ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1336 ไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบ
ตอนที่ 1336 ไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบ
ค่ายกลที่ฉู่หลิวเยว่วาดออกมานี้ เป็นค่ายกลรูปแบบแรกที่ตู๋กูโม่เป่าให้นางทดสอบ
ตอนนั้นนางยังเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับเก้า เห็นได้ชัดว่าระดับค่ายกลนี้ไม่เหมาะสมกับความสามารถของนาง แต่เขาก็ทิ้งเอาไว้ให้ก่อนจะจากไป
ยังดีที่ค่ายกลนี้ไม่ได้ยากมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางปิดด่านฝึกที่เขาจิ่วเหิงแล้ว นี่ก็เป็นการง่ายอย่างมากราวกับปอกล้วย
จากความแข็งแกร่งที่แท้จริงในปัจจุบันของฉู่หลิวเยว่ ดังนั้นนางจึงสามารถสรุปได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ
แต่หลังจากนั้นคิดให้รอบคอบแล้ว นางก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
นางตั้งใจให้ค่ายกลนี้ขาดๆ เกินๆ และไม่สามารถแสดงค่ายกลที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ แต่เป็นเพียง “การวาด” ขึ้นเท่านั้น
ด้วยวิธีเหล่านี้ผู้อาวุโสจะไม่สงสัยอย่างแน่นอน
แต่ผลลัพธ์ก็คือ ความสงสัยนั้นไม่เกิดขึ้น แต่สายตาที่ผู้อาวุโสทั้งหลายมองฉู่หลิวเยว่กลับมีความรังเกียจเพิ่มขึ้นอยู่หลายส่วน
“ฉู่เยว่ นี่คือค่ายกลที่เจ้าวาดออกมาหรือ?”
หนังตาของผู้อาวุโสท่านหนึ่งกระตุก
ฉู่หลิวเยว่อธิบายอย่างละอายใจว่า
“เพราะว่าค่ายกลนั้นซับซ้อนมากเกินไป ด้วยระดับความสามารถของศิษย์ในตอนนี้ จึงไม่มีทางสร้างมันออกมาได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงพยายามร้อยเรียงออกมาได้เท่านี้…กอปรกับความจำที่ไม่ชัดเจน ดังนั้นจึง…กลายเป็นเช่นนี้”
“ไม่เป็นไร ไหนข้าดูซิ”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกลับไม่ได้ใส่ใจ ก่อนจะจ้องมองค่ายคนนั้นอย่างละเอียด
“ภาพรวมของเส้นกรอบค่ายกลนี้…มีความคล้ายกันมากจริงๆ …”
แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ แต่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็เป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลระดับมหาราชา เขาเคยเห็นค่ายกลมาเป็นจำนวนไม่น้อย ดังนั้นการรับรู้ของเขาจึงไม่ได้ด้อยไปกว่าฉู่หลิวเยว่เลย หลังจากที่เขาดูมันอยู่สักครู่ เขาก็ตอบรับอย่างเห็นด้วย
“ข้าขอดูก่อนว่าจะสามารถหาวิธีทะลวงด่านได้หรือไม่ บางที…อาจจะมีหนทางที่ใช้ร่วมกันได้”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสหลายคนก็มีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมา
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง
สิ่งนี้ไม่ใช่ค่ายกลที่สมบูรณ์แบบ แต่ที่โชคดีเลยก็คือ โครงสร้างส่วนใหญ่นั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
อีกทั้งสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดาย มีเพียงแค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มีส่วนคล้ายคลึงกับค่ายกลที่กำลังกักขังพวกเราอยู่ในตอนนี้
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพราะว่าฉู่เยว่จดจำได้ไม่ค่อยชัดเจน ดังนั้นจะมีบางจุดที่ลายเส้นผูกสลับซับซ้อน
“ฉู่เยว่ ลายเส้นตรงนี้พันกันยุ่งเหยิง มันคืออันใดกันหรือ?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถามขึ้นพร้อมชี้นิ้วไป
“หา?”
ฉู่หลิวเยว่มองไปตามมือของเขา แล้วยิ้มออกมาอย่างกระดากอาย
“ท่านหมายถึงเจ้านี้หรือ? ความจริงแล้วในส่วนนี้ข้าคิดไม่ออก จึงขีดฆ่าออกไปสองครั้ง และไม่รู้ว่ามันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างใด…ส่วนที่เล็กขนาดนี้ น่าจะไม่ส่งผลกระทบอันใดหรอกใช่หรือไม่ขอรับ?”
“เหตุใดถึงจะไม่ส่งผลกระทบเล่า? นี่มันคือค่ายกลนะ”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“ยิ่งเป็นค่ายกลระดับสูงมากเท่าไร จะต้องยิ่งละเอียดอ่อนมากเท่านั้น ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะทำให้ค่ายกลนี้เสียหายได้ เหตุใดถึงทำส่งเดชเช่นนี้ล่ะ?”
การกระทำในด้านนี้ของเด็กคนนี้จะต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ ศิษย์จะจำเอาไว้!”
ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้าลงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนรู้สึกผิด สีหน้าก็ดูจริงใจ
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงไม่ได้ต้องการจะตำหนินาง จึงโบกมือออกมา
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้เจ้าจำเอาไว้ ครั้งหน้าอย่าทำผิดพลาดอีกก็…”
ทันใดนั้นเองแววตาของผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็สว่างไสวขึ้น เขาจ้องมองไปที่ค่ายกลนั้น มีเปลวเพลิงแห่งความยินดีปรากฏขึ้น
“ผู้อาวุโส คือว่าท่าน…เกิดอันใดขึ้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ถามอย่างแปลกใจ
“คือสิ่งนี้เอง!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“ฮ่าๆ! คือสิ่งนี้เอง!”
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองทางค่ายกลด้วยสายตามึนงง ราวกับไม่เข้าใจความหมายของเขา
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกลับหมุนตัวเดินออกมาแล้ว จากนั้นเขาก็เดินตรงไปที่ม่านพลังสีฟ้าอีกครั้ง
“พวกเจ้าถอยออกไป ข้าจะลองดู ดูซิว่าข้าจะสามารถทะลวงค่ายกลนี้ได้หรือไม่”
คำพูดของผู้อาวุโสฮวาเฟิงทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นตกใจอย่างยิ่ง จากนั้นก็รีบเดินถอยร่นลงไปในทันที
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยกมือขึ้น ลำแสงอันเปล่งประกายสายหนึ่งปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเขา
เขาขยับมือเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันที่ตรงหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานก็กลายเป็นค่ายกลขนาดเล็กแห่งหนึ่ง!
หากมองให้ดีๆ ก็จะพบว่าค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าเขามีลักษณะคล้ายกับค่ายกลที่ฉู่หลิวเยว่วาดอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลวดลายตรงพันกันยุ่งเหยิงนั้นก็เหมือนกันอย่างมาก
หลังจากนั้นผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ผลักค่ายกลนั้นไปด้านหน้าด้วยสายตาที่เคร่งเครียดอย่างยิ่ง
พรึ่บ!
ค่ายกลขนาดเล็กติดอยู่กับค่ายกลสีฟ้าขนาดใหญ่อย่างเงียบเชียบ
ทันทีที่มันสัมผัสกัน เสียงดังลั่นก็เกิดขึ้น!
เพราะว่าความตื่นเต้นแผ่นหลังของผู้อาวุโสฮวาเฟิงจึงเปียกหงื่อเย็นๆ จนชุ่ม
หลังจากที่ได้เห็นปฏิกิริยานี้แล้ว เขาก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง มีความหวังขึ้นมาแล้ว!
แต่เขาก็ไม่กล้าผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย สองมือวาดขึ้น จากนั้นก็เคลื่อนไหวไปเล็กน้อย
ลายเส้นขนาดเล็กบนค่ายกลนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาเล็กน้อย
ราวกับว่าได้รับผลกระทบจากพลังนี้ ค่ายกลสีฟ้าที่ลึกซึ้งก็เริ่มโคจรหมุนเวียนไปตามแล้ว!
ลำแสงสีฟ้าเหล่านั้นแผ่กระจายออกไปโดยรอบ จากนั้นการเปลี่ยนแปลงก็เริ่มกระจายออกไป
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็ทำให้คนรู้สึกตกใจอย่างมาก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนกลั้นหายใจ
รอบข้างเงียบกริบแม้กระทั่งเสียงเข็มตกก็ยังได้ยิน
พลังของผู้อาวุโสฮวาเฟิงหายไปอย่างรวดเร็ว และสีหน้าของเขาก็ซีดเผือดในทันที
ด้วยระดับฝีมือของเขาในปัจจุบัน หากต้องการจะทะลวงค่ายกลแห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าจะมีความลำบากอยู่หลายส่วน
“ช่วยข้าหน่อย!”
เขาตะโกนขึ้นมาเสียงทุ้มต่ำ
ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ด้านหลังก็เข้าใจได้ในทันที ก่อนจะส่งพลังของตัวเองเข้าไปในร่างกายของเขา!
เมื่อได้รับการเติมพลัง ในที่สุดพลังของผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็สามารถฟื้นคืนขึ้นมาได้
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมพลังภายใน และถ่ายเทเข้าไปในค่ายกลทั้งหมด!
แกร๊ก!
เสียงแตกหักของสิ่งของดังขึ้น!
บนค่ายกลสีฟ้านั้น มีรอยร้าวปรากฏขึ้นหนึ่งรอย!
“ไป!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงออกคำสั่ง ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังรีบพุ่งตัวออกไปในทันที!
“ฉู่เยว่! เร็วเข้า!”
รอยแยกนี้สามารถเปิดขึ้นได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องใช้ความเร็วมากที่สุด!
ฉู่หลิวเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบออกไปด้วยความรวดเร็ว!
คนสุดท้ายที่ออกมาก็คือผู้อาวุโสฮวาเฟิง
ปัง!
ค่ายกลนั้นสมานกันอีกครั้งแล้ว!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงโดนโจมตี และลอยไปด้านหลัง
พวกเขาทั้งหลายคนรีบพุ่งตัวออกมา
“ฮวาเฟิง! เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ก่อนจะส่ายหน้า
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร!”
เมื่อพูดจบเขาก็หันไปมองทางฉู่หลิวเยว่ และหัวเราะเสียงดังอย่างอดไม่ได้
“เด็กดี! วันนี้เจ้าได้ทำคุณงามความดีอันใหญ่หลวงแล้ว! หากไม่ใช่เพราะเจ้าไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบ ค่ายกลในวันนี้ก็ไม่มีทางทะลวงได้สำเร็จ!”