ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1324 บุพกาลชายแดนเหนือ
ตอนที่ 1324 บุพกาลชายแดนเหนือ
ลำแสงกระบี่สว่างวาบ แผ่กระจายออกไปทั่วท้องฟ้า!
พลังกระบี่อันดุเดือดฟาดลงไปที่ขมับของชายคนนั้นในทันที!
กระบี่ชื่อเซียวถือว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อที่หาได้ยากยิ่งในโลกใบนี้
มันมีข้อดีข้อหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มาก คือสามารถควบแน่นพลังและออกอาวุธโจมตีศัตรูได้อย่างรวดเร็ว!
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่ใช้หมัดเทวา นางต้องใช้เวลาเตรียมตัวและรวบรวมลมปราณ แต่ตอนที่นางใช้กระบี่ชื่อเซียว นางไม่จำเป็นจะต้องทำอย่างนั้นเลย!
นางกวัดแกว่งกระบี่ได้ตามใจชอบ พลังไร้เทียมทานอย่างยิ่ง!
เพียงแค่ชั่วเวลาหนึ่งกระบี่ชื่อเซียวก็สามารถควบแน่นพลังอันน่าทึ่งออกมาได้ จากนั้นก็สามารถฟันลงได้อย่างง่ายดาย!
และก็เป็นเช่นนั้น
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ!?”
ชายคนนั้นถูกพลังที่บ้าคลั่งโจมตีจนต้องถอยร่นลงไปหลายก้าว เขายังไม่ทันได้ยืนอย่างมั่นคง ก็สามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณที่หนาวเย็นขึ้นมา!
เขาเงยหน้าขึ้นมอง ในแววตามีประกายตื่นตระหนก
สายตาของฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่เข้มข้น
เรื่องที่นางมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ นอกจากผู้อาวุโสที่อยู่ในสำนัก ก็แทบจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้
ด้วยเหตุผลหลายประการ เหล่าผู้อาวุโสในสำนักจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้สู่โลกภายนอก
แต่คนอื่นนั้นไม่แน่
ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่า ถ้าข่าวที่นางครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อจะแพร่กระจายออกไป จะต้องทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมาก
ดังนั้น…วันนี้ผู้ชายคนนี้จะต้องตายที่นี่! เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็สะกิดปลายเท้า แล้วทะยานไปด้านหน้า พร้อมฟันกระบี่รอบที่สอง!
…
ภายในเมืองฝางโจว
หลังจากที่จัวเซิงและเพื่อนแยกทางกับฉู่หลิวเยว่แล้ว เขาก็เดินไปที่เหลาน้ำชาแห่งหนึ่งบริเวณใกล้เคียง อยากจะรอคอยนางอยู่ที่นั่นแล้วค่อยออกไปเดินเที่ยวพร้อมกัน
แต่หลังจากรอแล้วรอเล่า กาน้ำชาเย็นลงแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ยังไม่กลับมา
“แค่ไปคืนของต้องใช้เวลานานขนาดนี้ด้วยหรือ?”
จัวเซิงอยู่ริมหน้าต่างชั้นสองแล้วมองลงมา
คนที่อยู่บนถนนเดินพลุกพล่าน ค่อนข้างมีชีวิตชีวา แต่ก็มองไม่เห็นเงาร่างที่คุ้นตาเลย
“หรือว่าคนผู้นั้นจะไม่ยอมคืนเงิน จนทำให้ทั้งสองคนต้องทะเลาะกันขึ้นมา?”
หลัวเยี่ยนหมิงครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า
“น่าจะไม่ใช่ ป้ายไม้แผ่นนั้นไม่ใช่ของมีราคาอันใด ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะเลาะกันเพราะสิ่งนี้ เดิมทีนี่ก็เป็นความผิดของพ่อค้าที่ขายของปลอมคนนั้น หากทะเลาะกันขึ้นมา เขาก็ไม่น่าจะค้าขายต่อไปได้”
จัวเซิงคิดแล้วก็เห็นด้วย ฝางโจวเป็นสถานที่ที่พิเศษ ปกติแล้วไม่มีใครกล้ามาก่อเรื่องที่นี่ เขาคิดว่าอีกสักครู่ ฉู่หลิวเยว่ก็คงจะกลับมา
แต่เมื่อทั้งสองคนรอไปอีกสักพัก คนผู้นั้นก็ยังไม่กลับมาเสียที
“ไม่ได้การล่ะ พวกเราจะต้องไปดูเสียหน่อย!”
เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็รีบกลับไปที่ถนนสายก่อนหน้านี้
แต่พ่อค้าคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งนานแล้ว แม้กระทั่งแผงลอยของเขาก็ถูกเก็บไปแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ทั้งสองคนกวาดตามองโดยรอบ จากนั้นก็สัมผัสได้ว่า นี่มันเกิดเรื่องแล้วจริงๆ!
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดทั้งสองคนนั้นถึงหายตัวไป?”
จัวเซิงมีสีหน้ากังวล
“พ่อค้าคนอื่นยังอยู่ที่นี่อยู่เลย…ผู้ชายคนนั้นจะต้องมีอันใดแอบแฝงแน่นอน! เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะพาตัวฉู่เยว่ไปด้วย!”
หลัวเยี่ยนหมิงพินิจครู่หนึ่ง
“เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นฉู่เยว่บอกว่าของชิ้นนั้นเป็นของปลอม ต้องการจะคืนสินค้า…แต่เขาคือเซียนหมอ เขาจะมองพลาดได้อย่างใด?”
ก่อนหน้านี้เขายังไม่รู้สึก แต่เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็คิดว่ามันมีข้อน่าสงสัยอยู่หลายจุด!
เหมือนว่าฉู่เยว่ตั้งใจจะกลับไป!
“ถ้า…ถ้าอย่างนั้นเหตุใดฉู่เยว่ไม่พูดกับเราเสียหน่อยล่ะ?”
จัวเซิงรู้สึกโมโหขึ้นมา
“หรือว่ายังกลัวว่าพวกเราจะรู้เรื่องอันใดเข้า!”
หากเจอเรื่องอันตรายเข้า แล้วมีพวกเราอยู่ ก็ยังสามารถช่วยอีกฝ่ายได้!
แต่ว่าตอนนี้อีกฝ่ายไปอยู่ที่ไหนเขายังไม่รู้เรื่องเลย!
“เมืองฝางโจวใหญ่เกินไป ผู้ชายคนนั้นเหมือนว่าจะเตรียมตัวมา มีแค่พวกเราสองคน เกรงว่าจะไม่เพียงพอ”
หลัวเยี่ยนหมิงพูดขึ้น แล้วหมุนตัวเดินออกไปอีกทาง
“เฮ้ เยี่ยนหมิง เจ้าจะไปไหนน่ะ?”
จัวเซิงรีบติดตามไปในทันที
หลัวเยี่ยนหมิงกล่าวขึ้นมาอย่างหนักแน่น
“ไปหาผู้อาวุโสที่อยู่ในเมือง เรื่องทุกอย่างที่อยู่ภายในเมืองฝางโจวอยู่ในกำมือของพวกเขาแทบจะทั้งหมด เมื่อมีการช่วยเหลือจากเขา น่าจะสามารถตามหาฉู่เยว่กลับมาได้โดยเร็วที่สุด”
…
อีกด้านหนึ่งทุกคนจากสำนักมุ่งหน้าไปทางบุพกาลชายแดนเหนือ
หลังจากผ่านการเดินทางอันยาวนานและหนักหน่วง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมองไปด้านหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ศิษย์ที่อยู่ด้านหลังได้ยินดังนั้นก็ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
“ขอรับ!”
เหล่าผู้อาวุโสมีสีหน้าเคร่งขรึม ผลกระทบนี้ทำให้บรรยากาศทั้งหมดดูกดดันมากขึ้น
แต่ถึงอย่างใดก็ตาม ก็มีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกตื่นเต้นและสงสัยของตัวเองได้
อาจจะเรียกได้ว่าลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ หรืออาจจะพูดว่านี่คือความกระตือรือร้นของวัยหนุ่ม
แต่สรุปแล้วว่าพวกเขาล้วนกระหายและอยากจะแข็งแกร่งขึ้น และหวังว่าตนเองจะสามารถผ่านประสบการณ์ในครั้งนี้ไปได้ เพื่อให้มีฝีมือที่สูงขึ้น เมื่อได้พบกับโอกาสบางอย่าง จะทำให้ฝีมือสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นไม่นานรอบข้างก็เงียบเสียงลงไปอีกครั้ง แต่เหมือนกับใต้น้ำที่เงียบสงบ มีคลื่นที่สาดซัดเข้ามา
ทุกคนวางม่านพลังที่ข้างกายตนเอง มีบางคนถึงกับหยิบอาวุธโบราณออกมาถือไว้ในมือ ราวกับว่าเตรียมพร้อมสู้รบอยู่ตลอดเวลา
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและผู้อาวุโสคนอื่นๆ สบสายตากัน จากนั้นก็พยักหน้า
“เปิด!”
เมื่อเขาออกคำสั่ง ผู้อาวุโสทั้งหลายก็ลงมือพร้อมกันทันที
ด้านหน้าคือความมืด ทันใดนั้นเองก็มีค่ายกลที่ซับซ้อนปรากฏขึ้น!
หัวใจของทุกคนต่างตกตะลึงไป…นั่นมันทางออกค่ายกลเคลื่อนย้ายไม่ใช่หรือ!
หากเดินไปผ่านทางนี้ ก็สามารถเดินทางไปที่บุพกาลชายแดนเหนือในตำนานได้แล้ว
ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของผู้อาวุโสทุกคน หลังจากนั้นไม่นาน ตรงกลางของค่ายกล ก็มีรอยแยกรอยหนึ่งปรากฏขึ้น
แสงสีขาวสว่างแสบตาพุ่งออกมาจากรอยแยกนั้น!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหยีตามอง นี่เป็นพลังที่มีจำนวนมหาศาล!
ค่ายกลถูกแบ่งเป็นสองส่วน แต่ละคนค่อยๆ ถอยกลับมา ในที่สุดประตูค่ายกลเคลื่อนย้ายก็เปิดออกอย่างช้าๆ
“ไป!”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนรีบเคลื่อนตัวแล้วพุ่งออกไป!
ผู้อาวุโสคนอื่นอีกสิบกว่าคนรีบรุดติดตามไปในทันที!
ทุกคนเริ่มเดินเข้าแถวยาวเหยียด
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนออกตัวไปก่อนคนแรก
สองเท้าเหยียบลงที่พื้นแข็ง ในที่สุดเขาก็โล่งอกขึ้นมาได้
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเงยหน้าขึ้น แล้วมองตรงไป
ที่แห่งนี้คือทุ่งหิมะอันกว้างใหญ่
ท้องฟ้าเป็นสีเทาหม่น มืดสลัว หิมะโปรยหนักหน่วง
นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่สามารถมองเห็นอันใดได้อีก
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนชะงักไปเล็กน้อย
นี่มัน…
“บุพกาลชายแดนเหนือหรือ?”
ด้านหลังของเขามีผู้อาวุโสเหวินซีติดตามมา เมื่อเห็นฉากนี้เขาก็ตะลึงงัน ยืนอยู่กับที่
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาที่นี่ แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเคยได้ยินข่าวลือมาไม่น้อย แต่ตอนที่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ก็ยังรู้สึกตกใจอย่างมาก
ด้านหลังมีผู้คนเดินออกจากค่ายกลเคลื่อนย้ายจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
“สิ่งนั้นมันจะปรากฏที่นี่จริงๆ หรือ?”
ผู้อาวุโสเหวินซีถามขึ้นมาเสียงต่ำอย่างอดไม่ได้
ทันใดนั้นเองเขาก็เพ่งความสนใจไปที่ด้านหน้า
“นั่นมันอันใดน่ะ?”