ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1328 ข้าก็ไป
ตอนที่ 1328 ข้าก็ไป
นางมองไปที่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงด้วยสายตาจริงจัง
“นั่นคงเป็นเพราะว่าผู้อาวุโสฮวาเฟิงแข็งแกร่งที่สุดใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงลูบเคราของตัวเอง เขาไม่สามารถปิดบังความภาคภูมิใจได้
“หึๆ ที่ไหนกันเล่า! ภายในสำนักนี้มีเสือหมอบมังกรซ่อน ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งก็มีมากมาย หากพูดให้ถูกต้องก็คือ ค่ายกลแห่งนั้นไม่สามารถสร้างได้ด้วยตัวคนเดียว จำเป็นต้องใช้ผู้อาวุโสหลายคนร่วมมือกันถึงจะสามารถทำได้ ชายชราอย่างข้าน่ะหรือ ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น! ไม่คู่ควรให้พูดถึงหรอก!”
แม้ว่าจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่แววตาของเขาก็สดใสเปล่งประกายยินดี ไม่ว่าใครมองก็ต่างรู้ว่า คำเยินยอนี้ของฉู่หลิวเยว่นี้โดนใจเขาอย่างมาก
เพราะว่าค่ายกลนี้มีความพิเศษอย่างมาก ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบค่ายกลนี้ได้ ก็จะต้องเป็นเพียงคนที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นคนที่น่าเชื่อถือ
ภายในสำนักแห่งนี้มีผู้อาวุโสอยู่จำนวนไม่น้อย สามารถจินตนาการได้เลยว่าการแข่งขันจะดุเดือดมากสักเพียงใด
หากผู้อาวุโสฮวาเฟิงจะรู้สึกภูมิใจก็เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก
ในแววตาของฉู่หลิวเยว่มีความเลื่อมใสศรัทธา
“ได้ยินมาว่าในปีนั้นค่ายกลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเจ้าสำนักคนแรก ทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่ มีเพียงค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งนี้เท่านั้นที่จะสามารถเดินทางไปถึงบุพกาลชายแดนเหนือได้โดยตรง”
ขณะที่พูดขึ้น ใบหน้าของนางก็มีความเสียดายปรากฏขึ้น
เดิมทีผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็รู้ว่านางจะต้องได้ไปด้วย แต่เพราะเรื่องปัญหาของสุขภาพ ดังนั้นจึงไม่สามารถเดินทางไปได้
ท้ายที่สุดแล้วเด็กคนนี้ก็อดที่จะเสียดายไปไม่ได้
“ความจริงแล้วมันก็ไม่มีอันใด เจ้าดูสิหลายปีที่ผ่านมานี้ นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ใช้ค่ายกลนั้นเสียหน่อย? ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ในสำนักมาหลายร้อยปี ก็ยังไม่ค่อยได้ใช้งานมันเลยสักครั้ง! โอกาสที่หาได้ยากแบบนี้ ฉู่เยว่ เจ้าอย่าได้ใส่ใจไปเลย!”
ขณะที่ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพูดอยู่นั้น เขาก็ขยิบตาให้กับฉู่หลิวเยว่ด้วย
“ถ้าไม่เช่นนั้นเจ้าลองคิดเรื่องที่จะมาเรียนค่ายกลกับข้าดูหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นอย่างหยอกล้อ
“เช่นนั้นหากข้ากราบท่านเป็นอาจารย์ ท่านจะสามารถพาข้าไปดูค่ายกลแห่งนั้นด้วยตาตนเองได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเห็นว่านางมีนิสัยเด็กๆ จึงตบหน้าอกของตนเอง
“มันจะเป็นเรื่องยากอันใดกัน? รอให้เจ้าทะลวงด่าน ไม่แน่ว่าเจ้าก็สามารถ…”
พรึ่บ!
กลางอากาศมีเสียงดังสนั่นขึ้น
คำพูดของผู้อาวุโสฮวาเฟิงหยุดชะงัก แล้วรีบเงยหน้าขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ก็เงยหน้าขึ้นไปมองด้วยเช่นกัน
เขาคือผู้อาวุโสหน้าคุ้นเคยคนหนึ่ง
“ฮวาเฟิง!”
ผู้อาวุโสคนนั้นมีความเร็วสูงมาก ชั่วพริบตาเดียวพวกเขาก็มาอยู่ตรงหน้าพวกเราทั้งสองคนแล้ว
ใบหน้าของเขาแดงก่ำ แววตาเปล่งประกาย ดูไปแล้วมีท่าทางตื่นเต้นอย่างมาก
“ฮวาเฟิง! ทางด้านบุพกาลชายแดนเหนือ…”
ตอนที่เขากำลังจะพูดอันใดบางอย่าง เมื่อเขากวาดสายตามองแล้วพบว่ามีฉู่หลิวเยว่อยู่ด้านข้าง เขาก็รีบเงียบลงในทันที
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
“หลงเจ๋อ มีเรื่องอันใดหรือเจ้าถึงดูดีใจขนาดนี้?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ผู้อาวุโสหลงเจ๋อรู้สึกลังเลที่จะพูด
ฉู่หลิวเยว่รีบเดินถอยออกไปทันทีอย่างรู้งาน
“ผู้อาวุโสทั้งสองคนคุยกันไปก่อนเถอะขอรับ ศิษย์ขอตัวลา”
เดิมทีผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ไม่ได้รังเกียจที่จะให้ฉู่หลิวเยว่อยู่ที่นี่ แต่เมื่อมองสีหน้าของหลงเจ๋อ เขาก็คิดว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ได้ขวางเอาไว้
แต่เขาก็กังวลว่าฉู่หลิวเยว่จะไปทั้งอย่างนั้น และไม่รู้ว่าครั้งหน้านางจะมาอีกเมื่อไร ดังนั้นจึงรีบพูดขึ้นว่า
“ฉู่เยว่ เจ้าอย่าเพิ่งไป ไปรอทางนั้นก่อน รอให้ข้าคุยกับหลงเจ๋อเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราค่อยคุยกับเจ้าต่อ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม
“ขอรับ”
เมื่อพูดจบ นางก็เดินออกไปอย่างเชื่อฟัง
จนกระทั่งเงาร่างของฉู่หลิวเยว่หายไปจากครรลองสายตาแล้ว ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจึงหันมามองผู้อาวุโสหลงเจ๋อ
“พูดมาเถอะ! เจ้ามีเรื่องอันใดกันแน่ ถึงได้ทำท่าทางลึกลับเช่นนี้?”
ผู้อาวุโสหลงเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แต่ก็ยากจะปิดบังความตื่นเต้น
เขากำหมัดกรอด แล้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ทางด้านบุพกาลชายแดนเหนือมีข่าวส่งมาว่า…หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นมาแล้ว!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงตกใจอย่างมาก แล้วรีบถามขึ้น
“จริงหรือ?”
“ข่าวจากปั๋วเหยี่ยน เป็นความจริงแน่นอน! เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งได้ไปคุ้มกันค่ายกลเคลื่อนย้าย เมื่อได้ข่าว ข้าก็รีบมาแจ้งให้เจ้าทราบทันที!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรู้สึกดีใจจนตัวลอยเช่นกัน เขาเดินวนไปวนมาอยู่สองรอบ
“ยอดไปเลย! ก่อนหน้านี้ข้ายังเป็นกังวลอยู่ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะสามารถเจอหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ได้เร็วขนาดนี้! จริงสิ ปั๋วเหยี่ยนยังพูดอันใดอีกหรือไม่?”
ผู้อาวุโสหลงเจ๋อพยักหน้า
“สถานการณ์ทางด้านนั้นค่อนข้างตึงเครียด ต้องการให้พวกเราส่งกำลังเสริมไปสนับสนุน ดังนั้นข้าจึงรีบมาปรึกษากับเจ้า ดูว่าเจ้าจะคัดเลือกคนไปอย่างใด”
“ยังต้องส่งคนไปอีกหรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้นผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้สำนักของพวกเราก็ส่งคนไปไม่น้อยเลยไม่ใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสสามสิบกว่าคน ศิษย์สามร้อยกว่า แม้จะเปรียบเทียบกับตระกูลสูงส่งเหล่านั้น ก็ยังถือว่าได้เปรียบอย่างมาก!
“ใช่แล้ว! ในตอนแรกข้าก็ประหลาดใจอย่างมาก แต่นั่นเป็นข่าวจากปั๋วเหยี่ยน จะไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน อีกทั้งเจ้าคิดดูสิว่านั่นมันหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์เลยนะ! หนึ่งในอาวุธศักดิ์สิทธิ์อันดับต้นๆ ของอาณาจักรเสิ่นซวี่! มีหลายฝ่ายต้องการจะแย่งชิงมัน การต่อสู้ดุเดือด ต่อให้สำนักของพวกเราไม่คว้าสิ่งนั้นเอาไว้ แต่ว่าเราก็ยังต้องป้องกันตนเองไม่ใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ปั๋วเหยี่ยนพูดหรือไม่ว่าต้องการกี่คน?”
“ไม่ได้พูดอย่างละเอียด แต่ข้าก็คาดเดาว่า…อย่างน้อยต้องใช้ผู้อาวุโสในสำนักเจ็ดแปดคนล่ะมั้ง?”
ตัวเลขจำนวนนี้ดูเหมือนจะน้อย แต่เมื่อรวมกับผู้อาวุโสที่เดินทางไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็นับว่ามากแล้ว
ท้ายที่สุดแล้วทั้งสำนักก็มีผู้อาวุโสเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น และผู้อาวุโสส่วนใหญ่จะต้องเฝ้าอยู่ที่นี่
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพยักหน้า
“ผู้อาวุโสเจ็ดแปดคนก็ยังสามารถเลือกออกมาได้อยู่ เจ้ากลับไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปตามหาคน”
“ได้!”
ผู้อาวุโสหลงเจ๋อจากไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบร่างรายชื่ออย่างรวดเร็ว
ในสำนักเขาก็มีตำแหน่งไม่ต่ำต้อย การไประดมผู้อาวุโสมานั้นไม่ใช่ปัญหา
แต่ว่าในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ที่เห็นว่าผู้อาวุโสหลงเจ๋อจากไปแล้วก็เดินกลับเข้ามา
เมื่อผู้อาวุโสฮวาเฟิงเห็นนาง ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้พูดว่าจะรับนางเป็นลูกศิษย์
แต่ว่าในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการคุยเรื่องนี้ต่อไป
เขาจึงพูดอย่างละอายใจว่า
“ฉู่เยว่ ตอนนี้มีเรื่องราวที่ข้าจะต้องจัดการ เรื่องกราบเป็นอาจารย์ เกรงว่าค่อยมาพูดกันใหม่ภายหลัง”
ความจริงแล้วฉู่หลิวเยว่ก็สามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้
ดูจากท่าทางของผู้อาวุโสหลงเจ๋อในตอนนั้น น่าจะเป็นเพราะทางด้านบุพกาลชายแดนเหนือเกิดเรื่องขึ้นแล้ว
นางหัวเราะเบาๆ
“ท่านไปจัดการธุระก่อนเถอะ เรื่องของข้านั้นไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน!”
แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะก่อเรื่องเป็นประจำ แต่โดยทั่วไปแล้วเขาก็เป็นคนที่รู้จักหนักเบา
ฉู่หลิวเยว่เห็นว่าเขาเตรียมตัวจะจากไป ดวงตาก็สั่นไหว จากนั้นก็ถามขึ้นราวกับไม่ได้ตั้งใจว่า
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง คือว่า…เกิดอันใดขึ้นกับบุพกาลชายแดนเหนือหรือ?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงครุ่นคิด เรื่องนี้เหมือนว่าจะไม่สามารถปิดบังนางได้ เขาจึงพยักหน้า
“ข้าจำเป็นจะต้องคัดเลือกผู้อาวุโสออกมาสักหลายคน”
ส่วนเรื่องว่าคัดเลือกออกมาเหตุใดนั้น เขาก็ไม่ได้พูด
แต่ฉู่หลิวเยว่สามารถสัมผัสได้ว่า นั่นคือประเด็นสำคัญ
ก่อนหน้านี้ส่งคนไปตั้งมากมายขนาดนั้น เหตุใดตอนนี้ยังจะต้องส่งไปอีก?
หัวคิ้วของนางขมวดขึ้น จากนั้นก็ถามอย่างหยั่งเชิงว่า
“ศิษย์มีคำขออย่างหนึ่ง ไม่ทราบว่าท่านจะตอบตกลงหรือไม่?”
“เจ้าพูดมา” ผู้อาวุโสฮวาเฟิงโบกมือ
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
“ครั้งนี้…ท่านสามารถพาข้าไปด้วยได้หรือไม่?”