ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1359 ทะลวง
ตอนที่ 1359 ทะลวง
ครั้นเอ่ยออกไปเช่นนั้น หลายคนต่างตกใจจนพูดไม่ออก
“ทะ… ท่านหมายความว่า…”
ชือรุ่ยเออร์กล่าวอย่างคลุมเคลือพลางเหลือบมองเขาเล็กน้อย
นางนึกว่าผู้อาวุโสฮวาเฟิงเลือกรออยู่ที่นี่เสียอีก
และมีหรือที่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจะไม่รู้ว่านางหมายถึงอันใด?
ทว่าเนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ นี่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
พวกเขารออยู่ที่นี่นานแล้ว แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ก็เปิดประตูบานนั้นไม่ได้อยู่ดี
และตอนนี้ก็ยิ่งสิ้นหวังเข้าไปใหญ่
แต่ถ้าหาพวกปั๋วเหยี่ยนเจอแล้วร่วมมือกัน ก็น่าจะพอมีหวังอยู่บ้าง
ถึงเขาจะเป็นห่วงเด็กนั่นมากแค่ไหน แต่รออยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์
ผู้อาวุโสหลายคนมองหน้ากัน เป็นอันตกลงว่าเห็นด้วยกับความคิดนี้
ชือรุ่ยเออร์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพยักหน้าตกลงในที่สุด
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหันไปมองคนจากภูเขาหลิงอวิ้น
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าแล้วประสานหมัดคารวะ
“ข้ามีเรื่องอยากจะขอรบกวนทุกท่าน”
หัวหน้ากลุ่มผงะไปเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมิต้องเกรงใจ หากท่านต้องการสิ่งใดโปรดเอ่ยแก่ข้าได้เลย”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจึงกล่าวอย่างจริงจังว่า
“เมื่อข้าไปแล้ว จักต้องทิ้งฉู่เยว่ไว้ตามลำพัง ข้าไม่สบายใจอย่างมาก ฉะนั้น ข้าอยากขอให้ทุกท่านช่วยรออยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง ถ้าฉู่เยว่ออกมา หรือเผชิญกับสถานการณ์มิคาดฝัน ได้โปรดช่วยเขาด้วย สำนักหลิงเซียวของข้าจักขอบคุณพวกท่านมาก”
กลุ่มคนจากภูเขาหลิงอวิ้นต่างมองหน้ากัน
พวกเขาดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าฉู่เยว่สำคัญกับผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนเหล่านี้มากเพียงใด
แต่แค่คิดไม่ถึงว่าเขาจะสำคัญมาก เสียจนผู้อาวุโสฮวาเฟิงยอมลงทุนขอร้องพวกเขาเป็นการส่วนตัวเช่นนี้
ฉู่เยว่ผู้นี้… มีภูมิหลังอย่างใดกันแน่?
จากที่เคยได้ยินมา มิใช่ว่าเป็นแค่จอมยุทธ์ระดับแปดหรอกหรือ…
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเกรงใจเกินไปแล้ว”
หัวหน้ากลุ่มยิ้มกลับไปอย่างสุภาพ
“ในเมื่อท่านเอ่ยปากด้วยตัวเองเช่นนี้ พวกข้าต้องช่วยท่านอยู่แล้ว”
ใจนึงพวกเขาก็อยากอยู่รอดูสถานการณ์ที่นี่อยู่แล้ว
อีกใจนึงก็คิดว่าการสานสัมพันธ์กับทางสำนักหลิงเซียวเช่นนี้ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาในภายภาคหน้า
สำหรับพวกเขาแล้วมีแต่ได้กับได้ ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธแต่อย่างใด
“เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
เพื่อผลประโยชน์จากสำนักหลิงเซียวแล้ว คนพวกนี้ย่อมไม่เพิกเฉย และตอบรับคำขอของเขา
ส่วนตอนนี้ ก็แค่เพียงฉู่เยว่ที่ติดอยู่ข้างในอดทนรอให้ได้…
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง ดูเหมือนว่าฉู่เยว่ผู้นี้…จะไม่ใช่ศิษย์ของท่าน แล้วไยท่านถึง…”
ท้ายที่สุด ชายจากเขาหลิงอวิ้นก็โพล่งถามออกมาอย่างอดไม่ได้
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยิ้มบาง
“เพราะเขาคือคนของหรงซิว”
…
กลุ่มคนจากสำนักหลิงเซียวและเฟิงซีเหมินจากไปพร้อมกัน
หลังจากที่คนของเขาหลิงอวิ้นใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายเสร็จแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจเฝ้ารอดูการเปลี่ยนแปลง
พวกเขาสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่หลังประตูบานนั้นมากๆ
และก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ต้องสูญเสียกำลังพลไปเกือบครึ่ง เมื่อพยายามเข้าไปในนั้น
หากพวกเขาไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบข้างในได้ คงรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย
แต่ไม่รู้ว่าประตูบานนี้จะเปิดออกอีกครั้งหรือไม่
และฉู่เยว่ผู้นั้น… จะเป็นอย่างใดบ้างก็ไม่รู้?
…
ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกไปเสียสนิท
ขณะนี้นางหมกมุ่นอยู่แต่กับการฝึกลมปราณ
หลังจากทะลวงผ่านระดับแปดขั้นกลางแล้ว นางก็ยังกลืนกินพลังปราณรอบตัวเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ยามนี้ป้ายหลุมศพไร้นามล้วนเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว
ราวกับจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ
ทว่าเนื่องจากรอยแตกร้าวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความเข้มข้นของพลังปราณโดยรอบรุนแรงมาก จนถึงระดับที่เรียกว่าบ้าคลั่งได้เลย
ฉู่หลิวเยว่แทบขยับตัวไม่ได้ พลังปราณมหาศาลพุ่งเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างไม่หยุดยั้ง
ลมปราณบนตัวนางเองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน!
ถ้าเป็นคนอื่นคงตื่นเต้นดีใจมากๆ
แต่ในใจของฉู่หลิวเยว่กลับมีร่องรอยความไม่สบายใจผุดขึ้นมาทีละน้อย
นั่นเพราะ…
ที่นี่มีพลังปราณมากเกินไป!
ร่างกายของผู้ฝึกตนทุกคน ล้วนมีขีดจำกัดในการต้านทานพลังกันทั้งสิ้น
และเมื่อเกินขีดจำกัด ร่างกายจะไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป
ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ มันมีแนวโน้มว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายระดับหนึ่ง
แม้ตอนนี้นางจะมีไข่มุกธาราที่ช่วยดูดกลืนพลังปราณส่วนเกินทั้งหมดไว้แทน
แต่ใครจะรู้ว่ามันจะสิ้นสุดเมื่อใด?
เมื่ออยู่ที่นี่ นางแทบไม่รู้สึกถึงกาลเวลาเลย
และมีเพียงพลังปราณอันมหัศจรรย์ที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุดหย่อน!
ภายใต้ความกังวลเหล่านี้ ฉู่หลิวเยว่ยังคงทะลวงต่อไป เพื่อขึ้นสู่ระดับขั้นสูงสุดให้ได้!
…
แต่กระบวนการทุกอย่างยังไม่หยุดแค่นั้น
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกได้ชัดเจนว่าทุกส่วนในร่างกายนาง เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์
ป้ายหลุมศพไร้นามยังคงแผ่คลื่นพลังออกมาด้านนอก
พลังปราณจำนวนมากรวมตัวกัน กำแพงหินเหนือศีรษะควบแน่นเป็นของเหลว พลันสั่นไหวแล้วพังทลายลงมา
ทว่าสิ่งที่ฉู่หลิวเยว่เป็นห่วงที่สุดก็คือ หลังจากผ่านมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากองค์ไท่จู่
เหมือนว่าเขาจะหลับลึกจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่เรียกหาเขาหลายครั้ง แต่ไร้การตอบสนองจากเขา
ถ้าไม่เพราะยังสัมผัสได้ถึงลมปราณขององค์ไท่จู่ นางคงจะคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาแล้วแน่ๆ
สถานที่แห่งนี้…
แปลกประหลาดเสียจริง
ฉู่หลิวเยว่เม้มปากคิดหนัก
หรือว่าเมื่อก่อนองค์ไท่จู่จะเคยมาที่นี่?
…
ครู่ต่อมา ในที่สุดไข่มุกธาราในจุดตันเถียนของฉู่หลิวเยว่ก็หยุดหมุน
ฉู่หลิวเยว่ลืมตาโพล่ง พร้อมสีหน้าขึงขัง
เพราะตอนนนี้นาง… กำลังจะทะลวงขึ้นสู่จอมยุทธ์ระดับเก้า!
สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว มันถือเป็นการเลื่อนระดับที่สำคัญมาก
หลังจากที่เกิดในร่างใหม่ ฉู่หลิวเยว่เผ้าจินตนาการถึงวันนี้นับครั้งไม่ถ้วน
แต่ถึงนางจะคิดฝันถึงมันหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่านางจะต้องมาทะลวงขั้นพลังปราณขึ้นสู่ระดับเก้า ในสถานที่แบบนี้
“ถวนจื่อ”
ฉู่หลิวเยว่เค้นเสียงเรียกเบาๆ
เปลวไฟสีทองอมแดงพลันวาบผ่านเข้ามาในสายตา
พร้อมร่างของถวนจื่อที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านาง
“ช่วยปกป้องข้าด้วย”
ถวนจื่อเองก็ตระหนักได้ว่าครานี้มันไม่ปกติเหมือนครั้งที่แล้วๆ มา พลันทำสีหน้าจริงจังขึ้นทันตา
พรึบ!
เปลวไฟสีแดงลุกโชน พร้อมกับถวนจื่อที่ค่อยๆ กลายร่าง!
ปีกทั้งสองข้างกางออก นำพามาซึ่งลมปราณอันน่าสะพรึง!
อุณหภูมิภายในถ้ำพุ่งสูงขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา
ลำแสงหลายสายพุ่งออกมาจากปลายนิ้วเรียวขาว แล้วตวัดพันเกี่ยวกันและทับซ้อนจนเป็นรูปเป็นร่างอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า ก็มีค่ายกลขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนพื้น! มันห่อหุ้มนางไว้ข้างใน เพื่อป้องกันความปลอดภัยของนาง!
พร้อมกับแสงสีทองที่ปรากฏบนร่างกายของนางในเวลาเดียวกัน
นั่นคือชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงที่ถูกเรียกออกมา
และหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็หยิบกระบี่ชื่อเซียวออกมาอีกครั้ง แล้วแทงมันลงไปในพื้นดินข้างๆ นาง!
ฉึก!
เสียงเฉือนอันคมกริบดังชัดเจน กระบี่ชื่อเซียวสั่นไหวเล็กน้อย สะท้อนแสงเรืองรองไปทั่วถ้ำ
ในที่สุดทุกอย่างก็พร้อมแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ผ่อนลมหายใจออกยาวๆ
สองหูได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังชัดเจน
แค่อีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น
นางหลับตาลงในที่สุด แล้วรวบรวมพลังปราณทั้งหมดในกาย!
พลังปราณของสรรพสิ่งโดยรอบ เริ่มพุ่งเข้าใส่นางด้วยความเร็วที่น่าตกใจกว่าเดิม!
ขณะเดียวกันนั้น ท้องฟ้าเหนือหุบเขาพลันมืดลงทันที!
สายลมพัดกระโชก กลุ่มเมฆดำทะมึนรวมตัวกันเหนือท้องนภา!
ราวกับโลกใบนี้เปลี่ยนไปในพริบตา!
กลุ่มคนจากเขาหลิงอวิ้นที่กำลังรออยู่ในหุบเขา ต่างเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ!