ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1352 ประตูแห่งความตาย
ตอนที่ 1352 ประตูแห่งความตาย
เจียงจื่อหยวนหันมองเหลี่ยงเส่าคังอย่างไม่เชื่อสายตา
นี่เขาว่าอันใดนะ? ให้นางไปขอความช่วยเหลือจากฉู่เยว่หรือ?
ฝันไปเถอะ!
แค่ก่อนหน้านี้นางไปทำทีประจบสอพลอก็สุดจะทนแล้ว ใยนางจักต้องช่วยคนไร้ค่าอย่างเหลี่ยงเส่าคังด้วยเล่า!
นางไม่ชอบฉู่เยว่ และก็ไม่ได้สนิทกับชือรุ่ยเออร์ คนเดียวที่นางกล้าร้องขอความเมตตาด้วย ก็คือผู้อาวุโสฮวาเฟิง
แต่นั่นก็เพราะว่าเขาเห็นนางเป็นศิษย์ของสำนัก
ทว่าเมื่อครู่เหล่าผู้อาวุโสล้วนตกลงปลงใจกันแน่วแน่แล้วว่า พวกเขาจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยใดๆ ทั้งสิ้น
ตอนนี้นางวิ่งแจ้นมาขอให้เหลี่ยงเส่าคังช่วย แต่กลายเป็นการหาเหาใส่หัวเสียอย่างนั้น?!
“คุณชายเหลี่ยงถาม ข้าต้องขออภัยจริงๆ ข้านั้นเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งของสำนักวิชา จะให้ช่วยเจ้าหรือ… ข้าคงมิสามารถทำได้…”
หลังจากพูดจบ เจียงจื่อหยวนก็ยกเท้าขึ้นและเตรียมเดินจากไป
เหลี่ยงเส่าคังพลันกระวนกระวาย
“รอเดี๋ยว! เจ้าจะทิ้งข้าไว้แบบนี้ไม่ได้! หากเกิดอันใดขึ้นกับข้า เซียวเซียวไม่เอาเจ้าไว้แน่!”
เจียงจื่อหยวนยิ้มเยาะหนึ่งที
เหลี่ยงเซียวเซียว?
ต่อให้คนที่กำลังจะโดนฆ่าตอนนี้คือเหลี่ยงเซียวเซียว นางก็ไม่คิดสนใจ นับประสาอันใดกับเหลี่ยงเส่าคัง?
นางสาวเท้าเดินไปข้างหน้า โดยไม่หันกลับมาอีก
นัยน์ตาของเหลี่ยงเส่าคังร้อนผ่าวจนแทบจะระเบิด
“เจียงจื่อหยวน! ตลอดมาข้ากับเซียวเซียวปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี! คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายเจ้าจักหักหลังกันเช่นนี้! รอก่อนเถอะ! เจ้า…”
เหลี่ยงเส่าคังชะงักพลันหยุดพูด
ตุบ!
ร่างของเขาแข็งทื่อแล้วล้มลงกับพื้น
หยาดโลหิตสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากลำคอ พลันเจิ่งนองไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกทรายสีแดงดูดกลืนลงใต้พสุธาในพริบตา
ลูกตาสองข้างหลุดออกจากเบ้า และจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของเจียงจื่อหยวนอย่างเคียดแค้น
เจียงจื่อหยวนสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกจากด้านหลัง พลันขนลุกซู่ไปทั่วแผ่นหลังบาง
แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้หันไปมอง และทำเพียงรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อสมทบกับคนอื่นๆ
ชายผู้เป็นดั่งตัวแทนจากเขาหลิงอวิ้น เหลือบมองร่างที่เดินออกไปไกลด้วยแววตาลึกล้ำ ก่อนจะดึงสายตากลับมามองเหลี่ยงเส่าคังที่นอนตายอย่างเย็นชา
“เก็บกวาดให้เรียบร้อย”
“ขอรับ!”
…
หลังจากข้ามก้อนหินขนาดใหญ่ที่ขวางกั้นกลางหุบเขามาได้ พวกของฉู่หลิวเยว่ก็มุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ
ยิ่งเดินไปไกลมากเท่าไร หน้าผาสูงสองข้างที่ล้อมรอบหุบเหวนี้ไว้ ก็ยิ่งทอดตัวลึกเข้าไปมากขึ้น
หน้าผาสูงชันทอดตัวยาวสลับทับซ้อนกัน แลมองเห็นได้ชัดเจน
อีกทั้งอุณหภูมิยังสูงขึ้นกว่าครู่ก่อนมาก
ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านใจโดยมิทราบสาเหตุ โลหิตในกายพุ่งพล่านราวกับกำลังจะระเบิดออกมา!
“เยว่เออร์!”
น้ำเสียงทุ้มต่ำอันทรงพลังขององค์ไท่จู่ตวาดก้องในหู เสมือนถูกแท่งน้ำแข็งฟาดใส่หัวอย่างจัง ทำให้ฉู่หลิวเยว่สงบลงทันควัน
“พลังปราณของสวรรค์และโลกที่นี่ ผสมปนเปกันมั่วซั่วไปหมด หากมันไหลเข้าสู่กายเจ้ามากเกินไป จะทำให้สภาพจิตใจแปรปรวนได้ เจ้าจงระวัง”
ฉู่หลิวเยว่นวดขมับระคนเหนื่อยใจ
“ขอบคุณองค์ไท่จู่มากที่เตือนข้า”
พลังปราณเหล่านี้ล้วนมารวมตัวแลผสมผสานกันมั่วไปหมด ถึงนางจะไม่ได้ตั้งใจดูดกลืนมันเข้าไป แต่ระหว่างทาง ก็ย่อมได้รับผลกระทบจากมันอย่างเลี่ยงไม่ได้
นางเองที่ประมาทเลินเล่อ
“ผู้อาวุโสขอรับ ช่วยเตือนทุกคนให้สร้างค่ายกลป้องกันตัวด้วย ศิษย์ว่าพลังปราณของที่นี่ดูมิชอบมาพากลเท่าใด”
ฉู่หลิวเยว่กล่าว พลันมีกลุ่มเสียงสีทองอร่ามปรากฏขึ้นบนกายของเขา และหายวับไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงตอบรับเสียงขรึม พลันหันไปแจ้งทุกคนอย่างจริงจัง
ก่อนหน้านี้เขาเองก็รู้สึกแปลกๆ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจ
“ดูเหมือนว่าพลังปราณส่วนใหญ่จะเล็ดลอดออกมาจากทรายสีแดง… ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างใด”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเอ่ยเสียงเบา
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง และจู่ๆ ภาพกระดูกมังกรเหล่านั้นที่จมลึกอยู่ใต้พื้นดิน ก็แวบขึ้นมาในหัวของนาง
หรือว่า…
“ดูสิ! นั่นมันอันใด!”
ชือรุ่ยเออร์ร้องตะโกนด้วยความตกใจ!
ฉู่หลิวเยว่สลัดความคิดในหัวออกไปแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
ก่อนจะเห็นหน้าผาขนาดใหญ่ปิดเส้นทางเดินเบื้องหน้า ราวเป็นจุดสิ้นสุดของหุบเขาแห่งนี้
บนชะง่อนผานั่นมีประตูบานหนึ่งฝังอยู่
ทั้งสูงใหญ่!
งดงาม!
และน่าเกรงขาม!
ประตูบานนั้นมีสีแดงเข้ม ราวกับเหล็กร้อน
ชั้นอากาศโดยรอบดูบิดเบี้ยว
พาลเอาคนมองแทบหยุดหายใจ
บนพื้นดินไม่ไกลจากประตู มีศพหลายสิบศพกระจัดกระจายไปในคนละทิศทาง
สภาพของศพส่วนใหญ่ถูกฉีกกระชากอย่างน่าสยดสยอง
ฉู่หลิวเยว่รู้ทันทีว่าคนเหล่านี้น่าจะเป็นคนจากเขาหลิงอวิ้น และคนจากตระกูลเหลี่ยงที่เสียชีวิตที่นี่ก่อนพวกนางจะมา
และเหมือนว่ายังไม่ทันจะได้ผ่านประตูเข้าไป พวกเขาก็ถูกจัดการเสียก่อน
“นี่… นี่มันอันใดกัน? ไยถึงมีที่แบบนี้อยู่ในบุพกาลชายแดนเหนือได้?”
“ขนลุกขนพองไปหมดแล้ว เจ้าเห็นศพที่กองอยู่หน้าประตูนั่นหรือไม่?”
“ถ้าพวกเราเข้าไป คงเสี่ยงอันตรายมากแน่…”
“พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าถึงที่นี่จะร้อนระอุ แต่กลับแอบรู้สึกเย็นวาบจนน่าขนลุก?”
…
ทุกคนล้วนสนทนากันไม่หยุด
ฉู่หลิวเยว่เตรียมก้าวเท้าไปข้างหน้า แต่กลับถูกผู้อาวุโสฮวาเฟิงดึงรั้งไว้เสียก่อน
“รอก่อน!”
เจ้าเด็กนี่ ช่างประมาทเสียจริง!
ด้านหน้ามีศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่เต็มไปหมด เขายังสามารถเดินออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นนั้นได้อีกหรือ?
ไม่กลัวตายบ้างเลยหรือไร!?
“เจ้าถอยไป ข้าจะไปตรวจสอบสถานการณ์ก่อน”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไร้ซึ่งช่องว่างให้โต้เถียง
ฉู่หลิวเยว่หลุดยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ และไม่ได้โต้เถียงกับเขา
“ระวังตัวด้วยขอรับ ผู้อาวุโส”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงผงกศีรษะสองสามที พลางย่ำเท้าเดินไปข้างหน้า
แส้เสียงรอบด้านค่อยๆ เงียบลง ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังชายชราด้านหน้า
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันรุนแรง ที่แพร่กระจายออกมาจากประตูบานนั้น!
การไหลเวียนของเลือดในกายของเขาช้าลงเรื่อยๆ
เขาขมวดคิ้วฉับทันที
กระทั่งอยู่ห่างจากประตูบานนั้นประมาณยี่สิบก้าว ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถึงหยุดฝีเท้า
เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ เขาได้สัมผัสได้ถึงไอสังหารที่หลั่งไหลออกมาจากมัน
ประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีบอกเขาว่า ถ้าก้าวเข้าไปอีกนิดล่ะก็…จบเห่แน่!
แต่เขากลับหยุดคิดเพียงชั่วครู่ พลันยกเท้าเดินไปข้างหน้า
ฟิ้ว! และก่อนที่ปลายเท้าจะได้สัมผัสกับพื้นดิน จู่ๆ ก็มีลมสายหนึ่งพุ่งเข้ามาใส่เขา!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงตกใจ พลันปล่อยหมัดออกไป!
เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมันตรงๆ!
เปรี้ยง!
พลังปราณอันยิ่งใหญ่และทรงพลังสองสายปะทะกันอย่างดุเดือด! จนเกิดเสียงกัมปนาทดังกึกก้อง!
กรวดหินดินทรายบนพื้นพัดปลิวไปในอากาศ! ลมแรงโหมกระหน่ำเข้ามาไม่ยั้ง!
ทรายสีแดงรวมตัวกันบนอากาศพลันก่อตัวเป็นพายุงวงช้าง พร้อมปลดปล่อยแรงดึงดูดอันทรงพลังออกมา!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเคลื่อนตัวไปด้านหน้าตามแรงดึงดูดอย่างควบคุมไม่ได้!
เขาตกใจสติหลุดไปวูบหนึ่ง! ก่อนจะรีบถอยออกมาอย่างไม่ลังเล!
แต่มันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น แค่คิดจะถอยหลังหนียังยากเลย
ในทรายเหล่านี้มีพลังปราณสั่งสมอยู่มากมาย โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ใกล้ประตูบานใหญ่ เมื่อมารวมตัวกันพวกมันจักทรงพลังมากเสียจนแม้แต่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็แทบจะต้านทานไม่ไหว!
“ผู้อาวุโส!”
ชือรุ่ยเออร์กำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ถูกชายชราคิ้วขาวขวางไว้
“คุณหนูรองรอที่นี่สักครู่ ข้าจะไปเอง!”
ยังไม่ทันได้พูดจบ ร่างของเขาก็หายวับไปจากจุดนั้นแล้ว
และต่อมาทุกคนก็เห็นเขาไปโผล่อยู่ข้างกายผู้อาวุโสฮวาเฟิง
ชิ้ง!
เขาใช้กระบี่เล่มยาวในมือ ฟาดฟันออกไปอย่างแรง!
พลันเกิดรอยแยกขึ้นบนพายุทรายที่ห่อหุ้มผู้อาวุโสฮวาเฟิงไว้!
“ไป!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงใช้โอกาสนี้รีบหนีออกมาอย่างสุดกำลัง!
ทว่าเมื่อทั้งสองคนกำลังจะหลบหนี จู่ๆ พายุงวงช้างที่เกิดจากการรวมตัวกันของทรายสีแดง ก็แปรเปลี่ยนรูปแบบไปตามกระแสลม!
ฟู่…
พายุงวงช้างเปลี่ยนเป็นพายุทรายลูกใหญ่ พลันพุ่งตัวไปข้างหน้า!