ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1353 จงเปิด ตอนที่ 1354 เป็นหรือตาย
ตอนที่ 1353 จงเปิด ตอนที่ 1354 เป็นหรือตาย
ตอนที่ 1353 จงเปิด
“หนีเร็ว!”
ครั้นตระหนักได้ถึงความผิดปกติ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพลันตะโกนเสียงดังลั่น!
แววตาชือรุ่ยเออร์สั่นเครือด้วยความหวาดผวา แล้วหันหลังกลับโดยไม่ลังเล
“ไป!”
เวลาแบบนี้ก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน!
ทุกคนล้วนรับรู้ถึงภัยอันตราย และรีบอพยพทันทีโดยปราศจากความลังเล!
แต่ก็สายเกินไปแล้ว!
ฟิ้ว…
ก่อนที่พวกเขาจะทันได้หลบหนี กระแสลมพลันหอบกองทรายสีแดงที่อยู่ด้านหลังม้วนตัวขึ้นไปบนอากาศ แล้วก่อตัวเป็นกำแพงขนาดใหญ่! ปิดกั้นเส้นทางในร่องเขาแห่งนี้ไว้โดยสมบูรณ์!
ผู้อาวุโสคนหนึ่งกระโจนตัวขึ้นไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วฟาดฟันกระบี่ใส่กำแพงทรายนั่น!
ชิ้ง!
เสียงแฉลบดังคมชัด กระบี่เล่มยาวในมือเขาแตกออกเป็นสองท่อน!
มวลพลังปราณจำนวนมากสะท้อนกลับมาใส่เขาอย่างแรง จนทำให้ร่างนั้นกระเด็นลอยออกไป แล้วหล่นกระแทกพื้นดังปัง!
เฮือก!
ใบหน้าของชายชราซีดเผือด ก่อนจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก!
หลายคนที่วางแผนจะตามเขาไป ยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความตกใจ
นี่มัน…
มันก็แค่ทรายสีแดงที่มารวมตัวกันเองมิใช่หรือ เหตุใดถึงน่ากลัวเพียงนี้!?
ไม่รอให้ศิษย์เหล่านั้นได้ตั้งตัว พลันมีแรงดึงดูดมหาศาลก่อตัวขึ้นด้านหลัง แล้วดึงพวกเขาทั้งหมดเข้าไป
ชายหนุ่มคนหนึ่งจากเฟยซิงเหมินมิอาจต้านทานแรงดูดนั่นได้อีกต่อไป เขาเสียหลักล้มลงและถูกกองทรายสีแดงนั่นโถมเข้าใส่ แล้วลากเขาไปด้านหลังในพริบตา!
พื้นทรายหยาบกระด้างทำให้อาภรณ์ของเขาขาดวิ้น
เขาดิ้นรนด้วยความหวาดกลัว และพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์นี้ แต่มันกลับทำให้เขาเจ็บหลังมากกว่าเดิมหลายเท่า
ร่างของเขาถูกลากไปตามพื้น พร้อมรอยเลือดสีแดงฉานที่ปรากฏขึ้นเป็นวงกว้าง หากแต่ถูกทรายเหล่านั้นดูดซึมและหายลับไปอย่างรวดเร็ว
“พี่จ้าว!”
ชือรุ่ยเออร์ยืดตัวขึ้นแล้วออกแรงไล่พุ่งตัวไปหาเขา!
หากแต่ยามนี้ทุกคนล้วนถูกควบคุมอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยทรายสีแดงแห่งนี้ พลังปราณของพวกเขาถูกระงับ แม้แต่จะดึงออกมาใช้เพียงครึ่งหนึ่ง ก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น แม้พวกเขาจะพยายามต่อต้านสุดชีวิต แต่ก็ยังเทียบกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ไม่ได้
ก่อนที่ชือรุ่ยเออร์จะถึงตัวอีกคน ร่างกายของนางก็เสียการควบคุมเสียก่อน
และมันไม่ใช่แค่นาง แต่เป็นทุกคน ณ ที่แห่งนี้
พวกเขาทั้งหมดถูกลากไปทางประตูอย่างง่ายดาย ราวกับมดตัวน้อยตัวนิดไร้แรงสู้!
…
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแค่ว่ามีพลังบางอย่างกำลังควบคุมร่างกายของนางไว้อย่างหนาแน่น จะขัดขืนหรือเคลื่อนไหวก็ไม่ได้
ภาพด้านหน้าล้วนเป็นสีแดง ซึ่งนอกจากม่านสีแดงขนาดใหญ่แล้ว ก็มองไม่เห็นอย่างอื่นเลย
นางรู้สึกเหมือนร่ายกายถูกบีบอัดจนผิดรูปผิดร่าง อวัยวะภายในทั้งหมดบี้อัดด้วยกัน ราวกับจะทะลักออกมาเมื่อใดก็ได้!
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ฝ่ามือ
นางหลุบตาลงมองอย่างยากลำบาก และพบว่าหลังมือถูกเม็ดทรายหยาบๆ เหล่านี้บาดเข้าอย่างจัง โลหิตสีแดงฉานไหลรินออกมาจากปากแผลอย่างเชื่องช้า
ถึงตอนนี้นางจะเป็นแค่จอมยุทธ์ระดับแปด ทว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของนางนั้น แทบจะเท่ากับจอมยุทธ์ระดับเก้าเลยก็ว่าได้
แต่การที่เม็ดทรายสามารถเฉือนเนื้อหนังมังสาของนางได้ง่ายๆ เช่นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่ามันทรงพลังมากแค่ไหน!
คลื่นพลังสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่นางอย่างแรง ทรวงอกของนางสั่นสะท้าน และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
ขณะเดียวกัน นางก็เข้าใจแล้วว่าศพที่หน้าประตูเหล่านั้นมาได้อย่างใด
จะถูกเล่นอยู่งานฝ่ายเดียวแบบนี้ไม่ได้!
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันและพยายามดิ้นรน เพื่อกระตุ้นพลังปราณดั้งเดิมในกายของตน!
แต่พลังที่ล้อมรอบตัวนางไว้แข็งแกร่งเกินไป และพลังปราณที่รวบรวมได้ ก็มีเพียงน้อยนิด!
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้แต่หมัดเทวา ก็เกรงว่าจะใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!
กรรร์!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงมังกรคำรามดังลอดเข้ามาในหู!
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นระส่ำ พลันเงยหน้าขึ้น!
คราวนี้นางได้ยินชัดเจนว่าต้นเสียงนั้น ดังมาจากหุบเขาแห่งนี้!
มันดังมาจากแนวผาที่ทอดตัวอยู่ในหุบเขา จากทรายสีแดงที่แผ่ขยายราวผืนฟ้า จากซากศพที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น หรือถูกฝังลึกอยู่ใต้ดิน!
ขณะเดียว จู่ๆ ก็มีคลื่นพลังปราณอันแกร่งกล้า ปะทุขึ้นในกายของฉู่หลิวเยว่!
ปัง!
ประตูบานใหญ่ตรงหน้าผาเปิดออก ตอบรับเสียงเรียกร้อง!
ตอนที่ 1354 เป็นหรือตาย
ร่างของฉู่หลิวเยว่ถูกดึงเข้าไปอย่างรวดเร็ว!
…
ปัง!
เสียงปิดประตูดังคล้อยหลัง!
ขณะเดียวกัน นางก็ถูกพลังอันรุนแรงนั่นฉุดกระชากแล้วเหวี่ยงลงพื้น
มวลกระดูกทั้งหมดในกายเจ็บแปลบ ราวแตกหักออกจากกัน
นางใช้มือยันพื้นไว้แล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองตรงไปด้านหน้า
มันคือถ้ำขนาดใหญ่
บนผนังถ้ำที่เกิดจากหินผาสีแดงอมเทา มีไข่มุกประธีปขนาดเท่ากำปั้นฝังอยู่หลายเม็ด พวกมันเปล่งแสงจางๆ เพิ่มความสว่างไปทั่วถ้ำ
บนพื้นตรงกลางถ้ำมีป้ายหลุมศพแผ่นหนึ่งตั้งอยู่
และถึงจะอยู่ไกล แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงที่เล็ดลอดออกมาจากหลุมศพนั่น
นางกลั้นหายใจแล้วมองไปรอบๆ อีกครั้ง
ภายในถ้ำว่างเปล่า
ไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากนาง
และประตูบานหนึ่งที่ปิดสนิท
คนอื่นๆ มิได้เข้ามาด้วยกันหรอกหรือ?
ฉู่หลิวเยว่เริ่มขมวดคิ้ว
นางยืนนิ่งอยู่กับที่พักหนึ่ง และตั้งใจฟังเสียงการเคลื่อนไหวด้านนอก
แต่นอกจากเสียงหัวใจเต้นตึกตักแล้ว ก็ไม่มีเสียงใดดังเล็ดลอดเข้ามาเลย
ราวกับเหตการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกนั้น ถูกประตูบานใหญ่นี้ปิดกั้นไว้อย่างสมบูรณ์
ฉู่หลิวเยว่ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดนางก็ยกเท้าขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้า
…
นางยืนอยู่ห่างจากป้ายหลุมศพเพียงห้าก้าว
มันดูเหมือนป้ายหลุมศพธรรมดาทั่วไป
ทั่วทั้งแผ่นหินเป็นสีขาวหม่น หนาและเรียบง่าย
มันสูงเท่าๆ กับฉู่หลิวเยว่
ทว่าบนแผ่นป้ายนั้นกลับว่างเปล่า แม้แต่คำคำเดียวก็ยังไม่มี
และนอกจากหลุมศพนี้แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอยู่ในถ้ำแห่งนี้อีก
ด้านหลังเองก็เป็นทางตัน
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองหลุมศพตรงหน้าเป็นเวลานาน แต่กลับไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ
ขณะที่ในหัวของนางกำลังเต็มไปด้วยข้อสงสัย ทันใดนั้นไข่มุกธาราในจุดตันเถียนของนางก็เริ่มหมุนช้าๆ!
คลื่นพลังสายนั้นที่โจมตีนางเมื่อครู่ก่อน ก่อกำเนิดมาจากที่แห่งนี้
ไม่นาน พลังปราณของสวรรค์และโลกภายในถ้ำก็พุ่งเข้าใส่นาง และหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างรวดเร็ว!
…
ด้านนอกประตู พายุทรายเหล่านั้นสงบลงแล้ว
ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบอีกครา
ในยามนี้ เหล่าคนที่ถูกทรายสีแดงดึงกระชากลากถูก่อนหน้า ล้วนหล่นลงพื้นอย่างพร้อมเพรียง
ราวกับหยุดเวลาไปชั่วขณะ
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงดึงสติกลับมาได้คนแรก
เขาปรับลมปราณให้สงบลง พลางลุกขึ้นยืนและมองไปรอบๆ
แม้บางคนจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าโดยพื้นฐานแล้วยังไม่อันตรายถึงชีวิต
หลังจากมองดูสถานการณ์โดยรวมแล้ว เขาก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ฉู่เยว่เล่า!?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนล้วนตกตะลึง
“ฉู่เยว่? ครู่ก่อนเขายังอยู่…”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งรีบตอบออกไป แต่กลับต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าร่างเงาของคนที่เคยอยู่ข้างกายเขาหายไปแล้ว
ครั้นมองดูดีๆ ศิษย์ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ ยกเว้นฉู่เยว่
“เมื่อครู่ประตูเปิดออก และดูเหมือนว่าเขาจะ… ถูกดูดเข้าไป”
สุ้มเสียงอันแผ่วเบาระคนลังเลของใครบางคนดังขึ้นจากด้านข้าง
ยามที่ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยผืนทรายสีแดง ทุกคนล้วนติดอยู่ในพายุทราย
แม้แต่พวกเขาเองยังแทบเอาชีวิตไม่รอด นับประสาอันใดกับการช่วยเหลือผู้อื่น
ฉะนั้นตอนที่เกิดเรื่องขึ้น จึงมีเพียงไม่กี่คนที่เห็นภาพตอนฉู่เยว่ถูกดูดเข้าไป
“อันใดนะ!?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพลันใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม แล้วหมุนตัวกลับไปมองอีกทาง
ประตูสีแดงบานใหญ่ปิดสนิท
ถ้าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ยินเสียงปิดประตูเข้าด้วยตัวเอง เขาคงไม่เชื่อที่อีกฝ่ายพูด
“เหตุใดถึงเป็นแบบนี้…”
ทุกคนต่างหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่ฉู่เยว่กลับถูกดึงเข้าไปคนเดียว!
ตอนนี้เขาจะทำอย่างใดดี?
“เหตุใดถึงเป็นเขา…”
แม้ว่าฉู่เยว่จะไม่ใช่ลูกศิษย์ของเขา แต่ในใจของผู้อาวุโสฮวาเฟิง เขาได้ยกตำแหน่งลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนให้เจ้าเด็กคนนี้ตั้งนานแล้ว
ยิ่งพอมารู้ว่ายามนี้อีกฝ่ายอาจจะกำลังตกที่นั่งลำบาก หรืออาจพบเจออันตรายถึงตาย เขายิ่งเป็นกังวล
“ในหมู่พวกเราทั้งหมด มีแค่เขาคนเดียวที่เป็นจอมยุทธ์ระดับแปด หรือว่าบางที…”
เจียงจื่อหยวนที่อยู่อีกด้านผุดลุกขึ้นยืน พลางเช็ดฝุ่นและคราบเลือดบนใบหน้าออกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถามออกไปราวไม่มั่นใจ
“เจ้าหมายความว่า เพราะฉู่เยว่อ่อนแอเกินไป ถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้หรือ?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกดเสียงต่ำ
เจียงจื่อหยวนที่สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในคำพูดของเขา พลันส่ายหัวทันควัน และรีบอธิบายอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ผู้อาวุโสเจ้าคะ ศิษย์มิได้หมายความเช่นนั้น! ศิษย์แค่รู้สึกเป็นกังวลนิดหน่อย พวกเราหลายคนล้วนปลอดภัยดี แต่มีเพียงศิษย์น้องฉู่เยว่คนเดียวที่… เช่นนี้แล้ว จะไม่ให้คนอื่นสงสัยได้อย่างใด…”
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ แล้วจะเป็นอันใดได้อีก!?
ใครก็ตามที่สามารถมาที่นี่ได้นั้น ย่อมเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ดีเลิศ หรือไม่ก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งเกินใคร
และมีแค่ฉู่เยว่คนเดียว ที่ไม่เพียงแต่เป็นจอมยุทธ์ระดับแปด แต่กลับได้สิทธิ์ตามมาที่นี่ด้วย!
และไม่เพียงแค่มาเฉยๆ แต่เขายังชี้นำทุกคน ราวกับว่าทุกคนต้องฟังเขาอย่างใดอย่างนั้น
กล้าดีอย่างใดกัน!?
และตอนนี้ แม้แต่สวรรค์ก็ยังทนไม่ไหว จับเขาขังไว้ด้านใน!
ใครจะรู้ว่าหลังประตูนั่นเป็นสถานที่แบบใด?
ฉู่เยว่ผู้นั้นจะออกมาได้หรือไม่… ย่อมไม่มีใครรู้!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเย้ยหยันอยู่ในใจ
เขารู้ว่าเจียงจื่อหยวนกำลังคิดอันใด
ยามกล่าวถึงเรื่องนี้ เขารู้ว่านางกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ทว่ามิได้หัวเราะออกมา หากแต่พยายามยับยั้งชั่งใจไว้
ลึกๆ แล้วในใจนางหวังให้เกิดเรื่องขึ้นกับฉู่เยว่เสียเต็มแก่
“ถึงตอนนี้เขาจะเป็นแค่จอมยุทธ์ระดับแปด แต่ความแข็งแกร่งและความสามารถของเขามิได้ธรรมดาอย่างที่คิด ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ยามนี้พวกเราคงจะยังถูกอีกาเก้าหางตามรังควานไม่หยุดเป็นแน่!”
สีหน้าของเจียงจื่อหยวนแข็งค้าง
การที่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพูดเช่นนี้ ไม่ต่างกับการตบหน้านางกลางสาธารณชนเลย!
“ทุกคนไปหาที่พักผ่อนก่อน”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงออกคำสั่ง แล้วเดินไปที่หน้าประตูบานใหญ่คนเดียว
ชือรุ่ยเออร์สาวเท้าตามเขาไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้ท่านมีแผนอย่างใดหรือเจ้าคะ?”
“หาทางเปิดประตู แล้วพาฉู่เยว่ออกมา”
คำตอบของผู้อาวุโสฮวาเฟิงนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา
ชือรุ่ยเออร์ย่นคิ้ว พลางหันไปมองประตูตรงหน้า
นางเองก็คิดเช่นนั้น แต่ประเด็นก็คือ ประตูบานนั้นมันเปิดได้ง่ายๆ เสียทีไหนกันล่ะ!?
เพียงแค่เดินเข้าไปใกล้ ก็สัมผัสได้ถึงความกดดันอันทรงพลังเหลือคณาแล้ว!
ไม่ต้องลองเปิด ชือรุ่ยเออร์ก็เดาได้ทันทีว่าแค่กำลังของพวกเขา คงไม่มีปัญญาเปิดประตูบานนี้แน่นอน
แต่ถ้าปล่อยไปทั้งๆ แบบนี้ ฉู่เยว่ก็จะติดอยู่ข้างในตลอดไป!
ครั้นนึกถึงพายุทรายอันบ้าคลั่งเมื่อครู่ก่อน ชือรุ่ยเออร์ก็ยังหวาดผวาไม่หาย
และไม่รู้ว่าฉู่เยว่ที่ติดอยู่ข้างในจะเป็นอย่างใดบ้าง…
หากดูจากการโจมตีเมื่อครู่แล้ว เกรงว่าคงยากเกินกว่าที่พวกเขาจะจัดการได้
“จะอย่างใด ก็ต้องลองดูกันสักตั้ง”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกล่าวเสียงเข้ม
“ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้ท่านมีแผนอย่างใดหรือเจ้าคะ?”
“หาทางเปิดประตู แล้วพาฉู่เยว่ออกมา”
คำตอบของผู้อาวุโสฮวาเฟิงนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา
ชือรุ่ยเออร์ย่นคิ้ว พลางหันไปมองประตูตรงหน้า
นางเองก็คิดเช่นนั้น แต่ประเด็นก็คือ ประตูบานนั้นมันเปิดได้ง่ายๆ เสียทีไหนกันล่ะ!?
เพียงแค่เดินเข้าไปใกล้ ก็สัมผัสได้ถึงความกดดันอันทรงพลังเหลือคณาแล้ว!
ไม่ต้องลองเปิด ชือรุ่ยเออร์ก็เดาได้ทันทีว่าแค่กำลังของพวกเขา คงไม่มีปัญญาเปิดประตูบานนี้แน่นอน
แต่ถ้าปล่อยไปทั้งๆ แบบนี้ ฉู่เยว่ก็จะติดอยู่ข้างในตลอดไป!
ครั้นนึกถึงพายุทรายอันบ้าคลั่งเมื่อครู่ก่อน ชือรุ่ยเออร์ก็ยังหวาดผวาไม่หาย
และไม่รู้ว่าฉู่เยว่ที่ติดอยู่ข้างในจะเป็นอย่างใดบ้าง…
หากดูจากการโจมตีเมื่อครู่แล้ว เกรงว่าคงยากเกินกว่าที่พวกเขาจะจัดการได้
“จะอย่างใด ก็ต้องลองดูกันสักตั้ง”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกล่าวเสียงเข้ม
พอพูดจบ เขาก็เดินไปถึงประตูแล้ว
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกมือขึ้น
ลำแสงจำนวนมากพวยพุ่งออกมา พลันรวมตัวกันกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อเกิดค่ายกลสีเงินขนาดใหญ่
แต่เพราะเพิ่งได้รับบาดเจ็บมา ทำให้การระดมพลังปราณในยามนี้ ดันทำให้เลือดลมภายในกายของเขาพุ่งสูงขึ้น
ลมปราณที่แฝงไปด้วยกลิ่นคาวเลือดค่อยๆ หลั่งไหลออกมาตามช่องปากและไรฟัน สองตาจ้องเขม็งไปที่ประตูบานหนาอย่างใจจดใจจ่อ
วันนี้เขา จะต้องพังประตูนี่ให้ได้!
แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงตะโกนเสียดแก้วหูดัง
“ใครกัน!?”
ชือรุ่ยเออร์ชะงักไปครู่หนึ่ง พลันหันกลับไปมอง
ก่อนจะเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้
พวกเขาคือคนจากเขาหลิงอวิ้นที่เจอกันก่อนหน้านี้
ชือรุ่ยเออร์ใจเต้นระรัว
พวกเขาจากไปแล้ว แต่ก็กลับมา…
ตอนนั้นพวกเขากล่าวลาชัดเจนแล้ว แต่เหตุใดตอนนี้ถึงกลับมาล่ะ!?
“ที่แท้ก็พวกเจ้านี่เอง!”
ผู้อาวุโสหลายคนจำกลุ่มคนเหล่านั้นได้ พลันกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“พวกเจ้ากลับมาเหตุใดกัน!”