกันอย่างแข็งขัน
ผู้อาวุโสที่แขนขาดยืนหยัดอดทนมาได้จนถึงตอนนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถต้านทานความเจ็บปวดได้ และล้มลงทันที
คนอื่นๆ เองก็อาการไม่สู้ดีนัก
แค่มองก็พอจะเดาได้แล้วว่าพวกเขาคงผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมาแน่นอน
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรอจนกระทั่งผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการเยียวยาเสียก่อน ถึงค่อยเอ่ยปากถามอีกคน
“ตันชิง ยามนี้เหลือเพียงพวกเจ้าหรือ? แล้วพวกของปั๋วเหยี่ยนอยู่ที่ใด?”
ผู้อาวุโสตันชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางกลืนยาเม็ดลงไปสองเม็ดรวด ผิวหน้าที่ซีดเซียวของเขาเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาทีละนิด
“เรื่องมันยาว เดิมทีพวกเราอยู่ด้วยกัน แต่แล้วก็แยกกัน… แล้วพวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างใด?”
“ปั๋วเหยี่ยนส่งข่าวมาว่า หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏตัวขึ้นแล้ว และขอให้พวกเราพาคนมาสมทบ…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกล่าว ก่อนจะสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของตันชิง พลันตระหนักรู้ได้ทันที
“ข่าวนี้เป็นของปลอม ใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสตันชิงแค่นยิ้มอย่างขมขื่น
“ตั้งแต่มาที่นี่ พวกเราต่างประสบปัญหามากมาย และเหน็ดเหนื่อยจนแทบสิ้นลม แต่กลับไม่เคยเห็นหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์เลย…”
หัวใจของผู้อาวุโสฮวาเฟิงจมดิ่งลงเรื่อยๆ
ถึงก่อนหน้านี้จะคาดเดาไว้แล้ว แต่หลังจากได้รับการยืนยันอีกเสียง เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
“ปั๋วเหยี่ยนแยกกับพวกข้าตั้งนานแล้ว ไยเขาถึงต้องส่งข่าวหาเจ้า?”
ผู้อาวุโสตันชิงเองก็สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล และถามด้วยความสับสน
“…เกรงว่าเราคงถูกหลอกตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงส่ายหัว
“เขาทำตราหยกตกไว้ บางทีทุกอย่างอาจกลับตาลปัตรตั้งแต่ตอนนั้น…”
เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจปล่อยข่าวปลอม เพื่อล่อพวกเขามา
แต่ทว่า…
ใครกันที่อยู่เบื้องหลัง และทำเช่นนี้ไปเพื่ออันใด?”
คนที่เดินทางมาครานี้ หากรวมเขากับผู้อาวุโสอีกสามสี่คนแล้ว ล้วนมิใช่บุคคลสำคัญของสำนักหลิงเซียวแต่อย่างใด
ใครกันที่ยอมเสียแรงทำเรื่องแบบนี้!?
“พวกข้ามาถึงที่นี่หลายวันแล้ว และตามหาพวกเจ้ามาตลอด แต่น่าเสียดายที่ไม่มีอันใดคืบหน้า พวกเจ้าคือคนของสำนักกลุ่มแรกที่เราเจอ นับตั้งแต่มาถึงที่นี่”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกล่าว และจู่ๆ เขาก็นึกอันใดขึ้นมาได้
“โอ้ ไม่ใช่สิ ก่อนพวกเจ้า ยังมีอีกคน… เจียงจื่อหยวน”
พอพูดจบเขาก็ผายมือไปทางเจียงจื่อหยวน
“จื่อหยวน ไม่มาทักทายอาจารย์ของเจ้าหน่อยหรือ?”
เมื่อเจียงจื่อหยวนได้ยินเช่นนี้ ร่างกายของนางพลันแข็งทื่อ เม็ดเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นทั่วแผ่นหลังของนาง
ผู้อาวุโสทำสีหน้ากล้ำกลืน ราวไม่รู้จะพูดอย่างใด
“จื่อหยวน… นางอยู่กับพวกเจ้าหรือ?”
เมื่อครู่เขาไม่ทันได้สังเกต แต่หลังจากได้ยินคำผู้อาวุโสฮวาเฟิง เขาก็สังเกตเห็นร่างอันคุ้นเคยที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
นางคือลูกศิษย์ผู้เป็นดั่งความภาคภูมิใจของเขามาตั้งหลายปี แน่นอนว่าเขาย่อมจำนางได้
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติในน้ำเสียงนั่น พลางพยักหน้าและอธิบายว่า
“ใช่แล้ว หลังจากพวกข้ามาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ก็บังเอิญเจอเข้ากับนาง นางจึงติดตามกลุ่มของข้ามาจนถึงตอนนี้”
เมื่อเห็นว่าเจียงจื่อหยวนยังไม่ขยับ เขาก็ตะโกนเรียกนางอีกที
“จื่อหยวน?”
นางหนีไม่รอดแล้ว
ทุกสายตากำลังจดจ้องมาที่นาง
เจียงจื่อหยวนกำหมัดแน่น จนปลายเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามืออย่างแรง
นางค่อยๆ หมุนตัวกลับมาอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะย่ำเท้าเข้าไปหาผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนอื่นๆ ทีละก้าว
นางก้มศีรษะลงจนแทบไม่เห็นสีหน้าคร่าตา เสียงของนางเบาหวิวราวกับกลืนหายไปในสายลม
“… ท่านอาจารย์…”
ผู้อาวุโสตันชิงจ้องมองนาง
เกิดความเงียบขึ้นพักใหญ่
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงสอดส่ายสายตาไปมาระหว่างคนทั้งสอง พลันตระหนักได้ว่าท่าทีของผู้อาวุโสตันชิงนั้น ดูผิดแปลกไปจากปกติมาก
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“ตันชิง ข้าขอโทษจริงๆ ที่ไม่ดูแลลูกศิษย์ของเจ้าให้ดี แต่อันที่จริง ตอนที่ข้าเจอนาง นางก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว…”
“ข้ารู้”
ผู้อาวุโสตันชิงพูดแทรกเขา พลางกดยิ้มลึกอย่างมีนัย
“เจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือ… จื่อหยวน ข้าล่ะตกใจจริงๆ”
บรรยากาศรอบข้างเริ่มอึดอัดและแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
มีอาจารย์คนไหนถามลูกศิษย์เช่นนี้กัน?
เจียงจื่อหยวนอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
“… คือ… ศิษย์… ศิษย์แค่โชคดีที่บังเอิญไปพบผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนอื่นๆ มิเช่นนั้น… ศิษย์คงตายไปแล้วเจ้าค่ะ…”
“แต่ไหนแต่ไรเจ้าเป็นคนฉลาด จะเกิดเรื่องเช่นนั้นได้อย่างใด ต่อให้อับจนหนทางแค่ไหน เจ้าก็พลิกแพลงสถานกาณ์ได้อยู่แล้ว มิใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสตันชิงกล่าวเสียงเรียบ
ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้ทันทีว่าพวกเขาสองคนมีปัญหากัน
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ
น่าสนใจ…
เมื่อก่อนตันชิงชื่นชอบศิษย์ผู้นี้มาก แม้ว่าจะชอบทำตัวไร้มนุษยธรรมอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็เลือกที่จะเมินเฉยและปกป้องนางมาโดยตลอด
แต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้เกิดอันใดขึ้น เขาถึงได้พูดอันใดแปลกๆ เช่นนั้น
แสดงว่าก่อนหน้านี้ จะต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกระมัง?
“ท่านอาจารย์…”
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ในที่สุดเจียงจื่อหยวนก็เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมสวยเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
ตุบ!
เจียงจื่อหยวนทรุดตัวลงกับพื้น
“ท่านอาจารย์เจ้าคะ ศิษย์ผิดไปแล้ว โปรดลงโทษศิษย์ด้วยเถิด!”
ทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์อันฉุกละหุกนี้
เกิดอันใดขึ้น?
เจียงจื่อหยวนคุกเข่าลง และยอมรับความผิดของตนอย่างนั้นหรือ?
ผู้อาวุโสตันชิงหลุบตามองนาง ใบหน้าของเขานิ่งเฉย ไร้การตอบสนอง
หากแต่ลึกลงไปในดวงตาชายชรานั้น กลับเต็มไปด้วยการตำหนิและเย้ยหยัน
เขาล่ะอยากจะสมน้ำหน้าตัวเองจริงๆ
เหตุใดก่อนหน้านี้เขาดูไม่ออก ว่าเจียงจื่อหยวนเป็นคนเช่นนี้!?
หลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่เขาเพียรพยายามมาทั้งหมด ล้วนเป็นเพียงเรื่องตลกขบขัน!
“เจ้า… ลุกขึ้นมา”
ในที่สุดผู้อาวุโสตันชิงก็เอ่ยปาก
เจียงจื่อหยวนมองเขาอย่างมีความหวัง
ความเป็นจริงเรื่องนี้ จะโทษนางคนเดียวก็ไม่ได้
ในสถานการณ์แบบนั้น เป็นใครก็ต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน จะมัวไปช่วยคนอื่นได้อย่างใด?
ท่านอาจารย์รักใคร่เอ็นดูนางมาโดยตลอด และครั้งนี้เขาก็คงจะ…
“ท่านอาจารย์ ท่านยกโทษให้ศิษย์แล้วหรือเจ้าคะ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสตันชิงยังคงเรียบเฉย
“เจ้าลุกขึ้นมาเถอะ บนพื้นมีแต่หิมะ ไหนจะได้รับบาดเจ็บอีก ร่างกายเจ้าจะทนไหวได้อย่างใด”
เจียงจื่อหยวนใจเต้นรัวด้วยความยินดี
หมายความว่า ท่านอาจารย์ไม่ถือโทษโกรธนางแล้วใช่หรือไม่?
นางเป็นศิษย์ของเขามาตั้งนมนาน ท่านอาจารย์ไม่มีทางโกรธนางอยู่แล้ว…
นางลุกขึ้นยืนและก้าวไปข้างหน้าสองก้าว
“ท่านอาจารย์…”
แต่ผู้อาวุโสตันชิง กลับเอ่ยแทรกขึ้นมาว่า
“นับตั้งแต่วันนี้ เจ้าจงเดินไปตามเส้นทางอันสวยงามของเจ้า ส่วนข้าจะเดินบนไม้กระดานแผ่นนี้คนเดียว หลังจากนี้ ข้ากับเจ้า… มิใช่อาจารย์แลลูกศิษย์อีกต่อไป!”