ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1363
ตอนที่ 1363
เกิดความเงียบขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน
ระยะนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย จนทำให้พวกเขาเผลอลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงในการเดินทางมาที่นี่ไปแล้ว
หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์!
ตอนแรกไม่มีใครจำได้ แต่พอชือรุ่ยเออร์กล่าวถึงมันขึ้นมา พวกเขาก็พลันได้สติกันถ้วนหน้า
แต่การถูกกระดูกมังกรล้อมรอบไว้เช่นนี้ ก็บ่งบอกถึงสิ่งผิดปกติได้แล้วมิใช่หรือ?!
นอกจากหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังจะมีสิ่งใดที่ก่อให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ได้อีก?
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเงยหน้าขึ้น
“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล และตอนนี้ ทุกคนที่อยู่ในบุพกาลชายแดนเหนือ ก็น่าจะรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่แล้ว บางที… พวกของปั๋วเหยี่ยนอาจจะมุ่งหน้าไปที่นั่นเช่นกัน!”
ก่อนหน้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ทว่าในเมื่อจับทางได้แล้ว เช่นนั้น… พวกเขาต้องกลับไป!
“ไปกัน!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหันหลังกลับ แล้วเดินลัดเลาะไปตามหุบเขา
ส่วนคนที่เหลือก็ทยอยเดินตามหลังเขาไป
ซึ่งครานี้ พวกเขากลับไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดหวั่นคน ที่ต่างไปจากเมื่อครู่ก่อน
ในการกลับไปครั้งนี้ ทุกคนล้วนตื่นเต้นและตั้งตารอมากกว่าเดิมหลายเท่า
หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์หรือ… บางทีมันอาจจะปรากฏตัวขึ้นที่นั่นจริงๆ ก็ได้!
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีเหตุการณ์ให้เราต้องกลับไปเช่นนี้…”
คนหนุ่มสาวหลายคนจากเฟยซิงเหมินรวมตัวกัน พลางกระซิบกระซาบเสียงเบา
“ถ้าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นที่นั่นจริงๆ ก็เป็นโชคของฉู่เยว่เลยสิ!?”
“ก็ใช่น่ะซิ! คนตั้งมากมาย แต่มีแค่ฉู่เยว่ที่ถูกลากเข้าไป เมื่อก่อนข้าคิดว่าเขาโชคร้าย แต่ตอนนี้… ถ้าไม่เรียกว่าโชคดี ก็ไม่รู้จะเรียกอันใดแล้ว!”
“หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นสมบัติล้ำค่า ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากต่างไล่ล้าไขว่คว้าหามัน สุดท้ายแล้ว ถ้ามันตกไปอยู่ในมือของเขา… เช่นนั้นก็ถือว่าโชคดีมาก อนิจจา! หากตอนนั้นเป็นข้าที่ถูกดึงเข้าไปคงจะดีไม่น้อย!”
เจียงจื่อหยวนเดินไปข้างหน้า พลางขมวดคิ้วขณะฟังถ้อยคำเหล่านี้
“ใครจะรู้ว่ามีอันใดอยู่หลังประตูบานนั้น หากโอกาสนั้นมิเกิดขึ้น และกลายเป็นเจ้าที่ต้องจบชีวิตเสียเอง เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรอกหรือ?”
เจียงจื่อหยวนทนไม่ไหว และโพล่งถามออกไปอย่างอดกลั้น
คนเหล่านั้นหันมองนางราวไม่พอใจ
หนึ่งในนั้นเอ่ยกับนางว่า
“เจียงจื่อหยวน ไยข้าถึงรู้สึกว่า… เหมือนเจ้าหวังให้เกิดเรื่องขึ้นกับฉู่เยว่เลยเล่า? เขาเองก็เป็นศิษย์จากสำนักหลิงเซียวของพวกเจ้ามิใช่หรือ? พูดก็พูดเถอะ เขาน่าจะเป็นศิษย์น้องของเจ้าด้วยใช่หรือไม่? แล้วเจ้า…”
หัวใจของเจียงจื่อหยวนแทบเต้นผิดจังหวะ ก่อนจะรีบหัวเราะกลบเกลื่อนทันที
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างใด? ข้าเองก็เป็นห่วงเขา หมื่นเรื่องไม่กลัว หากแต่กลัวเรื่องมิคาดฝัน ผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนอื่นๆ เองก็ให้ความสำคัญกับฉู่เยว่มาก และข้าเองก็ชื่นชมเขามากเช่นกัน”
นางกล่าวพลางทำทีขมวดคิ้วราววิตกกังวล
“ตอนนี้ข้าขอเพียงให้ทุกอย่างราบรื่น ไม่ว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์จะเป็นอย่างใด แค่เขาออกมาได้อย่างปลอดภัยก็พอแล้ว”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผู้คนคงเยาะเย้ยด่าว่านาง ที่ทำตัวน่าสงสารเช่นนี้
แต่เพราะตอนนี้เนื้อตัวของนางเต็มไปด้วยคราบเลือดและฝุ่นกรัง ดูแล้วช่างน่าเวทนาสุดๆ แล้วแบบนี้จะมีใครใจร้ายดุด่าว่านางได้?
ทว่าผู้อาวุโสฮวาเฟิงและพวกชือรุ่ยเออร์มองนางออกมาโดยตลอด และพวกเขาไม่ได้โง่
ฉะนั้นหลายคนจึงมองหน้ากัน พลางกดยิ้มลึกอย่างมีนัย
“ความคิดของเจ้า พวกข้าจะไปรู้ได้อย่างใด”
ดวงตาและหว่างคิ้วของนางปรากฏร่องรอยการเสียดสีอย่างชัดเจน
เจียงจื่อหยวนหมดความอดทนเก็บสีหน้าไม่อยู่ นางอยากจะเถียงออกไป แต่สุดท้ายก็จำต้องกลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงไป
นางกัดฟันกรอด พลางระงับความรำคาญและความโกรธไว้ในใจ
คนพวกนี้… ก็แค่สุนัขรับใช้ของเฟยซิงเหมิน มีสิทธิ์อันใดมาทำตัวจองหองใส่นางเช่นนี้!
นางหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์ หากแต่หัวใจกลับวุ่นวายไม่หยุด
ถ้า…
หากหรงซิวเลือกนางให้เป็นชายาแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ คนเหล่านี้จะกล้าดูถูกนางหรือไม่?
แม้ตระกูลเจียงแห่งเผ่าเซียนสุ่ยหลิง จะเป็นหัวหน้าชนเผ่าถึงยี่สิบแปดเผ่า แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การปกครองของพระราชวังเมฆาสวรรค์
สำหรับคนนอกแล้ว เหล่าตระกูลชั้นหนึ่งของอาณาจักรเสิ่นซวี่นั้น ไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกเขาเลย
แม้แต่นางก็ยังถูกเหยียดหยาม!
และตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้!
พูดตามตรง… ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของซั่งกวนเยว่!
ถ้าหลังจากนี้นางรอดกลับไปได้ นางจักกระชากหน้ากากของนังแพศยานั่นให้ได้! ความทรมานทั้งหมดที่นางได้รับในช่วงเวลานี้ แม่นางผู้นั้นจักต้องชดใช้อย่างสาสม!
…
กลุ่มคนทั้งหมดเดินหน้าต่อไป
เสียงมังกรคำรามดังขึ้นเป็นระยะ ยิ่งเข้าใกล้ ก็ยิ่งทำให้คนฟังอกสั่นขวัญหาย
และในขณะที่พวกเขากำลังจะกลับยังบริเวณเดิมก่อนหน้านี้ กระดูกมังกรชิ้นที่เจ็ดก็ปรากฏขึ้นมา!
โชคดีที่แม้กระดูกมังกรเหล่านั้นจะมีพลังมหาศาล แต่ก็ไม่ได้โจมตีผู้คน
แต่ทุกคนรู้ดีว่า มันเป็นแค่ความสงบก่อนพายุจะมาเท่านั้น
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมองไปข้างหน้า พลันหรี่ตาลงทันที
“มีคนมา!”
“รู้สึกคุ้นตานัก…”
ชือรุ่ยเออร์พึมพำ
ชายชราคิ้วขาวที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมอง และเอ่ยเตือนว่า
“คุณหนูรอง เหมือนคนพวกนั้นจะเป็นคนจากสำนักปีกสุวรรณเลยขอรับ!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพลันตื่นตระหนก!
พวกเขามีความทรงที่ไม่ดีกับสำนักปีกสุวรรณ เนื่องจากเรื่องกระบี่ชื่อเซียวและการตายของจินเหล่ย
ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพวกเขาเร็วขนาดนี้
ผู้คนจากสำนักปีกสุวรรณเองก็มองเห็นกลุ่มของผู้อาวุโสฮวาเฟิงเช่นกัน
ชายผู้เป็นดั่งหัวหน้ากลุ่มชะงักฝีเท้า ก่อนจะเดินมาทางนี้เรื่อยๆ และหยุดยืนอยู่ห่างจากกลุ่มของผู้อาวุโสฮวาเฟิงประมาณสามสิบจั้ง[1]
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันท่ามกลางความเงียบ สายลมเอื่อยๆ พัดโชยมา
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง ไม่เจอกันนาน ท่านจะยังสบายดี!”
หัวหน้ากลุ่มเป็นชายวัยกลางคน ทว่ามิใช่เจ้าสำนักของสำนักปีกสุวรรณ หากแต่เป็นน้องชายของเขา ผู้มีนามว่าจินตี้
ขณะพูด เขาก็เบนสายตาไปมองชือรุ่ยเออร์ที่อยู่ด้านข้าง
“เฟยซิงเหมินเองก็มาด้วย ช่างเป็นคุณหนูรองที่กล้าหาญนัก!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงประสานหมัดทักทายเขา พลางเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่เจอกันนาน ดูเหมือนระหว่างพวกข้ากับสำนักปีกสุวรรณ จะยังมีชะตาต้องกันอยู่ ว่าแต่ ครานี้เจ้าสำนักพวกเจ้ามิได้มาด้วยหรือ?”
หากสามารถนำหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์กลับไปได้ ก็จะใช้มันข่มสำนักอื่นได้
เขาไม่เชื่อว่าสำนักปีกสุวรรณจะไม่สนใจสิ่งนี้
จินตี้หัวเราะเยาะ
“พี่ใหญ่ของข้ากำลังเข้าด่าน จึงส่งข้ามาที่นี่ก่อน อันใดกัน ผู้อาวุโสฮวาเฟิงอยากพบพี่ใหญ่ของข้าหรือ…”
“อย่าเข้าใจผิด ข้าแค่ถามเฉยๆ”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงแค่นเสียงหัวเราะ
“อย่างใดก็ตาม บุพกาลชายแดนเหนือนั้นช่างกว้างใหญ่ แต่พวกเรากลับสามารถวนมาเจอกัน ช่างบังเอิญเสียยิ่งกระไร”
จินตี้เลิกคิ้วกระบี่ของตนขึ้นเล็กน้อย
“เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ขึ้นที่นี่ คนที่อยู่ฝั่งนี้น่าจะใกล้มาถึงแล้วกระมัง?”
เขากล่าวพลางหันไปมองกระดูกมังกรเหล่านั้น
“บางทีสถานที่แห่งนี้…อาจจะซ่อนสมบัติล้ำค่าของบุพกาลชายแดนเหนือไว้ก็ได้!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง และไม่ได้พูดอันใด
ขณะเดียวกัน ก็มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นอีกครั้ง ณ บริเวณที่ไกลออกไป
ผู้อาวุโสคนหนึ่งหันไปมอง พลางกู่ร้องด้วยความดีใจ
“พวกของตันชิงมาถึงแล้ว!”
เจียงจื่อหยวนได้ยินมันชัดเจน หัวใจดวงน้อยบีบแน่น ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นตะบี้ตะบัน พลันหันขวับไปมองทันที!
[1] 丈 อ่านว่า zhàng (จั้ง) ซึ่งเป็น ‘ชื่อหน่วยวัดความยาว’ หน่วยหนึ่งในมาตราวัดของจีน (พัฒนามาจาก ‘ภาพอักษร’ ที่แปลว่า ‘มือ’ จึงหมายถึง ‘สิบ’) โดยหน่วยความยาว ‘หนึ่งจั้ง’ จะหมายถึงความยาวประมาณ ‘สิบฟุต’ หรือประมาณ ‘3.3 เมตร’