ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1357 ทางตัน ตอนที่ 1358 จากไป
ตอนที่ 1357 ทางตัน ตอนที่ 1358 จากไป
ตอนที่ 1357 ทางตัน
ตูม!
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หินก้อนไหลกลิ้งลงมาอย่างรวดเร็วแล้วตกลงกลางหุบเขา!
และก่อนที่ทุกคนจะได้พักหายใจหายคอ ทันใดนั้นก้อนหินจำนวนมากเริ่มร่วงหล่นลงมาหน้าผาหินชัน และตกลงสู่หุบเขาเบื้องล่าง!
“ตูม ตูม ตูม”!
ก้อนหินนับไม่ถ้วนชนกันระเนระนาด!
“ไม่นะ…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงตกใจตาถลน
จากนั้นเขาก็เห็นว่าเส้นทางเบื้องหน้าถูกปิดกั้นด้วยกองหินเหล่านั้น!
ประตูบานใหญ่ถูกปิดทับอยู่หลังกองหินโดยสมบูรณ์ และแทบไม่มีช่องว่างให้แทรกตัวเข้าไป!
เขาร้อนใจและกำลังจะพุ่งตัวเข้าไป
แต่ยังไม่ทันได้ยกเท้าขึ้น เหล่าก้อนหินที่ทยอยล่วงลงมาก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มเคลื่อนตัวมาทางเขา!
จนเขาต้องยอมถอยออกมาอย่างสิ้นหวังอีกครา!
สถานการณ์ของกลุ่มคนด้านหลังเองก็ไม่สู้ดี
เพราะด้านนั้นเองก็เกิดหินถล่มเช่นกัน
ใครบางคนหวีดร้องด้วยความตกใจ
“หุบเขานี้จะถล่มแล้ว!”
…
ขณะเดียวกันนั้น ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ข้างในประตูก็ปาดเลือดออกจากมุมปากช้าๆ พลันหยัดตัวลุกขึ้นยืน
และอาจเป็นเพราะได้รับการป้องกันจากเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง นางจึงมิได้บาดเจ็บมากนัก
เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ นางได้ยินเสียงความวุ่นวายจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามาบางส่วน
เหมือนว่าจะ…
เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นในหุบเขา?
ฉู่หลิวเยว่ขบเม้มริมฝีปากแน่น
นางหันกลับไปมอง
ประตูบานใหญ่ถูกปิด ไม่มีวี่แววว่าจะเปิด
ผ่านไปสักพัก เสียงอึกทึกนั่นพลางเงียบลงอย่างช้าๆ
นางใจหายวาบราวถูกห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ…
ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นข้างนอกบ้าง…
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เดินไปที่หลุมศพอีกครั้ง
ยามนี้คลื่นพลังที่เคยโจมตีนางหายไปแล้ว
ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบ เสมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น
เหลือเพียงรอยแตกร้าวบนหลุมศพไร้นาม ที่นี่เป็นดั่งหลักฐานของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
นางหยุดยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมในตอนแรกอีกครั้ง
แต่จู่ๆ นางก็สะดุ้งโหยง แล้วเงยหน้ามองไปรอบๆ
…ดูเหมือนว่าความเข้มข้นของพลังปราณในถ้ำ จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก!
ฉู่หลิวเยว่หลับตาพลางสัมผัสมันอย่างระมัดระวัง เป็นอย่างที่คิดจริงๆ!
นางจ้องมองหลุมศพนั่นด้วยความสับสน
หรือว่า…
พลังเหล่านั้นจะแพร่กระจายออกมาจากตรงนั่น?
หลุมศพนั่นฝังกลบความลับอันใดอยู่กันแน่?
นางใช้เวลาคิดอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจฝึกปราณต่อให้สุด
ด้วยความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ คงยากเกินกว่าจะออกไปจากที่นี่ได้
และนางเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า การพัฒนาของตนจะไปสุดที่ตรงไหน!
…
ในที่สุดสถานการณ์วุ่นวายในหุบเขาก็หยุดลง
ก้อนหินมากมายกองอยู่บนพื้น เศษฝุ่นควันลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว
ทรายสีแดงปลิวไปทั่วท้องนภา จนแทบมองไม่เห็นสิ่งใด
ทุกคนจับกลุ่มรวมตัวกันอยู่ตรงพื้นที่เปิดโล่ง และเพียงยืนนิ่งไร้ซึ่งการสนทนาใดๆ
ทั่วทั้งใบหน้าและร่างกายของพวกเขาเต็มไปรอยคราบเปื้อน ดูแล้วช่างนาเวทนานัก
แต่พอคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ก็ยังทำให้พวกเขาหวาดผวาอยู่ดี
ใครจะคิดว่าหุบเขานี้จะถล่มลงมาจริงๆ ล่ะ!?
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก!
และที่สำคัญก็คือ เส้นทางไปยังประตูบานนั้นถูกปิดกั้นไว้โดยสมบูรณ์!
ถ้าต้องการจะเปิดประตู ก็ต้องขนหินเหล่านั้นออกเสียก่อน
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างใด!?
ต่อให้พวกเขาร่วมด้วยช่วยกัน ก็ไม่มีทางทำได้!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมองไปด้านหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ร่องรอยแห่งความสิ้นหวังฉายชัดขึ้นในดวงตาของเขา
ใบหน้าและตามตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย เลือดสีแดงสดไหลซึม เสื้อผ้าอาภรณ์ฉีกขาดหลายแห่ง
แต่ตอนนี้ เขาไม่สนใจสภาพของตัวเองเลย
ภาพที่มองเห็นตรงหน้าทำให้สมองเขาขาวโพลน คิดอันใดไม่ออกทั้งสิ้น
…แบบนี้แล้ว ฉู่เยว่…จะออกมาอย่างใด!
ตอนที่ 1358 จากไป
ชือรุ่ยเออร์ชะงัก พลันเอ่ยถาม
“ผู้อาวุโสเจ้าคะ พวกเรา… จะทำอย่างใดกันดี?”
แค่ก่อนหน้านี้ก็เกิดเรื่องวุ่นวายมากพอแล้ว และตอนนี้ยังเกิดเรื่องแบบนี้อีก…
แผนพาตัวฉู่เยว่ออกมา ดูท่าจะสิ้นหวังเสียแล้ว
“ฮวาเฟิง พวกเรารออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่อยู่ด้านหลังก้าวเท้าออกมา เขากล่าวย้ำพลางขมวดคิ้ว
แม้คลื่นความผันผวนเหล่านั้นจะหยุดลงแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากนี้มันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่?
พวกเขารอดมาได้เพราะหนีทัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะโชคดีเช่นนี้ทุกครั้ง
อีกอย่าง ประตูบานใหญ่ด้านหน้านั่นก็ถูกปิดตายไปแล้ว
ทุกคนล้วนหันมามองผู้อาวุโสฮวาเฟิง เพื่อรอเขาตัดสินใจ
หลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็เอ่ยว่า
“พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้าจะเดินไปดูข้างหน้าเสียหน่อย”
“ผู้อาวุโสเจ้าคะ!”
ชือรุ่ยเออร์ตะโกนเรียกเขา ด้วยความร้อนรนไปทั้งใจ
ถึงนางจะเป็นห่วงฉู่เยว่ แต่การปล่อยให้ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเข้าไปคนเดียวนั้นอันตรายเกินไป
“ตรงนี้ไม่ปลอดภัย พวกเจ้าไปก่อนเถอะ ข้าขอไปดูสักหน่อย เดี๋ยวกับมา”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจ้องมองนางด้วยสายตาผ่อนคลาย และหันไปเอ่ยกับผู้อาวุโสอีกคนว่า
“ไม่นานตันชิงน่าจะมาถึงที่นี่ เจ้าพาพวกเขาไปหลบในที่ที่ปลอดภัยก่อน”
“ตกลง”
ผู้อาวุโสคนนั้นตอบตกลง ก่อนจะหมุนตัวจากไปพร้อมกับคนอื่นๆ
เดิมทีชือรุ่ยเออร์อยากจะโน้มน้าวเขาอีกครั้ง แต่พอลองคิดๆ ดูแล้ว สุดท้ายนางก็กลืนคำพูดที่เหลือลงไป
ผู้คนจากภูเขาหลิงอวิ้นกวาดสายตามองไปรอบๆ และหลังจากทบทวนดูดีๆ แล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจล่าถอยในที่สุด
เจียงจื่อหยวนตามพวกเขาไป ขาเรียวก้าวไปสองก้าว และอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองอีกครั้ง
ภายในหุบเขาเต็มไปด้วยก้อนหินและฝุ่นควันลอยคลุ้งในอากาศ
และคนที่ถูกขังอยู่ข้างใน… ก็น่าจะถูกขังอยู่ในนั้นไปตลอดชีวิตแล้วกระมัง?
…
ด้านในประตูบานใหญ่
ฉู่หลิวเยว่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ดวงตาสองข้างปิดสนิท พลางกลืนกินพลังปราณรอบตัวอย่างดุเดือด
ไข่มุกธาราในจุดตันเถียนหมุนวนเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ กาลเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
รอยแตกร้าวปรากฏบนป้ายหลุมศพมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่นางมิได้สังเกต
ความเข้มข้นของพลังปราณทั้งหมดในที่แห่งนี้ เพิ่มพูนความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่ดูนิ่งเฉยราวไม่เหน็ดเหนื่อย นางปล่อยให้พลังเหล่านั้นหลั่งไหลเข้าไปในร่างกาย ผ่านตามเรียวแขนขาและเข้าไปในกระดูกของนาง
กระทั่งผ่านไปสักพัก นางก็สัมผัสได้ถึงซึ่งค่ายกลที่มองไม่เห็นอย่างแผ่วเบา
ระดับแปดขั้นกลาง!
แวบหนึ่งฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจมาก
ดูเหมือนความเร็วในการฝึกของนางขณะอยู่ที่นี่ จักรวดเร็วกว่าการฝึกด้านนอกเสียอีก
ถึงมันจะเทียบกับภูเขาเฝิงหมินไม่ได้ แต่แค่นี้ก็ถือว่าโดดเด่นมากแล้ว
จวบจนถึงยามที่นางต้องทะลวงขั้นพลังปราณแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
ฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ ตระหนักได้แล้วว่าการไหลเวียนของเวลาในถ้ำและด้านนอกต่างกันมาก
และไม่รู้ว่าพลบเพลาข้างนอกนั้น ล่วงเลยไปนานแค่ไหนแล้ว…
โดยทั่วไปแล้ว สถานที่ที่สามารถบิดเบือนการไหลเวียนของเวลาได้เช่นนี้ ล้วนเป็นอาณาเขตของเซียนเทพทั้งสิ้น…
ความคิดนี้แวบเข้ามาให้หัวของฉู่หลิวเยว่
แต่ก็จำต้องรีบปัดทิ้งไป และเริ่มให้ความสนใจและตั้งจิตไปที่การทะลวงขั้นพลังปราณแทน
ผ่านไปสักพัก นางก็รวบรวมพลังทั้งหมดในกาย แล้วส่งมันไปยังจุดตันเถียน!
แกรก!
เสียงแตกร้าวเล็กๆ ดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ทะลวงขึ้นสู่ระดับแปดขั้นกลางอย่างเป็นทางการ!
พลังปราณในกายพุ่งพล่านประหนึ่งน้ำเดือด!
นางลืมตาขึ้น!
พลันมีประกายแสงเจิดจรัสแล่นผ่านดวงตาสีนิลแวววาวคู่นั้น!
…
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงปีนขึ้นไปบนกองหินที่ทับซ้อนกันหลายชั้น กระทั่งมาถึงหน้าประตูได้ในที่สุด
แน่นอนว่าตอนนี้ประตูบานใหญ่ถูกกองหินปิดทับไว้อยู่
แม้แต่บานประตูก็ยังมองไม่เห็น
ข้างในยังคงเงียบสงบราวกับไร้การเคลื่อนไหวใดๆ
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรออยู่นาน พร้อมหัวใจที่จมดิ่งลงเรื่อยๆ
เขาใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะทอดสายตามองมันด้วยแววตาลึกล้ำ แล้วหันหลังจากไป
…
“ที่นี่มันนรกบนดินชัดๆ … ไม่ว่าทางไหนก็มีภัยอันตรายทุกที่…”
“บุพกาลชายแดนเหนือ… น่ากลัวกว่าที่เคยคิดไว้ก่อนหน้าเสียอีก ไม่น่าแปลกเลยที่ไม่มีใครอยู่ที่นี่มาพันปีแล้ว”
“ข่าวว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏขึ้นที่นี่ แต่พวกเรามาถึงตั้งนานแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงา! ตอนนี้ข้าไม่สนอันใดแล้ว แค่กลับไปได้อย่างปลอดภัย ก็พอแล้วจริงๆ…”
ทุกคนย้ายมารวมตัวกัน บางกลุ่มฝึกฝนระหว่างรอผู้อาวุโสฮวาเฟิงกลับมา บางกลุ่มจับเข่าพูดคุยเบาๆ
“เห้อ ถ้ารู้แบบนี้ คงไม่เกณฑ์คนมามากมายเช่นนี้หรอก…”
ผู้อาวุโสหลายคนจากสำนักหลิงเซียวรวมตัวกัน พลันถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
ตอนแรกพวกเขาวาดฝันไว้อย่างสวยหรู
กระทั่งยามนี้ เมื่อได้เผชิญหน้ากับอันตรายหลายสิ่ง พวกเขาถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ที่ที่จะพาเหล่าลูกศิษย์มาเปิดประสบการณ์ตั้งแต่แรก
มันอันตรายเกินกว่าที่พวกเขาคาดไว้มาก
“ไม่รู้ว่ายามนี้ปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ อยู่ที่ใดแล้ว… ตอนนี้ข้าขอเพียงรวมกลุ่มกับตันชิงให้ได้ก่อน ไม่รู้เลยว่ามีใครอยู่กับเขาหรือเปล่า…”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าว พลันหันไปมองเจียงจื่อหยวน
“จื่อหยวน ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเจ้าแยกทางกัน ตันชิงได้พูดอันใดกับเจ้าหรือไม่?”
แต่ไหนแต่ไรมา ตันชิงมักจะเป็นห่วงเป็นใยลูกศิษย์ผู้น่าภูมิใจคนนี้เสมอ
ท่ามกลางความเป็นความตายเช่นนี้ เขาจะไม่พูดอันใดเลยหรือ?
เจียงจื่อหยวนส่ายหัวและกำมือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อด้วยความประหม่า
“มะ… ไม่มีเจ้าค่ะ… ตอนนั้นมันวุ่นวายมาก ฉะนั้น…”
ผู้อาวุโสหลายคนทำหน้าทุกข์ใจ
“ช่างเถอะ ไว้รอดูว่าเขาจะมาได้หรือไม่ ถ้ามีคนอื่นๆ อยู่ด้วย หรือถ้ามีข่าวคราวจากปั๋วเหยี่ยน คงจะดีไม่น้อยเลย”
เจียงจื่อหยวนหลุบตาลง
“ฮวาเฟิง สถานการณ์เป็นอย่างใดบ้าง?”
ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็กลับมาถึงจุดรวมตัว
ทุกสายตาพลันจับจ้องมองเขา
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงส่ายศีรษะเบาๆ
“ฉู่เยว่… น่าจะยังออกมาไม่ได้อีกพักใหญ่”
ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบเสียงลงทันตา แต่ทุกคนกลับไม่ได้ทำหน้าตาตื่นตกใจแต่อย่างใด
เพราะพวกเขาคิดไว้แล้วว่าจักต้องเป็นแบบนี้
หลังจากนั้นชือรุ่ยเออร์ก็ถามว่า
“เช่นนั้น ตอนนี้…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ไปรวมกลุ่มกับตันชิงก่อน แล้วค่อยไปหาปั๋วเหยี่ยนกับคนอื่นๆ”