ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1329 ใจอ่อน
ตอนที่ 1329 ใจอ่อน
“เจ้าว่าอย่างใดนะ?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถามกลับอย่างไม่รู้ตัว
ฉู่หลิวเยว่รวบรวมความกล้า จากนั้นก็มองไปทางเขาด้วยความกังวลและรอคอย
“ถ้าท่านไม่รังเกียจแล้วละก็ ศิษย์ขอไปบุพกาลชายแดนเหนือกับเหล่าผู้อาวุโสในครั้งนี้ด้วย”
“ไม่ได้”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงปฏิเสธทันควัน
ฉู่เยว่ก็จะไปหรือ?
ไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่?
“ก่อนหน้านี้ศิษย์เคยผ่านการทดสอบมาก่อน…”
“ก่อนหน้านี้ก็คือก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็คือตอนนี้”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมีท่าทางหนักแน่นยืนหยัด
“มันจะเหมือนกันได้อย่างใด?”
ถ้าฉู่เยว่เดินทางไปพร้อมกับทัพใหญ่ของสำนักในครั้งแรกก็คงไม่เป็นไร
แต่ตอนนี้ปั๋วเหยี่ยนส่งข่าวมาว่า ต้องการกำลังเสริม เขาแค่คัดเลือกผู้อาวุโสไปก็พอ แต่หากพาฉู่เยว่ไปด้วยมันจะเกิดอันใดขึ้นกันเล่า?
ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้าลงเล็กน้อย
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยืนอยู่ตรงนั้น สามารถเห็นขนตาของเด็กหนุ่มสั่นเล็กน้อยได้อย่างพอดิบพอดี อีกทั้งริมฝีปากเม้มแน่นจนกลายเป็นสีขาวเล็กน้อย
ไม่ว่าใครที่ได้เห็น ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดหวังและเสียใจภายในใจของเขาได้
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรู้สึกลังเลขึ้นในทันที
เด็กคนนี้ไม่ได้พูดอันใดมากมาย แต่เหตุใดเขารู้สึกผิดกับอีกฝ่ายมากขนาดนี้เล่า?
ไม่ว่าจะเป็นด้านอารมณ์หรือว่าเหตุผล เขาก็ไม่สามารถให้ฉู่เยว่ติดตามไปได้!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงนวดขมับของตนเอง แล้วเกลี้ยกล่อม
“ฉู่เยว่ เจ้ายังหนุ่มยังแน่น หลังจากนี้ยังมีโอกาสอีกมาก! เหตุใดเจ้าต้องสนใจแค่ในช่วงเวลานี้ด้วยล่ะ? ใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองเขา
“แต่เมื่อครู่ท่านเพิ่งบอกไม่ใช่หรือว่า ผู้อาวุโสบางคนอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปี ก็ยังไม่สามารถเข้าไปมองค่ายกลแห่งนั้นได้เลย…แบบนี้ศิษย์จะไม่มีหวังกว่าเดิมหรือ?”
“…”
ใครใช้ให้เจ้าปากมาก!
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถดึงคำพูดที่เพิ่งพูดกลับมาได้
“นี่ นี่มันแค่ยกตัวอย่างเท่านั้น มันไม่ได้หมายความเช่นนั้นเสียหน่อย…”
“ศิษย์ที่ผ่านการทดสอบมาก่อนหน้านี้ล้วนได้ไปกันทั้งหมดแล้ว ยกเว้นข้า…”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ นางฝืนยิ้มออกมา แต่สีหน้าดูย่ำแย่กว่าร้องไห้เสียอีก
“ช่างเถอะ ผู้อาวุโสพูดได้ถูกต้องแล้ว ศิษย์ไม่ควรมองแค่วันเวลาในตอนนี้เท่านั้น ครั้งที่แล้วไปไม่ได้ ครั้งนี้ก็ไปไม่ได้ แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตก็อาจจะมีโอกาส!”
หนังตาของผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็กระตุกขึ้นมาเมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้
เหตุใดคำพูดนี้มันดูน่าอึดอัดขนาดนี้เล่า?
แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะให้ฉู่เยว่ติดตามไปด้วยจริงๆ ท้ายที่สุดแล้วให้ผู้อาวุโสไปหลายคน และมีศิษย์ติดตามไปอีกหนึ่งคน ดูแล้วรู้สึกประหลาดไปจริงๆ
แต่ก็เป็นความจริงที่มีฉู่เยว่เพียงคนเดียวที่ไม่สามารถติดตามพวกเขาไปได้…
ความจริงแล้วศิษย์ในสำนักมีใครบ้างที่ไม่อยากไป?
แม้ว่าบุพกาลชายแดนเหนือจะเป็นสถานที่อันตรายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่เมื่อมีผู้คนมากมายมารวมตัวกัน มันย่อมปลอดภัยขึ้นมาก
ต่อให้จะไม่ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ก็สามารถใช้โอกาสนี้พัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองได้
ฉู่เยว่ไปไม่ได้ แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกเสียใจ แต่ก็ยังมีความเข้าใจอยู่
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงสาวเท้าเดินก้าวเข้าไปด้านหน้า
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นจะต้องปรึกษาหารือกัน เจ้ากลับไปเถอะ!”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมา
“ดูเหมือนว่าศิษย์จะไม่มีโชคด้านนี้จริงๆ หลังจากนี้ข้าจะอยู่ในเขาจิ่วเหิงเพื่อหลอมโอสถต่อไปก็แล้วกัน…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงชะงักฝีเท้า เขารู้สึกคันฟันยุบยิบ จากนั้นก็หมุนตัวไปหยุดยืนตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่และทุบศีรษะของอีกฝ่าย
“เจ้าเด็กหน้าเหม็น เจ้ากล้าข่มขู่ข้าหรือ?”
“ซี๊ด…เจ็บ! ผู้อาวุโส! เจ็บ!”
ฉู่หลิวเยว่รีบกุมศีรษะแล้วก้าวถอยหลังไปในทันที
“เจ็บอันใดกันเล่า! ข้ายังไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรู้สึกโมโหอย่างมากจนอยากจะทุบตีคนผู้นั้น แต่เพิ่งยกมือขึ้นมา ก็มองเห็นสายตาที่น่าสงสารของฉู่หลิวเยว่กำลังจ้องมองเขาอยู่
แววตากระจ่างใสและดำขลับดุจหยกเหมือนมีแสงเปล่งประกายวิบวับออกมา ราวกับมีดวงดาวส่องประกายอยู่ด้านใน
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงชะงักไปเล็กน้อย เขาตีไม่ลงอีกแล้ว
สายตานี้…มันช่างคุ้นเคยอย่างมาก!
“ผู้อาวุโส…”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็เรียกเขาหนึ่งคำ จากนั้นคิ้วของนางก็โค้งขึ้น
“ผู้อาวุโส ท่านสัญญากับข้าแค่ครั้งนี้เถอะ! ข้ารับประกันว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงของท่าน! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ข้าสามารถดูแลตัวเองได้แน่นอน!”
อย่าลืมว่านางทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำ หนึ่งในสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลเชียวนะ!
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงไปเล็กน้อย และรู้สึกมึนงง
นี่มัน…หมายความว่าอย่างใดกันหรือ?
“ยังไม่ตามมาอีก!”
ฉู่หลิวเยว่จึงยิ้มออกมาด้วยความยินดี
“มาแล้วขอรับ!”
…
เมื่อเป็นดังนั้นผู้อาวุโสฮวาเฟิงจึงพาฉู่หลิวเยว่ไปด้วย ก่อนจะไปติดต่อเรียนเชิญผู้อาวุโสอีกหลายคน
ในตอนแรกเขาไม่มีเหตุผลเฉพาะเจาะจง เพียงแค่พูดว่าทางด้านบุพกาลชายแดนเหนือมีปัญหานิดหน่อย ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนต้องการกำลังเสริม
ผู้อาวุโสหลายคนก็ไม่มีข้อสงสัย ต่างตอบรับ หลังจากทุกคนจัดการงานของตนเองเรียบร้อยแล้ว ก็ติดตามผู้อาวุโสฮวาเฟิง ไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งนั้น
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ก็ติดตามเขาไปตลอดทาง
แม้ว่าผู้อาวุโสหลายคนจะรู้สึกแปลกใจอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้ถามอันใดมาก
แต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้พิเศษอย่างมาก ตำแหน่งของมันไม่นับว่าลึกลับ แต่มองจากด้านนอกก็รู้แล้วว่า มีม่านพลังกั้นอยู่หลายชั้น และมีพื้นที่ครอบคลุมค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นจึงยากที่จะเข้าใกล้
ต่อให้รู้ว่าอยู่ที่นี่ คนธรรมดาก็ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้ ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงเลย
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองม่านพลังหลายชั้นนั้น จากนั้นก็ลอบถอนหายใจออกมา
สำนักหลิงเซียวให้ความสำคัญกับค่ายกลเป็นอย่างมาก
“ฮวาเฟิง พวกเจ้ามาแล้ว!”
ผู้อาวุโสหลงเจ๋อรีบออกมาต้อนรับ ตอนที่เขามองมาทางฉู่หลิวเยว่ เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปทางผู้อาวุโสฮวาเฟิง
“ฮวาเฟิง เหตุใดเด็กคนนี้ถึงมากับเจ้าได้?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกระแอมไอหนึ่งเสียง
“อ่า! เรื่องนี้น่ะหรือ! เขาจะไปกับพวกเราไง!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ