ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1318 เก็บความลับ
ตอนที่ 1318 เก็บความลับ
ฉู่หลิวเยว่ลูบตัวถวนจื่อไปมา ก่อนจะยอมปล่อยมือออกในที่สุด ก่อนจะบุ้ยคางไปทางบรรดาสัตว์อสูรที่อยู่ด้านล่างจำนวนนับไม่ถ้วน
“เพื่อช่วยเจ้าไว้เมื่อครู่ พวกมันเองก็ออกแรงไปไม่น้อยเช่นเดียวกันหนา”
ทันใดนั้นหมู่สัตว์อสูรที่ถูกชมเชยพลันสั่นระริกไปถึงดวงจิต สีหน้าหรือก็ปั้นไม่ถูกแลกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย
ช่วยเหลือหรือ?
ออกแรงอย่างนั้นหรือ?
มิกล้ามิกล้า!
เป็นเรื่องที่ควรทำ! เป็นเรื่องที่ควรทำ!
ได้เห็นการถือกำเนิดของหงส์ทองคำอสูรศักดิ์สิทธิ์จากบรรพกาลด้วยตาเนื้อของตัวเองก็เป็นโชคดีสูงสุดที่ได้รับแล้ว ไฉนเลยจะกล้าขออย่างอื่นที่มากเกินตัวเล่า?
ย้อนกลับไปคราแรกเริ่ม ที่พวกมันได้มาที่นี่ก็เป็นเพราะฉู่หลิวเยว่โดยแท้
ทว่ามาบัดนี้กลับมิใช่อีกต่อไปแล้ว
คำบ่นว่า ‘เล็กๆ น้อยๆ’ ที่มีให้แก่ฉู่หลิวเยว่ตอนขามา บัดนี้ล้วนสลายหายไปดั่งควัน กระทั่งรู้สึกขอบคุณนางขึ้นมาอยู่หลายส่วนเสียด้วยซ้ำ
…สำหรับสัตว์อสูรแล้ว พวกมันยึดถือเรื่องลำดับเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ต้องพูดถึงว่าให้ช่วยเหลือเช่นคราวนี้เลย ต่อให้สั่งพวกมันสละชีวิตตัวเอง พวกมันเองย่อมไม่มีทางมีสิทธิ์มีเสียงโต้แย้งได้
นี่ก็คือแรงกดดันมหาศาลของอสูรศักดิ์สิทธิ์จากบรรพกาล!
ถวนจื่อเบนสายตามองตามฉู่หลิวเยว่ไปยังด้านล่างแวบหนึ่ง
พึ่บพับ…
ปีกกว้างกระพือสั่น เปลวเพลิงสีทองพิสุทธิ์พลันพวยพุ่งออกไปเป็นเส้นโค้งสวยงามอยู่กลางอากาศ
จากนั้น เปลวเพลิงกลุ่มนั้นก็ส่งเสียง ‘ปุ’ ก่อนจะแตกแยกออกมาเป็นสะเก็ดไฟจำนวนนับไม่ถ้วนที่ร่วงกระจายไปทั่วทุกทิศ!
สะเก็ดไฟเหล่านั้นร่วงหล่นลงบนร่างของสัตว์อสูรทั้งหลาย ยามมันแตะโดนผิวหนังก็ซึมสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ บาดแผลบนร่างของพวกมันก็เริ่มผสานเข้าหากันด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
บาดแผลเหล่านี้ของพวกมันเดิมทีก็ได้มาเพราะการตื่นขึ้นของพลังแห่งสายเลือดของถวนจื่อ ดังนั้นบัดนี้ก็นับได้ว่าแก้ปัญหาได้ตรงจุดนัก และผลลัพธ์ที่ออกมาก็เรียกได้ว่าดีเป็นพิเศษ
สัตว์อสูรทั้งหมดทั้งมวลต่างก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้รับการปฏิบัติดีโดยมิคาดฝัน จึงพากันคุกเข่าก้มศีรษะแสดงความขอบคุณอย่างนอบน้อมสุดขีด
สามารถช่วยให้หงส์ทองคำบุกทะลวงผ่านมาได้ อีกทั้งยังได้รับการบำรุงรักษาจากพลังของมันอีก สำหรับพวกมันแล้วนี่เป็นสิ่งหาได้ยากยิ่ง อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อตัวพวกมันเองด้วย พวกมันจึงย่อมรู้สึกซาบซึ้งจนเต็มอก
กระทั่งสายตายามใช้มองฉู่หลิวเยว่เองก็เคารพเชื่อฟังและว่าง่ายขึ้นเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน
เห็นได้ชัดเลยว่าการกระทำเช่นนี้ของถวนจื่อก็เพื่อบอกพวกมันว่าใครคือผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ล้วนมิใช่ตัวโง่งม ย่อมต้องเล่นตามน้ำไปเช่นกัน
กี๊!
ถวนจื่อกู่ร้องเสียงใสไปอีกหนึ่งคำรบ
หมู่สัตว์อสูรทั้งหลายจึงเริ่มทยอยแยกย้ายกันไป
ในไม่ช้า สัตว์อสูรที่อยู่บริเวณยอดเขาก็แยกย้ายไปตามทางจนหมด
ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะสงบลงไปได้ในท้ายที่สุด
ร่างของถวนจื่อเปล่งแสงขึ้นมาคราหนึ่ง ก่อนจะหดร่างเปลี่ยนไปเป็นร่างเล็กจิ๋ว
หากเทียบกับแต่ก่อนแล้วมันดูจะงดงามสวยสดกว่ามากทีเดียว
มันกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะซุกศีรษะเข้าไปในอ้อมอกของฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่กอดมันไว้เสียเต็มอกพลางหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ทั้งดวงตาและเรียวคิ้วต่างวาดโค้งน่าดูชม
หัวน้อยๆ ของถวนจื่อถูไถเข้ากับกระดูกไหปลาร้าของนางอย่างเปี่ยมด้วยความคิดถึงคะนึงหาคนใกล้ชิด
สุ้มเสียงใสเสนาะเพราะพริ้งพลันดังแว่วเข้ามาในหู
ฉู่หลิวเยว่ตื่นตกใจขึ้นมาในบัดดล
นี่มัน… เสียงของถวนจื่ออย่างนั้นรึ?
“อาเยว่ อาเยว่ ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”
…
“ฉู่เยว่”
ในตอนที่ฉู่หลิวเยว่คิดจะเอ่ยปากคุยกับถวนจื่ออีกสักประโยคสองประโยคนั่นเอง พลันมีสุ้มเสียงที่คุ้นหูลอยแว่วดังมาจากด้านข้างเสียก่อน
นางเงยศีรษะขึ้นมอง ก่อนจะหยักยกริมฝีปากส่งรอยยิ้มไปให้
“คารวะผู้อาวุโสทั้งสองขอรับ”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงจ้องมองถวนจื่อที่ถูกฉู่หลิวเยว่ตระกองกอดเอาไว้ในอ้อมอก ในดวงตายังคงแฝงแววประหลาดใจแลตื่นตะลึงอยู่หลายส่วน
อย่างใดเสียนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหงส์ทองคำด้วยตาตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… เป็นหงส์ทองคำที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์ด้วยแล้ว
“ฉู่เยว่ ร่างกายเจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ยังถือว่าคงท่าทีสงบนิ่งไว้ได้ ยามได้เห็นสภาพดูไม่จืดของฉู่หลิวเยว่จึงเอ่ยถามออกไปด้วยเป็นกังวล
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยแกมหัวเราะว่า
“ผู้อาวุโสโปรดวางใจ ศิษย์ไม่เป็นไรมากนักขอรับ”
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้รับบาดเจ็บมาบ้าง แต่หลังจากถวนจื่อบุกทะลวงสำเร็จ อาจเป็นเพราะความข้องเกี่ยวกันทางพันธสัญญา บาดแผลเหล่านั้นจึงฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็ว
ถึงขั้นที่นางรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ขึ้นมาส่วนหนึ่งเสียด้วยซ้ำ
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี!”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ขอแค่คนไม่เป็นอันใด เรื่องอื่นก็ล้วนไม่มีปัญหา
“แล้วเจ้า…”
สายตาของเขาจึงมาหยุดอยู่บนร่างของถวนจื่อ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็เลือกเอ่ยคำพูดออกไปอย่างระมัดระวัง
“ยังไม่ได้ยินดีกับเจ้าเลยที่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญา… บุกทะลวงสำเร็จแล้ว”
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสมากขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ตบถวนจื่อเบาๆ สองสามทีก่อนให้มันขึ้นไปแอบอิงอยู่บนไหล่ สีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นมาหลายระดับ
“ความจริงแล้ว ศิษย์มีเรื่องอยากจะไหว้วานผู้อาวุโสทั้งสองท่านขอรับ”
“เจ้าว่ามา”
“คือว่า… เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ รบกวนท่านผู้อาวุโสทั้งสองท่านช่วยเก็บมันเป็นความลับไว้สักระยะหนึ่งได้หรือไม่ขอรับ?”
ผู้อาวุโสทั้งสองสบตากันไปมา
ตอนนี้กลับอยากถามข้อนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น…
“วางใจเถอะ เรื่องราวเกี่ยวพันใหญ่โต หากมิใช่เจ้าเป็นผู้เริ่มเอ่ยขึ้นมาก่อน พวกข้าทั้งสองย่อมไม่มีทางเปิดเผยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลยแม้แต่คำเดียว”
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้เอ่ยเน้นทีละคำ
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเองก็พยักหน้าอย่างลนลาน
“ใช่แล้วใช่แล้ว! พวกข้าไม่พูดออกไปแน่นอน!”
ล้อกันเล่นหรือไร หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ก็เหมือนกับจับเจ้าเด็กนี่โยนออกไปเป็นเป้ามิใช่หรือ?
หากตอนนี้เขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพก็แล้วไปเถอะ น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังอยู่ที่ระดับแปดเท่านั้น
แม้ว่าพลังต่อสู้จะแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับแปดทั่วไปอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นแค่ระดับแปด
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกอย่างควรเก็บเงียบเอาไว้นั่นแหละจึงจะเป็นผลดี
“จัวเซิงและหลัวเยี่ยนหมิงที่อยู่ฟากโน้น รอค่ำกว่านี้สักหน่อยข้าจะไปคุยให้เอง พวกเขาย่อมไม่สงสัยเจ้าแน่นอน”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพูดไปพลาง ก่อนจะรู้สึกว่าประโยคนี้ฟังดูไร้สาระสิ้นดี
…ใครที่ไหนจะไปสงสัยว่าสัตว์อสูรของฉู่เยว่บุกทะลวงกลายเป็นหงส์ทองคำได้บ้างเล่า?
ต่อให้เติมพลังจินตนาการของพวกเขาเพิ่มไปอีกสิบเท่าตัวยังไม่พอเลย!
หากมิใช่เพราะเขาอยู่ที่นี่ด้วย อีกทั้งยังได้เห็นเรื่องราวตั้งแต่เริ่มจนจบอย่างชัดเจน ปฏิกิริยาแรกหลังจากได้ฟังเรื่องนี้ย่อมต้องคิดว่านี่เป็นเรื่องอำกันเล่นอย่างแน่นอน
ได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เบาใจลงไปมากทีเดียว
คำพูดของผู้อาวุโสทั้งสองท่านนี้เชื่อถือได้อยู่มาก
ก่อนที่ตัวนางจะแข็งแกร่งมากพอ จะเป็นการดีกว่าถ้าเรื่องเหล่านี้เล็ดลอดออกไปได้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพียงแต่น่าเสียดายนักที่หลังจากนี้สักระยะหนึ่ง เกรงว่านางจะไม่สามารถเรียกถวนจื่อให้ออกมาได้ตามใจชอบแล้ว
“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสมากขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ก้มคำนับคนทั้งสองเป็นเชิงขอบคุณด้วยท่าทีสุภาพเรียบร้อยยิ่ง
ผู้อาวุโสอวี๋อวี้มองดูนาง ก่อนเสสายตามองถวนจื่อ จากนั้นพลันเอ่ยถามขึ้นมาว่า
“กษายะหางวายุตัวนี้ของเจ้า… เหตุใดถึงได้บุกทะลวงปุบปับเช่นนี้?”