ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1322 ล่อ
ตอนที่ 1322 ล่อ
อาจจะเป็นเพราะกาลเวลาผ่านไปนาน สัญลักษณ์นี้จึงเสียหายไปพอประมาณ
ถ้าไม่ได้มองดีๆ จะคิดว่านี่เป็นเพียงลวดลายธรรมดาเท่านั้น ไม่มีทางคิดถึงสัญลักษณ์แบบนั้นได้เลย
แต่เป็นเพราะว่าฉู่หลิวเยว่รู้สึกคุ้นเคยกับสัญลักษณ์นี้อย่างมาก นางถึงได้มองแค่ครู่เดียวก็มองออก
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่จ้องมองไปที่พ่อค้าที่อยู่ด้านหลังแผงลอยตาเขม็ง
คนผู้นี้เป็น ชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปี เขาสวมชุดคลุมสีเทาท่าทางเก่าและผ่านการซักมาหลายครั้ง รูปร่างกำยำล่ำสัน หนวดเครารุงรัง
เหมือนกับว่าเขาเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาในเมืองฝางโจวเท่านั้น
“ชิ้นนี้ขายอย่างใดหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ถาม
ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองของที่อยู่ในมือของนาง รอยยิ้มประดับขึ้นบนใบหน้า
“คุณชายท่านนี้ ช่างมีสายตาเฉียบแหลมจริงๆ! นี่คือไม้ซาจี๋ที่หาได้ยากยิ่ง! เป็นสมุนไพรชั้นเลิศ! หากพกติดตัวไปด้วย จะสามารถทำให้สงบสติอารมณ์และมีปราณเพิ่มขึ้น! มีประโยชน์ต่อการบำเพ็ญเพียรอย่างยิ่ง! หากท่านต้องการละก็…คือราคานี้!”
เขาชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
ฉู่หลิวเยว่ลูบคลำป้ายไม้
“แม้ว่าไม้ซาจี๋นี้จะไม่เลว แต่ก็ไม่ใช่สมบัติล้ำค่าชั้นยอด ถ้าหากเจ้าต้องการราคานี้ มันคุ้มค่าหรือ? เจ้าได้ของชิ้นนี้มาจากที่ใด?”
พ่อค้าคนนั้นได้ยินเช่นนั้น ก็หัวเราะออกมา
“ต่อให้ไม่ใช่สมบัติที่ล้ำค่า แต่ถ้าท่านชอบมัน มันก็กลายเป็นสมบัติล้ำค่าแล้วไม่ใช่หรือ? ส่วนข้าได้ของชิ้นนี้มาจากที่ใด…ฮึ ข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว! ท่านดูสิข้ามีของมากมาย เอาของมาจากที่ไหนบ้างข้าก็จำไม่ได้แล้ว หากท่านต้องการมันจริงๆ ข้าจะลดราคาให้ เป็นอย่างใด?”
“เจ้าคิดว่าพวกเราเป็นคนโง่ที่ตามคนอื่นไม่ทันอย่างนั้นหรือ? ของสิ่งนี้ ไม่ได้แม้แต่ครึ่งหนึ่งของราคาที่เจ้ากล่าวมาเลย!”
จัวเซิงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อดเดินเข้ามาไม่ได้ ก่อนที่จะพูดเยาะเย้ยขึ้น
“ฉู่เยว่ หากเจ้าต้องการไม้ซาจี๋นี่จริงๆ ละก็ สำนัก…พวกเรามีอยู่เยอะมาก เจ้าไม่จำเป็นจะต้องสิ้นเปลืองเงินเช่นนี้”
ภายในสำนักหลิงเซียวมีของทุกสิ่งอย่าง ความจริงแล้วเขาก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดฉู่เยว่ถึงสนใจของสิ่งนี้นัก
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมา
“มันหายากที่จะเจอของที่เข้าตา ซื้อมาดูเล่นก็คงไม่เลว”
จากนั้นนางก็หันไปพูดกับพ่อค้าว่า
“หากลดครึ่งราคา ข้าก็จะเอา”
พ่อค้าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจอย่างมาก
“ได้เลย! คุณชายใจกว้างจริงๆ!”
จัวเซิงก็ไม่อยากจะโน้มน้าวอันใดอีก เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ตัดสินใจแล้ว ก็ทำได้เพียงปล่อยนางไป
ฉู่หลิวเยว่หยิบถุงเงินออกมา จากนั้นก็ส่งเงินให้เขา
พ่อค้าคนนั้นรับเงินไปด้วยความดีอกดีใจ
“คุณชายต้องการสินค้าชนิดอื่นอีกหรือไม่ สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย!”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“ไม่ต้องแล้ว เอาแค่อันนี้แหละ”
เมื่อพูดจบนางก็หันไปมองจัวเซิง
“เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าจะพาพวกเราไปสถานที่ที่ครึกครื้นไม่ใช่หรือ? พวกเราไปกันเถอะ”
“ใช่ๆ! ไป! ไปที่นั่นกัน!”
ขณะที่พูดจัวเซิงก็เป็นคนเดินนำทางไปด้านหน้า
ฉู่หลิวเยว่และหลัวเยี่ยนหมิงก็เดินติดตามไปอย่างใกล้ชิด
เงาร่างของคนทั้งสามคนหายไปจากมุมถนนอย่างรวดเร็ว
…
“ฉู่เยว่ นั่นเป็นเพียงป้ายไม้ซาจี๋แกะสลักไม่ใช่หรือ? มันมีอันใดดีกัน? เจ้านี่นะ มีเงินแต่ไม่มีที่ใช้จริงๆ!”
ขณะเดินทางจัวเซิงก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ฉู่หลิวเยว่ซื้อป้ายไม้นั้นไม่พัก
ในฐานะที่พวกเขาเป็นศิษย์สำนักหลิงเซียว โดยเฉพาะฉู่เยว่เป็นเซียนหมอ! มีอันใดที่เขาไม่เคยเห็นผ่านตามาบ้าง?
คาดไม่ถึงว่าการมาฝางโจวในครั้งนี้ เขาจะซื้อของแบบนี้กลับไป พูดไปแล้วเกรงว่าจะมีแต่คนหัวเราะเยาะ
หลัวเยี่ยนหมิงยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“จัวเซิง เขาอยากได้ก็ให้เขาซื้อไปเถอะ เงินที่ซื้อก็เป็นเงินของเขา เจ้าจะทำอันใดได้กัน”
“แต่นี่มันไม่ใช่…เอ๋ ฉู่เยว่ เหตุใดเจ้ายังไม่เดินมาเสียที?”
ขณะที่จัวเซิงพูด เขาก็เห็นว่าฉู่หลิวเยว่หยุดยืนอย่างกะทันหัน เขาพิจารณาป้ายไม้ที่อยู่ในมือ จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับไป
คนที่เหลืออีกสองคนต่างนิ่งค้างไป คิดว่าเขาโมโหขึ้นมาแล้ว จึงรีบวิ่งตามไป
“เฮ้ ฉู่เยว่ เจ้าเป็นอันใดไปหรือ?”
จัวเซิงเกาศีรษะด้วยความลำบากใจ
“เป็นเพราะว่าข้าพูดมากเกินไป จนเจ้าไม่อยากฟังใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“เปล่า เพียงแค่ข้าพบว่าป้ายไม้แผ่นนี้เป็นของปลอม พวกเจ้าไปเดินเล่นก่อนเถอะ ข้าจะไปขอคืนเงินกับพ่อค้าผู้นั้น เดี๋ยวจะตามไปสมทบกับพวกเจ้า”
“ของปลอม?”
ทั้งสองคนตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าของฉู่หลิวเยว่ เหมือนว่านางไม่โกหก เขาจึงรู้สึกเชื่อขึ้นมา
“คาดไม่ถึงว่าร้านนั้นจะกล้าขายของปลอม! พวกเราต้องสั่งสอนเขาเสียหน่อย! น้องชายข้าจะไปกับเจ้าด้วย!”
ขณะที่จัวเซิงพูด เขาก็ถลกแขนเสื้อขึ้นมา วางแผนว่าจะไปวางมวยกับเขา
ฉู่หลิวเยว่ก็อดที่จะเหลือบสายตามองเขาไม่ได้
“พวกเจ้าไปที่อื่นก่อนจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นหากกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาจะทำอย่างใด? อย่าลืมนะว่า ที่นี่คือเมืองฝางโจว หากเกิดอันใดขึ้นทางสำนักจะรู้ได้ในทันที”
จัวเซิงปลดแขนเสื้อลงอย่างลำบากใจ
“เช่นนั้นเจ้าคนเดียว…จะได้หรือ?”
ถ้าหากคนผู้นั้นไม่ยอมรับล่ะ?
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาเสียงเบา
“ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ในเมืองฝางโจวก็ยังมีผู้อาวุโสนั่งประจำการอยู่”
หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับศิษย์ พวกเขาจะมาออกหน้าให้ทันทีอย่างแน่นอน
“ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวข้าจะกลับมาแล้ว”
จัวเซิงและหลัวเยี่ยนหมิงมองหน้ากันไปมา และทำได้เพียงตอบตกลง
“ก็ได้”
…
ฉู่หลิวเยว่เดินกลับไปทางเดิม หลังจากนั้นไม่นานนางก็เดินมาถึงถนนเมื่อครู่ที่พวกเขาจากมาแล้ว
นางไม่ได้เดินขึ้นไปด้านหน้า เพียงแต่หลบอยู่มุมถนนแล้วใช้สายตามองไป
พ่อค้าคนนั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
มีปัญหาจริงๆ ด้วย!
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย นางทิ้งเครื่องหมายพิเศษเอาไว้ตรงกระเป๋าเงิน ขอเพียงแค่อยู่ในระยะสามสิบลี้ นางก็จะสามารถตรวจจับร่องรอยของอีกฝ่ายได้
นางหมุนแหวนเฉียนคุนที่อยู่ในมือ แล้วมองไปรอบด้าน สุดท้ายนางก็วิ่งไปในทิศทางหนึ่ง
…
ตรอกซอกซอยในเมืองฝางโจวล้วนครึกครื้นอย่างมาก ฉู่หลิวเยว่เดินผ่านไป ท่าทางยังคงดูปกติธรรมดา เหมือนไม่มีความแตกต่างจากคนผู้อื่น
แต่ความเป็นจริงแล้ว นางยังคงเว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายอยู่ช่วงตัวเสมอ
หลังจากเดินผ่านถนนไปสามสาย ฉู่หลิวเยว่รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เส้นทางของอีกฝ่ายนั้น…เหมือนว่ากำลังจะออกนอกเมือง!
ฝีเท้าของนางหยุดชะงัก
อีกฝ่ายตั้งใจจะออกนอกเมืองอยู่แล้ว หรือว่า…ตั้งใจจะล่อให้นางออกจากเมือง!
ภายในเมืองฝางโจวมีผู้อาวุโสและศิษย์สำนักหลิงเซียวอยู่จำนวนไม่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันไม่ค่อยสะดวก
จึงทำได้เพียงออกจากเมืองเท่านั้น ถึงจะสามารถทำเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างสะดวก
ฉู่หลิวเยว่กำป้ายไม้ในมือแน่น และสามารถสัมผัสกับสัญลักษณ์ที่แกะสลักบนป้ายไม้ได้อย่างชัดเจน
นางลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินตามไป!
ต่อมาไม่นานนางก็เดินมาถึงประตูทางไปนอกเมืองแล้ว
ที่แห่งนี้ไม่มีคนเฝ้ายาม ดังนั้นจึงมีคนเข้าคนออกเป็นจำนวนมาก
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามอง แต่ก็มองไม่เห็นเงาร่างของพ่อค้าคนนั้นแล้ว
เขาออกจากเมืองไปแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่เก็บป้ายไม้ลง แล้วเดินออกไปนอกประตูเมือง
ตอนที่ผ่านม่านพลังของประตูเมือง ฉู่หลิวเยว่จงใจกดพลังของตนเองให้ต่ำลง
พลังที่อยู่ภายในตันเถียนสงบนิ่ง
นางถึงได้ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เงยหน้าแล้วมองไปด้านหน้า
ด้านนอกเมืองฝางโจว มันคือป่ารกร้างไม่มีที่สิ้นสุด
ท้องฟ้ามืดครึ้ม เหมือนว่าฝนกำลังจะตก
บริเวณที่ฟ้าดินบรรจบกัน ดูวุ่นวายอย่างยิ่ง จนไม่สามารถมองอันใดได้อย่างชัดเจน
บนพื้นที่ป่ารกร้าง มีคนเดินเข้ามา มีคนเดินออกไป
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่อยู่ภายในเมืองแล้ว ที่นี่ก็มีจำนวนน้อยกว่ามาก
ฉู่หลิวเยว่มองไปอย่างตั้งใจ ในที่สุดนางก็สามารถเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคย
คนผู้นั้นก็คือพ่อค้านั่นเอง!
นางเพิ่มพลังลมปราณแล้วรีบตามไป!
ระยะห่างจากเมืองฝางโจวยิ่งไกลมากเท่าไร คนก็มีจำนวนน้อยลงมากเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่มีคนรอบข้างแล้ว
“ตั้งใจล่อข้าออกมา ตอนนี้คงสามารถคุยกันดีๆ ได้แล้วสินะ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ