ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1333 สถานการณ์ยากลำบาก
ตอนที่ 1333 สถานการณ์ยากลำบาก
คำพูดของฉู่หลิวเยว่นี้ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหลายชะงักไป จากนั้นก็กวาดสายตามองรอบข้าง
ฟ้าดินเป็นสีขาวโพลน เงียบสงัดอย่างยิ่ง
เหมือนกับว่า…
มีอันใดบางอย่างไม่ถูกต้อง
“ฉู่เยว่พูดมามีเหตุผล หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง หากมันปรากฏตัวขึ้น จะต้องดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าในตอนนี้…เหมือนว่าที่แห่งนี้จะไม่มีอันใดเกิดขึ้นเลย”
“เป็นไปได้หรือไม่เมื่อมันปรากฏกายขึ้นที่อื่น แต่ไม่ส่งผลกระทบถึงที่นี่เลย ดังนั้นที่แห่งนี้จึงเงียบสงัดดังนี้?”
ผู้อาวุโสหลายคนออกความคิดเห็น
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงขมวดคิ้วขึ้น
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ ปั๋วเหยี่ยนส่งข่าวมาบอกว่าเจอหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์แล้ว นั่นหมายความว่าเขาสามารถเห็นมันแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้อยู่บริเวณโดยรอบ แต่ก็น่าจะอยู่ไม่ไกล แต่ทว่าในตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ไกลจากตำแหน่งที่พวกเราอยู่ ถ้าพวกเขามองเห็นแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็น่าจะมองเห็นด้วยเช่นกัน”
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้นผู้อาวุโสทั้งหลายคนก็เงียบเสียงไป
เมื่อนึกถึงตรงนี้ พวกเขาถึงได้เริ่มสงสัยความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ตำแหน่งของปั๋วเหยี่ยนก็น่าจะถูกต้อง ต่อให้พวกเราคิดอยู่ที่นี่ เกรงว่าจะไม่มีทางรู้ความจริง ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็เดินทางไปเจอพวกเขาก่อนเลยดีกว่า!”
ทุกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะนี้
แต่หลังจากที่พักผ่อนไปอยู่สักครู่ พวกเขาก็ออกเดินทางอีกครั้ง
“ฉู่เยว่ ไปได้แล้ว!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเดินไปสองก้าว เมื่อเห็นว่าฉู่เยว่ไม่ได้เดินตามมา เขาก็ตะโกนขึ้นอีกหนึ่งครั้ง
“มาแล้วขอรับ!”
ฉู่หลิวเยว่ตอบรับแล้วยกเท้าสาวเข้ามา
แต่นางก็อดที่จะมองกลับไปไม่ได้ นางมองไปอีกครั้ง จากนั้นหัวคิ้วก็ขมวดมุ่น
นางมักจะรู้สึกว่ามีอันใดบางอย่าง…ผิดปกติไปอยู่เสมอ…
“บนร่างกายของกวางหน้าเทาตัวนั้นมีกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น”
ทันใดนั้นเองเสียงของถวนจื่อก็ดังขึ้นอยู่ในโสตประสาทของนาง
ฉู่หลิวเยว่ตกใจอย่างมาก จากนั้นนางก็สามารถดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง
ใช่แล้ว!
ความรู้สึกแบบนั้นเอง!
เพราะว่าที่นี่มีกองหิมะทับถมขนาดใหญ่ ดังนั้นกลิ่นคาวเลือดจึงถูกกลบไป
แต่ตอนนี้ถวนจื่อเป็นหงส์ทองคำแล้ว การรับรู้ประเภทนี้จึงเฉียบแหลมมากกว่านางมาก
“ถ้าเดาไม่ผิดแล้วละก็ มันเพิ่งผ่านการสู้รบมา อีกทั้ง…”
เสียงของถวนจื่อชะงักไป
“อีกทั้งได้กินจนอิ่มมาก”
ร่างกายของฉู่หลิวเยว่สั่นสะท้านอย่างไม่ทราบสาเหตุ
แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะไม่เคยเห็นกวางหน้าเทาด้วยตนเองมาก่อน แต่ก็มีความรู้ความเข้าใจกับนิสัยของพวกมันส่วนหนึ่ง
ดังนั้นคำว่า “กินอิ่ม” ความจริงแล้วหมายถึงการเคี้ยวศพจนอิ่ม
เมื่อพิจารณาจากกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นบนร่างกายของมัน ก็หมายความว่าศพที่มันกินนั้นเพิ่งตายได้ไม่นาน
ในสถานที่แห่งนี้ มีประชากรอาศัยอยู่น้อย
แม้กระทั่งสัตว์อสูร ถ้ามีระดับไม่สูงมากพอ ฝีมือไม่แข็งแกร่งมากพอ การอาศัยอยู่ที่นี่ก็มีเพียงแต่ความตายเท่านั้น
ถ้าเช่นนั้น…
กวางหน้าเทาตัวนั้น…
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา คนที่เดินทางมาถึงบุพกาลชายแดนเหนือมีจำนวนไม่น้อย
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคนอื่น เพียงแค่สำนักหลิงเซียวก็ส่งคนมากว่าสามร้อยคนแล้ว
พวกเขาก็น่าจะผ่านมาที่นี่ด้วย…
ถ้ามันเกิดอันใดขึ้นแล้วละก็ หิมะที่ตกหนักขนาดนี้ สามารถปิดบังร่องรอยที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้
เงาดำอันหนักหน่วงถ่วงหัวใจของฉู่หลิวเยว่เอาไว้
…
พวกเขาเดินต่อไปอีกสักระยะเวลาหนึ่ง ทุกคนสูญเสียพลังกายไปเป็นจำนวนมาก
แม้กระทั่งริมฝีปากของผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ซีดขาวลงไปหลายส่วน
เขาเหลือบสายตามองตราหยกสีเขียวในมือ ทันใดนั้นหน้าก็เปลี่ยนสีไป
“เกิดอันใดขึ้นหรือ?”
ผู้อาวุโสคนอื่นสังเกตว่าเขามีท่าทีแปลกไป จึงรีบถามด้วยความเป็นห่วงในทันที
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหลับตาลง จากนั้นก็มองไปที่ตราหยกสีเขียวอย่างละเอียดอีกครั้ง
ลำแสงสองจุดนั้นอยู่ใกล้กันมาก
ตามหลักการแล้ว ตอนนี้เขาควรจะมองเห็นปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นได้แล้ว
แต่เมื่อกวาดสายตามองไปโดยรอบ ที่นี่กลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน!
ผู้อาวุโสหลายคนที่มองมายังตราหยกสีเขียวก็รู้สึกตกใจอย่างมาก ลำแสงทั้งสองจุดเกือบจะมาบรรจบกันอยู่แล้ว พวกเขาชะงักไป จากนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดกันขึ้น? คนอื่นล่ะ?”
“หรือว่าตราหยกสีเขียวจะมีปัญหา?”
“ลมปราณที่อยู่ในตราหยกสีเขียวนี้ ปั๋วเหยี่ยนตั้งใจทิ้งเอาไว้ก่อนที่เขาจะจากมา มันไม่มีทางผิดพลาดโดยเด็ดขาด”
ตอนนี้พวกเขามาถึงแล้ว แต่กลับไม่เจอใครเลยสักคน จึงทำให้รู้สึกสงสัยขึ้นมา
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนจึงเงียบเสียงไปแล้วมองหน้ากันเอง
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง นี่คืออันใดหรือ?”
ในตอนนั้นเองเสียงของฉู่หลิวเยว่ก็ดังขึ้นที่ด้านข้าง
พวกเขาจะเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาเห็นว่าฉู่หลิวเยว่เดินออกไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ และในมือของนางกำลังถืออันใดบางอย่างอยู่
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจ้องมันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบพูดขึ้น
“รีบเอามันมาให้ข้าดูซิ!”
เขาไม่สนใจว่าฉู่หลิวเยว่จะเดินขึ้นมาหรือไม่ แต่เขาก็รีบเดินขึ้นไปด้านหน้าแล้ว
ฉู่หลิวเยว่มอบของสิ่งนั้นให้
นั่นคือตราหยกสีเขียว
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยืนยันข้อสันนิษฐานได้ในทันที
“นี่เป็นของปั๋วเหยี่ยนแน่นอน! เหตุใดมันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?”
เขารีบหันมองฉู่หลิวเยว่แล้วถามขึ้น
“ฉู่เยว่ เจ้าหาเจอจากตรงไหน?”
ฉู่หลิวเยว่ชี้กลับไป
“ตรงที่ศิษย์กำลังยืนอยู่เมื่อครู่นี้พอดี เดิมทีข้าแค่อยากจะดูรอบๆ แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนเหยียบอันใดบางอย่างเข้า จึงหยิบขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นเจ้านี่”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงขมวดคิ้วแน่นเป็นปม กำตราหยกสีเขียวในมือแน่น
“มิน่าล่ะ…”
มิน่าตำแหน่งของปั๋วเหยี่ยนจึงอยู่ที่นี่อยู่ตลอด!
ที่แท้ก็เป็นเพราะตราหยกสีเขียวหล่นอยู่ตรงนี้นี่เอง!
แต่นี่เป็นเรื่องที่น่ากังวลยิ่งกว่า
เพราะตราหยกนี้เป็นตัวบ่งบอกสถานะ ผู้อาวุโสและศิษย์ของสำนักหลิงเซียวมักจะเก็บมันไว้กับตัวอย่างระมัดระวัง
ถ้าไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นแล้วละก็…ของชิ้นนี้จะไม่มีทางปรากฏอยู่ที่นี่!
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นที่ด้านข้าง
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง
เสียงนี้ดังมาจากด้านในกองหิมะที่อยู่ห่างจากนางไม่ไกล
ตอนนั้นเองนางคิดว่าน่าจะเป็นกวางหน้าเทา แต่ทว่าเสียงแบบเดียวกันก็ดังขึ้นในตำแหน่งอื่น
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ถูกล้อมเอาไว้แล้ว!
พรึ่บ!
ลำแสงสีฟ้าหลายสายพุ่งตัวออกมาจากกองหิมะ! และรวมตัวกันที่กลางอากาศ!
กลายเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ขังพวกเขาเอาไว้ในทันที!