ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1343 อันตราย
ตอนที่ 1343 อันตราย
“ก่อนหน้านี้ที่แห่งนี้…อาจจะไม่ได้มีลักษณะอย่างเช่นตอนนี้”
น้ำเสียงขององค์ปฐมกษัตริย์ก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ข้ารู้เพียงแค่ว่าต่อไปจะเดินไปทางไหนแล้วค่อนข้างปลอดภัย แต่ทางนั้นคืออันใดนั้น ข้ากลับจำไม่ค่อยได้ อีกทั้ง…ตอนนี้ข้าสามารถรับรู้ได้แค่ในระยะรัศมีสิบลี้นี้เท่านั้น หากเป็นสถานที่ที่ไกลกว่านี้ จะต้องไปถึงก่อนแล้วค่อยทราบได้”
“อาจจะเป็นเพราะเวลาผ่านไปนานมากแล้ว หรือว่าเป็นเพราะจิตวิญญาณของข้านั้นไม่สมบูรณ์ สิ่งที่ข้านึกออกได้นั้นจึงมีไม่มาก”
องค์ปฐมกษัตริย์ลังเลไปครู่หนึ่ง แต่จากนั้นก็พูดขึ้นมา
“เรื่องพวกนี้เจ้าฟังเอาไว้ก็ได้ ไม่ต้องไปคิดจริงจัง อาจเป็นข้าที่จำผิดไป…แล้วอีกอย่างต่อให้ข้าเคยมาที่นี่จริงๆ แต่มันก็เป็นเรื่องของพันปีก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลง ทะเลกลายเป็นนา ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องยากที่จะพูด”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น “ขอบคุณองค์ไท่จู่ที่ชี้แนะ เยว่เออร์ทราบแล้ว ถ้าเช่นนั้นจากที่แห่งนี้ พวกเราควรเดินไปตามทิศทางใด?”
องค์ปฐมกษัตริย์ให้คำแนะนำมาทิศทางหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ในแววตามีประกายครุ่นคิด
คำพูดขององค์ปฐมกษัตริย์ น่าจะมีเหตุผล
ในเมื่อเขาพูดมามากมายขนาดนั้นแล้ว…
เหตุใดไม่ลองดูสักหน่อยล่ะ?
ท้ายที่สุดแล้วสถานที่ลึกลับเช่นนี้ แม้กระทั่งผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ยังทำอันใดไม่ได้
…
เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว
คนในกลุ่มนั้นทยอยลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะจากไป
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหันไปมองทางเจียงจื่อหยวน
“ต่อจากนี้ไปพวกเราควรจะเดินทางไปทางไหน?”
เจียงจื่อหยวนมองไปโดยรอบจากนั้นก็ชี้ไปที่ทิศทางหนึ่ง
“เหมือนว่าจะเป็น…ทางนั้น”
ค่ำคืนที่มืดมิด โชคดีที่บนทุ่งหิมะมีแสงสะท้อนรำไร จึงสามารถมองเห็นทิศทางได้อย่างไม่ชัดเจนนัก
“ไปกันเถอะ!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงออกคำสั่งหนึ่งเสียง ทุกคนต่างทยอยเดินไปทางนั้น
“ช้าก่อน”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจึงหันกลับมามองนาง
“ฉู่เยว่ มีอันใดหรือ?”
มือข้างหนึ่งของฉู่หลิวเยว่จับแขน อีกข้างหนึ่งกุมปลายคาง ก่อนจะครุ่นคิดแล้วพูดว่า
“ข้าคิดว่า เหมือนว่ามันจะไม่ใช่ทิศทางนั้น พวกเราเดินทางไปทางนั้นกันเถอะ”
ขณะที่พูดนางก็ชี้ไปอีกทิศทางหนึ่ง
ทุกคนชะงักไปแล้วมองหน้ากัน
นี่…มันหมายความว่าอย่างใดกันแน่?
มีเพียงเจียงจื่อหยวนที่หลังจากเห็นฉากนั้น ก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที
“ฉู่เยว่ เจ้ากำลังพูดอันใดอยู่น่ะ?” ผู้อาวุโสฮวาเฟิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “หรือว่าเจ้าอยากจะเดินไปทางนั้น?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าเหตุใดข้าจึงคิดว่าทางนั้นอาจจะปลอดภัยมากกว่า”
“นี่มัน…แต่ว่าเจียงจื่อหยวนบอกว่าคือทางนี้…”
“สิ่งที่เจียงจื่อหยวนพูดอาจจะไม่ถูกต้อง เมื่อครู่นี้นางพูดเองไม่ใช่หรือว่านางจำอันใดไม่ค่อยได้? เช่นนั้นใครจะรู้เล่าว่านี่มันเป็นหนทางจริงๆ หรือว่าทิศทางตรงข้าม”
ชือรุ่ยเออร์ที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็เชิดคางขึ้นไปทางฉู่หลิวเยว่
“ฉู่เยว่ เจ้าพูดมาซิว่าเหตุใดถึงอยากเปลี่ยนเส้นทาง?”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
“ไม่มีเหตุผล เป็นเพียงแค่ความรู้สึก”
ชือรุ่ยเออร์จ้องดวงตาของนางสักครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า
“ดี ถ้าเช่นนั้นก็ไปตามทิศทางที่เจ้าว่าเถอะ”
“ไม่ได้!”
เจียงจื่อหยวนร้องขึ้นมาเสียงสูง เสียงนั้นแหลมและแสบแก้วหูอย่างมาก
เมื่อนางเห็นว่าทุกคนมองมา นางถึงได้รู้สึกว่าตนเองได้เสียกริยาไปแล้ว น้ำเสียงจึงอ่อนลงอย่างมาก
“ข้า…ข้าจำได้อย่างชัดเจนว่าเป็นทางนั้น บุพกาลชายแดนเหนือเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง หากเดินไปผิดเส้นทางแล้วละก็ ผลที่ตามมาจะต้องร้ายแรงอย่างมากแน่นอน”
“ศิษย์พี่เจียง ข้าแค่พูดว่าทางนั้นก็สามารถไปได้ แล้วเจ้าจะร้อนรนไปเหตุใด?” ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นมอง
แผ่นหลังของเจียงจื่อหยวนเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ นางหัวเราะออกมาอย่างฝืนๆ
“เปล่า ข้าแค่เป็นห่วงว่าทุกคนจะได้รับอันตราย ท้ายที่สุดแล้ว…พวกเราก็มีคนมากมายขนาดนี้ หากเกิดเรื่องขึ้นมา…ความผิดนี้ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ?”
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสทั้งหลายก็รู้สึกเห็นด้วย
“ฉู่เยว่ สิ่งที่เจียงจื่อหยวนพูดมาก็มีเหตุผล ในสถานที่แห่งนี้ พวกเราไม่สามารถเดินทางซี้ซั้วได้ ไม่ว่าอย่างใดนางก็เป็นคนเดียวที่หนีมาได้ ดังนั้นเรื่องปัญหาของเส้นทาง พวกเราเดินไปทางนี้จะดีกว่า”
“ใช่แล้ว! ทุ่งหิมะรกร้าง ใครจะรู้เล่าว่าด้านล่างจะมีกับดักอันใดซ่อนอยู่? พวกเราอย่าไปเสี่ยงอันตรายเลยจะดีกว่าไม่ใช่หรือ?”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ฉู่หลิวเยว่กลับไม่โกรธ แต่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
นางเข้าใจว่าเหตุใดทุกคนถึงคิดแบบนี้ และพูดออกมาแบบนี้
แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะคุยกับพวกเขา
ฉู่หลิวเยว่เบนสายตาออก แล้วหันไปมองผู้อาวุโสฮวาเฟิง
“ผู้อาวุโส ท่านเชื่อข้าหรือไม่?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงชะงักไปเล็กน้อย
“แน่นอนว่าข้าเชื่อเจ้า…”
ทันใดนั้นน้ำเสียงของเขาก็หยุดค้างไป ก่อนจะหรี่ตามองนาง
ฉู่เยว่หนักแน่นขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หรือว่า…เขาจะรู้อันใดมาบางอย่าง?
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงครุ่นคิดอยู่สักพัก สุดท้ายก็พูดขึ้นมาว่า
“เช่นนั้นครั้งนี้ข้าจะเชื่อเจ้าก่อน ลองไปทางนั้นดู!”
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง?”
เจียงจื่อหยวนมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ท่านจะตัดสินใจเช่นนี้จริงๆ หรือ?”
นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถตัดสินความเป็นความตายของทุกคน! คาดไม่ถึงว่าเขาจะเชื่อคำพูดของฉู่เยว่ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้?
นี่มันไม่ใช่ของเด็กเล่นนะ!
ผู้อาวุโสคนอื่นก็มีสีหน้าประหลาดใจ
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกระแอมไอแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ลองไปทางนั้นดูก่อนเถอะว่ามันมีอันใดสำคัญอยู่หรือไม่ หากพวกเราเจออันใดก็ค่อยกลับมาก็ได้!”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
คำพูดเช่นนี้…
หากเกิดอันใดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีเวลาและไม่มีแรงที่จะวิ่งกลับมาแล้ว
นั้นไม่ได้หมายความว่าจะถูกทิ้งไว้ที่นี่ไม่ใช่หรือ?
แต่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น ความจริงแล้วคนที่รู้จักเขาต่างเข้าใจดีว่า เขาได้ตัดสินใจดีแล้ว
ตอนนี้มีเพียงผู้อาวุโสฮวาเฟิงและชือรุ่ยเออร์ที่เห็นด้วยกับทิศทางของฉู่หลิวเยว่ ต่อให้คนที่เหลือมีความคิดเห็น แต่ก็ไม่มีประโยชน์ นับว่าพวกเขาเห็นด้วยแล้ว
ส่วนคนที่ร้อนรนที่สุดก็คือเจียงจื่อหยวน
แต่เมื่อครู่นี้นางมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงเกินไปหน่อย จึงดึงดูดความสงสัยของชือรุ่ยเออร์และคนอื่นๆ ถ้านางคัดค้านอย่างรุนแรง เกรงว่าจะ…
ช่วยไม่ได้ นางจึงต้องยอมรับไปโดยปริยาย และติดตามอยู่ด้านหลังของทุกคน
คนกลุ่มนี้มุ่งหน้าไปทางที่ฉู่หลิวเยว่ชี้ด้วยความรวดเร็ว
ยิ่งเดินทางไปไกลมากเท่าไร เจียงจื่อหยวนยิ่งร้อนใจมากเท่านั้น ในใจเอาแต่คิดว่าจะทำอย่างใดให้ทุกคนกลับไปในทิศทางเดิม
ทุกคนก็ไม่มีใครพูดอันใดกันมากนัก อีกทั้งตลอดทางยังไม่มีเรื่องอันใด นางจึงไม่สามารถพูดอันใดออกมาได้
ดังนั้นหลังจากที่เดินทางไปสักพัก บนท้องฟ้าก็มีลายเส้นสีขาวปรากฏ
ชือรุ่ยเออร์ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
“ฉู่เยว่ เหมือนว่าเส้นทางที่เจ้าเลือกนี้ ดีจริงๆ…”
แกร๊ก!
นางยังพูดไม่ทันจบ ท่ามกลางพื้นหิมะด้านหน้า ก็มีอันใดบางอย่างพุ่งออกมา ปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง และพุ่งเข้าหาทุกคน!